บทที่ 609 ฮิฮิ ความรู้สึกนี้ดีจริง!
รุ่งเช้า
“เมื่อคืนหลับไม่สนิทเอาเสียเลย เมื่อยเหลือเกิน ราวกับถูกบางอย่างกดทับทั้งคืน…”
ลั่วสุ่ยลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เบ้ปากน้อย ๆ พลางกล่าว
เมื่อคืนนั้นอย่าให้เอ่ยเลยว่านางเมื่อยล้าเพียงใด ราวกับถูกบางอย่างทับไว้ ไม่สามารถแม้แต่จะพลิกตัว นอนหลับไม่สนิทเลยสักนิด
“เอ๋?”
เมื่อนางลืมตา ก็ต้องตกใจในบัดดล อ้าปากกว้างเสียจนยัดไข่ไก่เข้าไปได้ทั้งลูก
หัวใจของนางเต้นโครมคราม ดัง ‘ตึกตัก’ ไม่หยุด ราวกับกำลังรัวกลอง
เรือนร่างของนางแดงเถือกตั้งแต่ฝ่าเท้าขึ้นมา ใบหน้าร้อนผะผ่าว ประหนึ่งน้ำที่ถูกต้มจนเดือด
คุณ…คุณชายนอนทับนางไว้หรือนี่!
‘แย่แล้ว แย่แล้ว!’
นางร้อนใจจนอยากร่ำไห้ คล้ายเด็กสาวที่กระทำความผิด ภายในใจลนลานเป็นนักหนา
เมื่อคืน คุณชายกำชับแล้วกำชับเล่า ห้ามมิให้นางกระทำตนอย่างคราวก่อน คลานขึ้นเตียงคุณชายตอนดึก มุดเข้าไปในผ้าห่มคุณชาย
ให้ตาย เมื่อคืนนางยังรับคำเต็มปาก ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ทำตนเหมือนคราวก่อน!
ทว่าดูจากเหตุการณ์ตรงหน้า นางหาได้ควบคุมตัวเองได้ไม่ นางคลานขึ้นเตียงคุณชายอีกครั้ง และมุดเข้ามาในผ้าห่มคุณชาย!
“ข้าจะอธิบายกับคุณชายอย่างไรได้!”
นางกลั้นเสียง มิกล้าพูดจาเสียงดัง กลัวจะทำให้คุณชายตื่น ท่าทางทำสิ่งใดไม่ถูกนั้นน่ารักไม่หยอก
ทว่าพริบตาเดียวนางก็ต้องสับสนมึนงง
ห้อง…ห้องนี้เหมือนว่าเป็นห้องของนางเองนะ?
นางรีบหันมองรอบ ๆ แล้วหันกลับมามองเตียง ที่นี่คือห้องของนาง เตียงของนาง!
คุณชายอยู่ในห้องของนาง!
ไม่กระมัง!
คุณชายลอบเข้ามาในห้องนางยามดึก ขึ้นมาบนเตียงนาง แล้วทับนาง…ไว้ใต้ร่าง!
มิน่า เมื่อคืนนางถึงรู้สึกหลับไม่สนิท ที่แท้นางถูกคุณชายทับไว้ทั้งคืนเลยหรือ!
เวลานี้ สีหน้าของนางน่าดูชมทีเดียว
คุณชายกำชับนักกำชับหนา มิให้นางลอบเข้าห้องคุณชายยามดึกอีก ทว่าคุณชายกลับเข้ามาในห้องนางเอง…
นางนึกขันอย่างยิ่ง แต่ก็รู้ดีว่าคุณชายมิได้เจตนา เมื่อคืนคุณชายคงเมา เข้าผิดจนมาอยู่ในห้องนาง เมื่อคืน นอกจากทับบนตัวนาง คุณชายก็มิได้ทำอย่างอื่นอีก
อาภรณ์ยังอยู่ครบ…
นางจ้องมองคุณชาย พบว่าคุณชายหลับสนิท ซ้ำยังมีรอยยิ้มประดับใบหน้า นางอดทนไม่ขยับ ไม่ต้องการทำให้คุณชายตื่น
คุณชายเก่งกล้าสามารถปานใด ไฉนเลยจะเมาสุราได้ง่าย ๆ นางทอดถอนใจ นึกสงสารคุณชายนิดหน่อย
ยิ่งมีความสามารถ ความรับผิดชอบก็ยิ่งมาก คิดแล้วคุณชายคงมีความกังวลในใจ กังวลในเรื่องใหญ่เกินจินตนาการ ถึงได้ดื่มจนเมามาย
คุณชายคงคิดผ่อนคลายด้วยการดื่มสุรา หลับสนิทโดยไม่ต้องนึกถึงเรื่องใด…
เห็นรอยยิ้มหวานละมุนบนใบหน้าคุณชายแล้ว ลั่วสุ่ยยิ่งสงสารเข้าไปใหญ่ คุณชายมิได้หลับสนิทมานานเท่าไหร่แล้ว มิฉะนั้น เหตุใดแค่หลับนอนถึงยังยิ้มอย่างสุขสันต์เช่นนี้?
เห็นได้ชัดว่าคุณชายมิได้หลับสนิทมาพักใหญ่แล้ว
นางนิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น มองคุณชายนอนหลับฝันหวานอยู่บนตัวนาง
จนกระทั่งผ่านไปนานนม พระอาทิตย์ลอยโด่ง คุณชายถึงเริ่มขยับตัว ตื่นขึ้นมา
“ในที่สุดคุณชายก็ตื่นแล้ว!”
ลั่วสุ่ยโล่งอก นับแต่นางตื่นจวบจนบัดนี้ อย่าให้พรรณาเลยว่านางทรมานเพียงใด
คุณชายนอนทับบนตัวนาง จะมิให้นางทรมานได้อย่างไร ซ้ำหัวใจยังถูกตัณหาครอบงำ ทุกข์ทนมากยิ่ง!
นี่ยังดีที่คุณชายตื่นแล้ว หากมิใช่เช่นนั้น นางไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่ทำอันใดลงไป!
หลี่จิ่วเต้าผู้ตื่นขึ้นมา เห็นลั่วสุ่ยทันทีที่ลืมตา เขาเข้าใจทุกสิ่งในบัดดล เข้าใจว่าเหตุใดเตียงถึงให้ความรู้สึกนุ่มนวลเช่นนั้น
จะมิให้นุ่มได้อย่างไร?
เขานอนทับบนตัวลั่วสุ่ย!
เสียงดังฟิ้ว เขารีบเด้งตัวลงจากเตียง แบบนี้ไม่งามเอาเสียเลย นี่เขานอนทับลั่วสุ่ยตลอดคืนเลยหรือ?
บาปกรรมแท้ ๆ!
ดื่มสุรามากไปไม่ดีจริง ๆ เมื่อคืนลั่วสุ่ยรับปากเขาเป็นมั่นเป็นเหมาะ จะไม่ลอบเข้าไปในห้องเขาอีก ทว่าเมื่อได้เมาแล้ว ย่อมควบคุมตัวเองไม่อยู่ นี่อย่างไร ลั่วสุ่ยเข้ามาในห้องเขาอีกแล้ว
ไม่สิ เหมือนว่าที่นี่มิใช่…ห้องของเขา!
เขาอ้าปากจะเอ่ยบางอย่าง กลับพบว่าที่นี่มิใช่ห้องของเขา หากแต่เป็นห้องของลั่วสุ่ย!
“!!!”
ชั่วขณะนั้น อย่าให้เอ่ยเลยว่าเขากระอักกระอ่วนเพียงใด มิใช่ลั่วสุ่ยที่เข้าห้องของเขา หากแต่เป็นเขาที่เข้าห้องของลั่วสุ่ย ขึ้นมาบนเตียงของลั่วสุ่ย!
ลั่วสุ่ยทำได้ตามที่รับปาก แต่เขา…เขาทำมิได้!
นึกถึงวาจาที่เขาได้กล่าวกับลั่วสุ่ยเมื่อคืนแล้ว พลันรู้สึกอับอายเกินทน เขายังมีหน้าไปว่าลั่วสุ่ยอีกหรือ!
“คือว่า…ข้าดื่มจนเมา เจ้าคงเข้าใจใช่หรือไม่”
เขากัดฟันเอ่ยออกไป รู้สึกผิดจากใจจริง เขาไม่เคยทำตัวเช่นนี้มาก่อนเลย!
ลั่วสุ่ยกลั้นไม่ไหว ขำ ‘พรืด’ ออกมา เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นคุณชายในสภาพนี้
ผู้ใดเล่าจะคิด คุณชายผู้สูงส่งจะมีมุมเช่นนี้ด้วย
นางเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มร่า “เข้าใจ ๆ เป็นเพราะฤทธิ์สุรา!”
หลี่จิ่วเต้ารู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ต่อ เขารีบเอ่ย “หิวแล้วใช่หรือไม่ รีบลุกไปล้างหน้าล้างตาเสีย ข้าจะไปทำอาหาร!”
พูดจบ เขาก็รีบร้อนออกจากห้องลั่วสุ่ย ให้ความรู้สึกเหมือน ‘หนีหัวซุกหัวซุน’ อยู่นิดหน่อย
“คุณชายเอ๋ยคุณชาย!”
ลั่วสุ่ยหัวเราะออกมาอย่างอดมิได้อีกครั้ง ผู้ที่ทำให้คุณชายต้อง ‘หนีหัวซุกหัวซุน’ เช่นนี้ ในอาณาจักรทั้งปวง จักรวาลอันกว้างใหญ่ เห็นทีคงมีแต่นางผู้เดียวกระมัง!
นางรู้สึกว่าเช่นนี้ดียิ่ง บอกไม่ถูกว่าตรงไหนที่ดี ทว่า นางรู้สึกคล้ายสนิทชิดเชื้อกับคุณชายขึ้นไปอีกก้าว
“ฮิฮิ ลุกไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็กินข้าว!”
นางปลื้มปริ่มอย่างยิ่งยวด รู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันอันแสนวิเศษ ดูท่าหลังจากนี้ต้องหมั่นดื่มสุราบ่อย ๆ เช่นนี้นางถึงได้ใกล้ชิดคุณชายขึ้นเรื่อย ๆ สนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ!
จากนั้น นางเดินออกจากห้องด้วยท่วงท่างดงาม
ฟันธงแล้ว!
ไม่เหลือข้อกังขาใดอีก!
ดูสีหน้าลั่วสุ่ยเถิดว่าปีติยินดีปานใด รอยยิ้มเบิกบานกว่าคราวก่อนมากนัก คิดแล้วเมื่อคืนคงสุขสมอารมณ์หมายกับคุณชายไปแล้วสิท่า!
ของวิเศษต่าง ๆ ในลานพากันคิดไป แน่ใจในฐานะนายหญิงแห่งลานของลั่วสุ่ยแล้ว!
“ประเสริฐ!”
มัจฉาสัตมายายิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ นึกยินดีกับพี่ลั่วสุ่ย นอกจากนี้ มันยังคิดในใจว่า พี่ลั่วสุ่ยได้เป็นผู้หญิงของคุณชาย นายหญิงของลาน หมายความว่ามันจะได้กินอาหารเลิศรสฝีมือคุณชายแล้วใช่หรือไม่
ได้กลิ่นอาหารเลิศรสกระตุ้นความอยากอาหารอยู่ทุกวี่วัน แต่กลับไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว ได้เพียงดมกลิ่นเท่านั้น อย่าให้พูดเลยว่าทรมานปานใด!
เอ่ยโดยไม่เกินจริงเลยว่า มันแทบจะใช้ชีวิตอยู่ในความเจ็บปวดทุกข์ทนอยู่ทุกวัน!
เมื่อใดกัน มันถึงมีโอกาสได้กินอาหารเลิศรสฝีมือคุณชาย!
…
ภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางระบบดวงดาวไพศาลแห่งหนึ่ง ที่นี่มีบรรยากาศหนาวเหน็บน่ากลัว สายลมสยดสยองพัดผ่าน กลายเป็นพายุอวกาศ ม้วนดวงดารามากมายเข้าไปบดจนละเอียด!
ณ จุดกึ่งกลางของระบบดวงดาว มีดาวมโหฬารอยู่ดวงหนึ่ง ให้ความรู้สึกไม่เป็นมงคลนัก พลังพิศวงไหลเวียนอยู่ภายใน หากมองดูดี ๆ จะเห็นว่าดาวดวงนี้มีขนยาวชวนน่าขนลุกสีต่าง ๆ งอกอยู่เต็มไปหมด!
ดวงดาวยังมีขนงอกด้วยหรือนี่!
ภาพนี้น่าพรั่นพรึงเกินไป!
“สุดยอด ถึงกับพัฒนานครภูมิมาได้ถึงระดับนี้ ไม่ให้นับถืออย่างไรไหว!”
ภายในระบบดวงดาวแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเอ่ยเสียงสะท้อนใจอย่างแท้จริง มันนับถือเหลือเกิน ที่นี่ทรงพลังกว่านครพิศวงของมันเป็นหนักหนา มิได้เหนือชั้นกว่าเพียงระดับเดียว!
ความพิศวงลางร้ายกัดกร่อนอวกาศผืนนี้จนสิ้น จนเกิดการวิวัฒนาการ เกิดเป็น ‘จิตสำนึก’ ออกมา ระดับนี้เกินกว่าที่เขาเคยรับรู้
ในความเข้าใจของมัน มีเพียงสิ่งมีชีวิตเท่านั้นถึงจะเข้า ‘โอบกอด’ กับความพิศวงลางร้ายได้ จนนำไปสู่การกลืนกิน ทว่าที่นี่ แม้กระทั่งวัตถุไร้ชีวิตยังสามารถ ‘โอบกอด’ จนนำไปสู่การกลืนกิน ช่างเป็นระดับที่สูงส่งยิ่งนัก เกินกว่าความเข้าใจของมัน
ใช่แล้ว มันก็คือเจ้าหลวง สิ่งมีชีวิตผู้กักขังพี่ชายของเสี่ยวหยา มันหนีมาอยู่ที่นี่