ตอนที่ 628 พ่อไป๋ตำหนิไป๋ซวง
โฆษณาเพิ่งป่าวประกาศออกไป แต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งที่ต้องการขายที่ดินให้หลินม่ายกลับติดต่อหาเธอในวันรุ่งขึ้น
ที่ดินในฮ่องกงมีราคาแพงมาก จนหลินม่ายต้องทะลายทรัพย์สินทั้งหมดที่ได้จากทางครอบครัว ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับที่ดินพื้นที่เล็กที่สุดอยู่ดี
หลินม่ายจึงทำตามแบบชายผู้ร่ำรวยที่สุด นั่นก็คือไปกู้เงินกับทางธนาคารฮ่องกง และเอามาซื้อที่ดินสองผืนบนทำเลทองสบาย ๆ
รัฐบาลของทางฮ่องกงฉลาดกว่ารัฐบาลของทางแผ่นดินใหญ่มาก
หลินม่ายที่ขอสินเชื่อสามารถใช้ที่ดินมาค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังต้องการให้บริษัทมาค้ำประกันอยู่ดี
หลินม่ายไม่รู้จักคนธรรมดาทั่วไปในฮ่องกง อย่าว่าแต่เจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เธอจึงไม่สามารถหาผู้ค้ำประกันได้เลย
โชคดีที่ป้าของฟางจั๋วหรานได้ทิ้งหนังสือค้ำประกันจากบริษัทข้ามชาติของทางสหรัฐอเมริกาไว้ให้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการจ่ายเงินกู้
นอกจากนี้ทางรัฐบาลฮ่องกงยังกำหนดว่าหลังจากได้รับที่ดินแล้ว จะต้องบันทึกว่าเริ่มครอบครองเมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด เพื่อป้องกันการกักตุนและหากำไรจากที่ดิน
หลินม่ายซื้อที่ดินมาสร้างอาคาร และเธอไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎและข้อบังคับเหล่านั้น
กว่าจะกู้เงินสำเร็จกินเวลาไปเกือบหนึ่งสัปดาห์
การสัมมนาทางวิชาการที่ฟางจั๋วหรานเข้าร่วมได้สิ้นสุดลงแล้ว และสั่งว่าเขาควรกลับไปที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ผู่จี้ทันที
ทว่าเขากังวลว่าหลินม่ายกับฟางจั๋วเยวี่ยจะต้องอยู่ที่ฮ่องกงต่อ จึงไปดำเนินการกู้ยืมกับเธอจนเสร็จสิ้น และทั้งสามคนก็บินกลับไปที่เจียงเฉินด้วยกัน
หลินม่ายหยิบหนังสือ <วิธีเป็นปีศาจน้อยบดขยี้ใจชาย> ขึ้นมาอ่านขณะนั่งอยู่บนเครื่องบิน
ฟางจั๋วหรานเอนศีรษะหันไปมองและพูดเชิงติดตลก “อ่านเล่มนี้จบแล้วจะกลายเป็นยอดฝีมือเลยไหม?”
หลินม่ายหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ไม่ถึงกับเป็นยอดฝีมือหรอก แต่ฉันจะเป็นปีศาจน้อยมาบดขยี้คุณแน่นอน กลัวไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานหยิกใบหน้าเล็ก ๆ อันแสนบอบบางของอีกฝ่าย “แน่จริงก็ลองดูสิ!”
หลินม่ายชี้ด้วยสองนิ้ว “คอยดูเถอะว่าวันแต่งงานฉันจะบดขยี้คุณยังไงบ้าง”
ฟาจั๋วหรานยิ้มอย่างมีเลศนัย “แล้วผมจะรอ”
กว่าจะกลับมาถึงวิลล่าก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว และถึงเวลาอาหารเย็นพอดี
หลินม่ายมีความตั้งใจจะทำหม้อไฟเต็มเปี่ยม
การกินหม้อไฟให้เหงื่อออกในวันที่อากาศร้อนจะทำให้สดชื่นมาก
คุณย่าฟางลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “กลับมากันแล้ว ไม่ไปเชิญพ่อแม่พี่น้องเธอมากินข้าวเหรอ? ช่วงสองสามวันนี้ที่ไม่อยู่กัน พวกเขามาถามวันที่เธอกลับกันตั้งหลายรอบ พ่อแม่พี่น้องเธอมาจากปักกิ่งกัน อย่าทำหม้อไฟเลย เขาคงไม่ชินอาหารรสเผ็ดกันหรอก”
หลินม่ายเอ่ยถามเมื่อเห็นคุณย่าฟางพูดคำว่าพ่อแม่พี่น้องครั้งแล้วครั้งเล่า “ผลตรวจความเป็นพ่อออกมาแล้วเหรอคะ? ลุงไป๋กับฉันเป็นพ่อลูกกันหรือเปล่า?”
“ออกแล้ว” คุณย่าฟางพยักหน้า “ถ้าไม่ใช่ ย่าจะเรียกพวกเขาว่าพ่อแม่พี่น้องเธอทำไม?”
หลินม่ายถาม “แล้วไป๋ซวงล่ะคะ พ่อแม่ฉันจัดการหล่อนยังไงบ้าง?”
คุณย่าฟางไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว รีบโบกมือและพูดว่า “ย่าไปถามแม่หลานมาแล้ว หล่อนบอกว่าหล่อนเลี้ยงดูไป๋ซวงมา มีสายสัมพันธ์กันมาตั้งสิบแปดปี ไม่อยากส่งลูกไปทุกข์ทรมานที่บ้านสกุลหลิน พูดอีกอย่างคือหล่อนต้องการทั้งลูกสาวผู้ให้กำเนิดกับลูกสาวบุญธรรม”
หลินม่ายจึงพูดอย่างไม่อ้อมค้อม “งั้นคืนนี้เรามากินหม้อไฟกันเถอะค่ะ ไม่ต้องเชิญพ่อแม่ฉันมาหรอก กลัวพวกเขากินเผ็ดไม่ได้ ค่อยไปชวนกินข้าวเย็นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
คุณปู่ฟางมีสีหน้าจริงจังขึ้น “เธอซื่อบื้อหรือไง? ฉันรู้ว่าเธอกำลังโมโหถึงได้ละเลยพวกญาติ ๆ แบบนี้ แต่นี่มันเป็นการผลักพ่อแม่ของเธอไปหาไป๋ซวงไม่ใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นพ่อแม่เธอจะคิดว่าไป๋ซวงดีกว่า และหล่อนจะได้รับผลประโยชน์นี้จากพ่อแม่เธอไป ทำไมเธอถึงได้ปล่อยให้เด็กผู้หญิงคนนั้นออกอุบายเอาของของเธอไปล่ะ? เธอควรทำทุกวิถีทางขับไล่ไป๋ซวงออกจากบ้านสกุลไป๋ไปซะ! และถ้าเธอคิดจะขับไล่ไป๋ซวงออกจากบ้านสกุลไป๋จริง ๆ เธอก็จะต้องสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่พี่น้องซะก่อน ถึงจะดำเนินขั้นตอนต่อไปได้ เพราะงั้นไปเชิญพ่อแม่เธอมากินข้าวเย็นวันนี้ซะ”
ไม่ว่าแม่ไป๋จะรักไป๋ซวงมากแค่ไหน หลินม่ายก็ไม่ได้สนใจที่จะทำความรู้จักกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแม้แต่น้อย
แต่เมื่อคุณปู่ฟางมาพูดว่าเธอจะปล่อยให้ไป๋ซวงมาแย่งผลประโยชน์ของเธอไปไม่ได้ เธอจึงพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณปู่ จะเลี้ยงข้าวพ่อแม่เอง แต่ไม่ใช่ที่บ้านนะคะ แต่จะพาพวกเขาไปเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหารในเจียงเฉิงแทน”
หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานไปเชิญพวกแม่ไป๋มาด้วยกัน
ไป๋ลู่กับไป๋เซี่ยตื่นเต้นมากที่ได้เจอหลินม่าย พวกเขาเข้ามากอดหลินม่ายแน่นจนไม่ยอมปล่อย ก่อนจะโพล่งออกมาว่า “น้องสาวฉันควรจะเป็นเหมือนม่ายจื่อสิ ทั้งสวยทั้งฉลาด!”
ไป๋ซวงที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวร้องไห้ทันทีและรีบบอกแม่ไป๋ว่า “พี่เขาว่าหนู”
ไป๋เซี่ยเกลียดไป๋ซวงมาก และชี้ไปที่หล่อนทันที “ฉันไม่มีสายเลือดเกี่ยวข้องกับเธอ และฉันไม่ใช่พี่ชายเธอ ไม่ต้องมาเรียก โอ๊ย!”
แม่ไป๋ฟาดมือใส่เขาด้วยความไม่พอใจอย่างมาก “ไป๋เซี่ย! แม่บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำตัวแบบนี้กับซวงเอ๋อร์ ทำไมแกไม่ฟังแม่บ้างเลย ถึงลูกกับซวงเอ๋อร์จะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ความสัมพันธ์สิบแปดปีมันลบล้างได้หรือเปล่าล่ะ?”
ไป๋เซี่ยเย้ยหยัน “แล้วผมพูดชมน้องสาวตัวเองไม่ได้หรือไง? ถ้าการพูดชมน้องสาวแล้วมันเป็นการดูถูกเหยียดหยามหล่อน! ไป๋ซวงก็กำลังฟ้องว่าผมใจจืดใจดำเหมือนกันนั่นแหละ แม่ไม่คิดจะว่าอะไรเธอเลย แต่กลับมาด่าผมแทน! ก็แม่คลอดไป๋ซวงมานี่นะ ส่วนผมก็แค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยง!”
แม่ไป๋หน้าซีดด้วยความโกรธจัด “ทำไมลูกถึงพูดจาแบบนั้น แม่จะไปเก็บมาเลี้ยงได้ยังไง!”
ไป๋เซี่ยพูดต่อ “แล้วไม่ต้องมาบอกว่าผมอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับไป๋ซวงมาสิบแปดปีหรอก ต่อให้อยู่ด้วยกันหนึ่งร้อยแปดสิบแปดปี ผมก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับหล่อน! หล่อนชั่วร้ายมาก ออกกลอุบายต่าง ๆ ไม่ให้ม่ายจื่อกลับมาหาบ้านเรา นังแพศยาแบบนี้ก็เป็นได้แค่ลูกรักของแม่นั่นแหละ งั้นปล่อยให้หล่อนอยู่ในบ้านกับแม่ไปซะ เลี้ยงดูหล่อนก็เหมือนเลี้ยงงูพิษ แม่ไม่กลัวว่างูพิษมันจะแว้งมากัดหรือไง!”
ไป๋ซวงรีบโผเข้าไปกอดแม่ไป๋ทันที น้ำตาไหลรินรดใบหน้า “แม่ หนูไม่ใช่นังแพศยานะ และหนูก็ไม่ใช่งูพิษด้วย”
แม่ไป๋พูดปลอบ “แม่รู้ เราไม่ต้องไปสนใจพี่ชายลูกหรอก”
พ่อไป๋มองดูนาฬิกา ขมวดคิ้วและพูดกับไป๋ซวงว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องร้องไห้ เรารีบไปที่ภัตตาคารเจียงเฉิงเถอะ จะปล่อยให้ผู้เฒ่าฟางรอไม่ได้”
ก่อนที่คนกลุ่มนี้จะไปที่ภัตตาคารเจียงเฉิง
ไป๋ลู่จับมือหลินม่ายไม่ยอมปล่อยตลอดทาง
โชคดีที่ไป๋เซี่ยเป็นพี่ชาย จึงน่าอายเกินกว่าจะจับมือถือแขนกับหลินม่าย ไม่เช่นนั้นฟางจั๋วหรานคงไม่ได้จับมือเธอ
ไป๋ซวง พ่อไป๋และแม่ไป๋เดินตามหลัง
ไป๋ซวงมองดูแผ่นหลังอันสูงสง่าของฟางจั๋วหรานด้วยความชื่นชม หล่อนลอบกลืนน้ำลายและชำเลืองมองมือของเขาที่ประสานอยู่กับมือของหลินม่ายด้วยความอิจฉาริษยา
ก่อนจะจับจ้องไปที่กระเป๋าแอร์เมสบนหลังของหลินม่าย
ถึงแม้ว่ายุคสมัยนี้จะไม่มียี่ห้อสินค้าหรูหราเข้ามาตีตลาดประเทศจีน แต่ก็มีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ในปักกิ่งเยอะกว่าที่อื่น ไป๋ซวงจึงรู้จักยี่ห้อสินค้าหรูหรามากมาย
ดวงตาของไป๋ซวงเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอิจฉาริษยาทันทีเมื่อเห็นว่าหลินม่ายถือกระเป๋าแอร์เมสราคาแพง
หล่อนกลอกตาและกระซิบกับแม่ไป๋ว่า “แม่ ถึงม่ายจื่อกับศาสตราจารย์ฟางจะหมั้นกันแล้ว แต่การจับมือในที่สาธารณะมันดูไม่ดีหรือเปล่า มันดูไม่ค่อยเคารพตัวเองเลย”
แม่ไป๋รู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น และกำลังจะว่ากล่าวตักเตือนคำสองคำ ทว่าพ่อไป๋กลับขมวดคิ้วและพูดตำหนิไป๋ซวงแทน
“คิดว่าพ่อไม่รู้เหรอว่าลูกชอบสร้างปัญหา? แต่สองวันมานี่ทำไมถึงสร้างปัญหาเยอะนัก? ลูกก็รู้ว่าม่ายจื่อกับศาสตราจารย์ฟางเขาหมั้นหมายกันแล้ว ทำไมถึงจะจับมือกันในที่สาธารณะไม่ได้? ไม่ได้ไปกอดจูบทำอะไรอนาจารสักหน่อย!”
ไป๋ซวงแสร้งทำเป็นจะร้องไห้ทันที
ความคับแค้นใจของแม่ไป๋หายไปทันทีที่เห็นเช่นนั้น และเหลือเพียงความทุกข์ใจที่มีต่อไป๋ซวงแทน อีกทั้งยังรู้สึกไม่พอใจพ่อไป๋
“ถึงซวงเอ๋อร์จะทำผิด แต่คุณก็ค่อย ๆ สอนลูกสิ ทำไมถึงได้ดุนัก? ดูสิซวงเอ๋อร์กลัวหมดแล้ว!”
พ่อไป๋กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาสับสน
ไป๋ซวงเป็นลูกสาวที่เขารักมาสิบแปดปี ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าหล่อนกับพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เขาก็ยังมีทัศนคติไปในทิศทางเดียวกันกับภรรยา เขาต้องการให้หล่อนอยู่ในบ้านสกุลไป๋ต่อ และปฏิบัติต่อหล่อนเหมือนกับลูกสาวของเขาเอง
แต่การกระทำตลอดทั้งสองวันที่ผ่านมาของไป๋ซวงทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งคอยสร้างปัญหาทุกครั้ง และชอบส่งเสียงดังลั่น
พ่อไป๋ยุ่งอยู่กับงาน ในขณะที่ภรรยามีหน้าที่ดูแลการเล่าเรียนของลูก ๆ
เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าไป๋ซวงจงใจก่อกวนแบบนี้ และไม่รู้ว่าการเก็บหล่อนไว้ในบ้านสกุลไป๋เป็นคำสาปหรือพรกันแน่
เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเมื่อเห็นไป๋ซวงขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของภรรยา
พ่อไป๋ทำเป็นหลบสายตาไม่สนใจ เดินก้าวฉับ ๆ ตามพวกไป๋เซี่ยไป ยิ้มและพูดกับหลินม่ายว่า “รอผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยลูกออกก่อน แล้วกลับมาที่ปักกิ่งนะ ต่อจากนี้ไปบ้านเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสักที”
หลินม่ายยิ้มและพูดปฏิเสธ “ฉันจะแต่งงานกับจั๋วหรานในวันชาตินี่แล้วค่ะ และจะสร้างครอบครัวเล็ก ๆ ด้วยกัน คงไม่กลับไปกับพวกคุณหรอก”
พ่อไป๋รู้สึกเสียใจ และแอบตำหนิฟางจั๋วหรานในใจที่อีกฝ่ายลักขโมยลูกสาวคนเล็กของเขาไป
ไป๋เซี่ยกับไป๋ลู่ก็ผิดหวังมากเช่นกัน และบอกหลินม่ายด้วยความน้อยใจว่าถ้าเกิดแต่งงานแล้ว อย่าลืมแวะมาเยี่ยมพวกเขาบ้าง
หลินม่ายตอบกลับ “ถ้าฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวาหรือมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ คงได้เจอกันบ่อย ๆ ค่ะ แต่ถ้าสอบเข้าไม่ได้ เอาไว้ฉันจะกลับไปหาพวกคุณทุกฤดูใบไม้ผลิแทนนะคะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะมีเหตุการณ์ไหนไหมนะที่ทำให้แม่ไป๋ได้เห็นธาตุแท้ของยัยไป๋ซวง ใครก็ได้จัดยาแรงมาให้หน่อยค่ะ ไม่งั้นก็คาราคาซังกันอยู่แบบนี้ เข้าใจแหละว่าทำใจยากเพราะเลี้ยงมากับมือถึงสิบแปดปี
ไหหม่า(海馬)