เป็นเวลาแปดโมงเช้าในฉินโจว
ในห้องหนังสือของวิลลาแถบชนบท
อาจารย์หยวนหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะ รับหนังสือเล่มใหม่จากคนด้านข้าง และหน้าปกหนังสือเรื่องนี้มีรูปหนูที่น่ารักสองตัว หนูตัวฝั่งซ้ายนั่งอยู่บนเครื่องบินของเล่น หนูตัวฝั่งขวานั่งอยู่บนรถถังของเล่น
บนหน้าปกเขียนว่า ‘ซูเค่อกับเป้ยถ่า’
ส่วนด้านหลังเขียนว่า ‘ฉู่ขวง เขียน’
ผู้หญิงซึ่งซื้อหนังสือและแกะห่อหนังสือให้อาจารย์หยวนหยวนกล่าวกลั้วหัวเราะ “วันนี้ร้านหนังสือหวาซินน่าสนใจมากค่ะ บนแบนเนอร์ในร้านถึงกับโปรโมตหนังสือเล่มนี้กับ ‘การผจญภัยของแมวน้อย’ ของอาจารย์อาหู่ แถมยังประกาศว่านี่คือศึกใหญ่ของนิทานยาวในวงการนิทาน”
“ของฉันก่อนหน้านี้ก็โปรโมตแบบนั้น”
อาจารย์หยวนหยวนกล่าวสบายๆ “แต่เหมือนฉันดึงให้วงการนิทานฉินถอยหลัง นิทานที่อาหู่เขียนน่าสนใจกว่าจริงๆ ช่วงนี้ในวงการต่างเป็นทุกข์ ถ้าไม่มีข่าวที่ฉู่ขวงจะปล่อยนิทานเรื่องใหม่…”
“คุณคิดว่าฉู่ขวงจะชนะ?”
“ดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ”
อาจารย์หยวนหยวนโบกมือปัดบรรจุภัณฑ์ของหนังสือ สูดกลิ่นหอมของน้ำหมึก “ฉันชอบกลิ่นของหนังสือใหม่เหลือเกิน กลิ่นหอมมาก หนังสือเล่มนี้ต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน”
ผู้หญิงด้านข้างเบ้ปาก
กลิ่นน้ำหมึกก็เหมือนกันหมดไม่ใช่หรือ?
อาจารย์หยวนหยวนเมินเฉยต่อความคิดของคนด้านข้าง เธอเพียงแค่ยิ้มแล้วเปิดหน้าชื่อเรื่องของหนังสือ และบทนำของนิทาน ซึ่งเป็นข้อความซึ่งอยู่เบื้องหน้า “ซูเค่อเกิดในครอบครัวซึ่งมีชื่อเสียงในทางไม่ดี…”
นิทานมีเนื้อหาไม่ซับซ้อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใหญ่อย่างอาจารย์หยวนหยวน อันที่จริงเพียงกวาดตามองปราดเดียวก็อ่านนิทานจบไปแล้วสิบบรรทัด ปรากฏว่าอ่านไปเรื่อยๆ จู่ๆ อาจารย์หยวนหยวนก็ระเบิดหัวเราะออกมา
เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก!
ซู่เค่อไม่อยากเป็นหนูซึ่งมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี จึงปลอมตัวเป็นนักบินและออกไปช่วยเหลือผู้คน ในที่สุดก็ผูกมิตรกับมด ผึ้ง และนกกระจอกได้สำเร็จ ปรากฏว่าขณะที่เขากำลังจะไปกินอาหารร่วมกับเพื่อนๆ แมวตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
แมวเหมียวเปิดโปงตัวตนของซูเค่อ
ทุกคนรังเกียจหนู แมวคิดว่าหากทำเช่นนี้ ซูเค่อจะไม่เป็นที่รักของทุกคนอีกต่อไป นึกไม่ถึงว่าไม่มีใครผลักไสไล่ส่งซูเค่อเพียงเพราะซูเค่อเป็นหนู หนำซ้ำกลับพากันอ้อนวอนให้แมวเหมียวปล่อยซูเค่อไป สุดท้ายแล้วแมวเหมียวจึงทำได้เพียงจากไปอย่างผิดหวัง
นี่คือเหตุผลที่หยวนหยวนหัวเราะ
ตัวร้ายของเรื่องนี้คือแมวนั่นเอง
คนทั่วไปเห็นพล็อตเรื่องลักษณะนี้ คงนึกสงสัยว่าฉู่ขวงจงใจเขียนเช่นนี้ด้วยมีเจตนาเสียดสี เนื่องจากตัวเอกในนิทานของอาจารย์อาหู่คล้ายว่าจะเป็นแมวเหมียว
เดี๋ยวๆๆ?
ทันใดนั้นอาจารย์หยวนหยวนก็ฉุกคิดได้ว่าตัวเอกของตนก็เป็นแมวเช่นเดียวกัน เธอจึงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพบว่าตัวเอกของหนังสือเรื่องนี้คือหนูสองตัว และหนูอีกตัวหนึ่งมีชื่อว่าเป้ยถ่า ทั้งยังเชี่ยวชาญการขับรถถัง
ของฉันมีแมวสองตัว!
ฉู่ขวงมีหนูสองตัว!
แต่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างแท้จริง เพราะหนูและแมวเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ในนิทานเรื่องนี้จะมีแมวเป็นวายร้าย นอกจากนั้นเมื่อพิจารณาจากคำบรรยาย ถึงแม้แมวจะมีภาพลักษณ์เป็นวายร้าย แต่ก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด
อาจารย์หยวนหยวนคิดเช่นนี้
และขณะที่อาจารย์หยวนหยวนอ่านซูเค่อกับเป้ยถ่า อาจารย์อาหู่ของพวกเราก็กำลังอ่านหนังสืออยู่เช่นกัน เพียงแต่การหัวเราะออกมาเฉกเช่นอาจารย์หยวนหยวนนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับเขา
……
หลายคนซื้อซูเค่อกับเป้ยถ่ามาเช่นกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเลือกอ่านในทันที มีคนซื้อให้ลูกหลาน เพราะผู้ใหญ่มักไม่สนใจนิทานเด็ก
แทนที่จะใส่ใจกับเนื้อหา
ทุกคนสนใจมากกว่าว่านิทานยาวของฉู่ขวงจะทวงคืนเกียรติยศกลับมาให้ชาวฉินได้หรือไม่ เพราะคำวิจารณ์และยอดขายนิทานของอาหู่นั้นไม่เลวเลยทีเดียว อีกฝ่ายเอาชนะอาจารย์หยวนหยวนมาแล้วด้วยซ้ำไป
‘ผลจะออกเมื่อไหร่’
‘ถ้าต่างกันเล็กน้อยต้องใช้เวลาหลายวัน’
‘ถ้าต่างกันมาก วันเดียวก็รู้แล้ว’
‘เราเปรียบเทียบแบบนี้ได้ ถ้าบอกว่าความสามารถในการเขียนนิทานสั้นของฉู่ขวงคือสิบส่วน งั้นขอแค่ระดับนิทานยาวของเขาอยู่ที่แปดส่วน ก็น่าจะเอาชนะอาหู่ได้สบาย’
‘ประมาณนั้น’
‘ต้องถึงแปดส่วนเชียวเหรอ ฉันว่าขอแค่นิทานยาวของฉู่ขวงอยู่ที่เจ็ดส่วน หรือสักหกส่วนของนิทานสั้น นิทานสั้นของเขาสู้แบบหนึ่งต่อเก้า แต่ยังได้การยอมรับจากสมาคมวรรณศิลป์ให้เป็นราชานิทานสั้นเชียวนะ!’
‘ห้าส่วนก็พอแล้วมั้ง!’
‘พวกคุณยิ่งพูดยิ่งเกินจริง ปัญหาในตอนนี้ก็คือ นิทานยาวของฉู่ขวงห่างชั้นกับนิทานสั้นสักกี่ส่วนกันแน่ ถ้าเกิดนิทานยาวกับนิทานสั้นของฉู่ขวงอยู่ในระดับเดียวกันขึ้นมา อาหู่จะไม่มีหวังเลยนะ’
‘…’
ชาวเน็ตกลุ่มนี้คือชาวฉิน เมื่อถึงคราวของชาวเยี่ยนบ้าง ทัศนะจึงเปลี่ยนทิศทางไปอย่างสิ้นเชิง ‘นิทานสั้นส่วนนิทานสั้น นิทานยาวส่วนนิทานยาว ชาวฉินชอบชักแม่น้ำทั้งห้า’
‘ใช่แล้ว’
‘นิทานยาวจำเป็นต้องใช้โครงเรื่องที่ยาวและการเชื่อมโยงเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นกว่า ไม่อย่างนั้นนักเขียนในวงการนิทานคงไม่แบ่งเป็นนิทานสั้นกับนิทานยาวหรอก ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ตนเองถนัด’
‘อาหู่ต้องชนะ!’
‘ชัยชนะของฉู่ขวงในศึกหนึ่งต่อเก้าฝังอยู่ในหัว ฉันเข้าใจได้นะ เหมือนกับนักร้องเป็นแชมป์รายการใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต จนคิดว่าตนเองเก่งกาจไร้พ่าย ปรากฏว่าพอมาถึงบริษัทบันเทิงแล้วถึงได้พบว่าแท้จริงแล้วตนเองนั่งมองท้องฟ้าจากก้นบ่อน้ำ’
‘…’
ว่ากันว่าบั้นท้ายสั่งการสมอง[1]
ท่ามกลางการถกเถียงระหว่างชาวฉินและชาวเยี่ยน คำกล่าวนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเที่ยงธรรมที่สุด และกลุ่มคนที่เที่ยงธรรมยิ่งกว่าชาวเน็ตจากฉินและเยี่ยน ก็คือชาวเน็ตจากฉีและฉู่
‘เปิดที่ 50-50!’
ผลแพ้ชนะยากคาดเดา!
ทว่าผลแพ้ชนะยากคาดเดาจริงหรือไม่ คำตอบของคำถามนี้ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเมื่อถึงช่วงค่ำ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่อ่านหนังสือ แต่กลับเข้าอินเทอร์เน็ตมารับบทนักเลงคีย์บอร์ด ยังมีอีกหลายคนซึ่งซื้อเรื่องซูเค่อกับเป้ยถ่ากลับไปอ่าน
ไม่ใช่เพราะสนใจ
เพียงแต่สงสัยอยู่บ้าง
ผลปรากฏว่าความสงสัยนี้กลายเป็นคำวิจารณ์จากผู้อ่านเรื่องซูเค่อกับเป้ยถ่ากลุ่มแรก มิหนำซ้ำยังปรากฏบนหน้าหลักสำหรับวิจารณ์วรรณกรรมบนเว็บไซต์สตาร์เน็ต ดึงดูดให้ชาวเน็ตหลายคนเข้ามาห้อมล้อมเพื่อสังเกตการณ์
‘ฉู่ขวงไม่เบาเลยนะ!’
‘เดิมทีฉันคิดว่าจะซื้อมาให้ลูกอ่าน ลองเปิดๆ ดูไม่เท่าไหร่ ปรากฏว่าวางไม่ลงเลย ซูเค่อขับเครื่องบิน เป้ยถ่าขับรถถังสู้กับแมวน้อย หลุดขำไปหลายรอบมาก จนตอนนี้ลูกแย่งหนังสือฉันไปแล้ว’
‘ชอบซูเค่อเป้ยถ่ามาก!’
‘ตัวละครที่น่าสนใจที่สุดคือแมว ตัวเอกในนิทานของอาจารย์หยวนหยวนกับอาจารย์อาหู่คือแมวเหมียว แต่ตัวเอกของฉู่ขวงกลับเป็นหนูสองตัว เปิดเรื่องมาน้องแมวก็กลายเป็นบอสฝั่งวายร้ายที่โดนโจมตีซะแล้ว’
‘ซูเค่อเป้ยถ่านี่มันเพื่อนซี้ตัวจริง!’
‘หนูสองตัวนี้เท่มากเลย ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ ชอบเล่นโมเดลของเล่น ให้หนูแฮมสเตอร์ของฉันนั่ง จากนั้นก็ใช้รีโมตบังคับให้เคลื่อนไหว ตอนนี้ฉันก็ยังชอบสะสมโมเดล ซูเค่อกับเป้ยถ่าทำให้ความฝันตอนเด็กของฉันเป็นจริง!’
‘เหมือนว่าเด็กๆ จะชอบมาก’
‘ยังไม่ทันอ่านหนังสือจบ ก็รีบเข้ามาดูอัปเดตในอินเทอร์เน็ต ครั้งนี้อาจารย์อาหู่จบแล้วครับนาย ซูเค่อกับเป้ยถ่าคงจะเป็นนิทานประเภทที่ผมชอบมากที่สุดตอนเด็กๆ สนุกสนานตื่นเต้นแต่ขณะเดียวกันก็ไม่ซ้ำซากจำเจ มีหนูสองตัวเป็นตัวเอก ขับเครื่องบินขับรถถัง ทำอะไรที่เหนือจินตนาการไร้กฎเกณฑ์แบบนี้ ของชอบของเด็กๆ เลยละครับ!’
‘…’
ดูไม่เลวเลยนะ?
ความคิดเห็นชุดแรกๆ เหล่านี้ปรากฏบนหน้าเว็บบอร์ดสตาร์เน็ต ส่งผลให้ชาวเน็ตซึ่งยังไม่ได้อ่านหนังสือเกิดภาพจำแรกต่อซูเค่อกับเป้ยถ่า อีกทั้งภาพจำแรกนี้ไม่ได้เกิดปรากฏการณ์หักเหหรือพลิกกลับไปในทางลบเมื่อจำนวนความคิดเห็นเพิ่มขึ้น แต่กลับมีแนวโน้มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน
ในหลายครอบครัวซึ่งมีบุตรหลาน เด็กๆ กำลังอ่านซูเค่อกับเป้ยถ่าด้วยความตั้งใจ มือพลางพลิกหน้าบ้างเป็นครั้งคราว ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและตื่นเต้น ราวกับกำลังเป็นห่วงว่าซูเค่อและเป้ยถ่าจะได้รับอันตรายอีกครั้ง บางครั้งก็แลดูคล้ายกับกำลังตื่นเต้นกับชัยชนะของซูเค่อและเป้ยถ่า
……
กลับมาที่ฉินโจว
เมื่ออ่านซูเค่อกับเป้ยถ่าจบไปครึ่งหนึ่ง อาจารย์หยวนหยวนยกชาขึ้นมาดื่ม เอ่ยกับสตรีด้านข้างด้วยรอยยิ้ม “แมวกับหนูเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ แต่แมวมักจะอยู่เหนือว่าในห่วงโซ่อาหาร หนูทำได้เพียงวิ่งหนีการรังควานของแมว”
“แล้วอย่างไรต่อคะ”
“บางครั้งก็มีข้อยกเว้น”
อาจารย์หยวนหยวนยิ้มตาหยี
สตรีด้านข้างคลึงขมับ “พูดถึงหนูกับแมว ไม่กี่วันก่อนฉันเห็นภาพหนึ่งที่ตลกมาก น่าจะเข้ากับสถานการณ์ที่คุณพูดถึง ฉันจะให้คุณดูรูป”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดภาพ
อาจารย์หยวนหยวนชะงัก จากนั้นจึงรับโทรศัพท์จากคนด้านข้างมาเปิดดูรูป เมื่อเห็นภาพก็พลันตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะนั่นเป็นภาพของหนูตัวใหญ่กว่าแมวกำลังกินอาหารแมว
แมวขยับเข้าใกล้อย่างระมัดระวัง
เป็นแมวสีเทาขาว
หนูหันไปชำเลืองมองแมว ก่อนจะหันหลับไปกินอาหารแมวต่อ เพียงแค่แกว่งหาง แมวก็ตกใจจนหันหลังวิ่งไปหลบ ซ่อนอยู่มุมกำแพงด้วยตัวสั่นเทิ้ม มองดูหนูกินอาหารของตน ให้ความรู้สึกชวนเอ็นดูเหลือเกิน
“อะไรเนี่ย…”
อาจารย์หยวนหยวนหัวเราะลั่น นี่เป็นหนูสายพันธุ์พิเศษ ตัวโตกว่าแมว จึงเป็นเรื่องปกติที่แมวจะกลัว “รูปนี้ใช้ได้เลย แต่เดี๋ยวรูปนี้ต้องเป็นมีมของฉันแล้ว”
หยวนหยวนว่าพลางล็อกอินเข้าปู้ลั่ว
เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่อัปโหลดภาพที่น่าสนใจนี้ลงไป ปรากฏว่าโพสต์ไปได้ไม่กี่นาที แฟนคลับจำนวนมากก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์
‘แมวตัวนี้น่าสงสารมาก’
จินซานรีโพสต์
ฉีฉีรีโพสต์เช่นกัน
ปรมาจารย์อูกุยก็รีโพสต์ตามไปด้วย พร้อมกับทิ้งคอมเมนต์ไว้ว่า ‘คิดมาตลอดว่าแมวเป็นศัตรูของหนู นึกไม่ถึงว่าที่แท้บนโลกนี้ก็มีแมวที่ปราบหนูไม่ได้เช่นกัน นี่นับว่าเป็นการล่มสลายของห่วงโซ่อาหารหรือไม่…’
ศึกใหญ่ระหว่างแมวและหนู
ไหนบอกว่าศึกใหญ่ไง?
สุดท้ายฐานที่มั่นของเยี่ยนโจวก็ตกเป็นเป้าโจมตี อาจารย์อาหู่ปิดหนังสือลงเต็มแรง หลังจากสีหน้าเปลี่ยนไปอยู่หลายวินาที จู่ๆ ก็จามออกมาเสียงดัง “ทำไมกลิ่นน้ำหมึกของหนังสือใหม่ถึงได้ฉุนแสบจมูกขนาดนี้!”
จากนั้นก็เหลือเพียงความเงียบงัน
อาหู่มีความฝันหนึ่ง ความฝันของเขาคือการมีไทม์แมชชีน ต่อให้เป็นสิ่งที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวก็ตาม ถึงอย่างไรขอให้ย้อนเวลาครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว เอาเถอะ อันที่จริงนี่เป็นความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อห้าวันก่อน ความฝันเมื่อห้าวันก่อนของเขาคือการได้ข้ามเวลาไปในอีกห้าวันข้างหน้า
ตอนนี้เขาอยากย้อนเวลากลับไปเมื่อห้าวันก่อน
กอบกู้ศักดิ์ศรีสำเร็จ แก้แค้นไม่สำเร็จ
ความขัดแย้งรุนแรงระหว่างทั้งสองพื้นที่คล้ายว่าจะค่อยๆ ปิดฉากลงด้วยความขำขัน ตั้งแต่ฉู่ขวงเปิดศึกแบบหนึ่งต่อเก้า ไปจนถึง ‘ศึกใหญ่ระหว่างแมวและหนู’ ซึ่งมีรูปแบบเฉพาะตัวนี้ ช่างน่าสนใจราวกับนิทานยาวเรื่องหนึ่ง
……………………………………………………..
[1] บั้นท้ายสั่งการสมอง เปรียบเปรยว่า คนเรานั่งอยู่ในตำแหน่งหรือสถานะใด จะมีทัศนคติเช่นนั้น