ถงซูเหวินมีแผนการ
ความคิดของเขาไม่ได้มีปัญหาก็จริง คนทั่วไปใครจะรู้ว่าแรกเริ่มเดิมทีเซี่ยนอวี๋คือนักร้องซึ่งกำลังจะเดบิวต์ เพียงแต่คอบาดเจ็บ จึงต้องมาเขียนเพลงด้วยความจนใจ ปรากฏว่าประพันธ์เพลงยังประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้
ส่วนการตกรอบนั้นไม่ได้ส่งผลต่อการเป็นกรรมการของเขา…
เรื่องนี้ยิ่งไม่ต้องเป็นห่วง
ณ จุดนี้อาจไม่สามารถเปรียบเทียบได้อย่างเหมาะสมทั้งหมด
ความสัมพันธ์ของนักประพันธ์เพลงและนักร้องก็เหมือนกับนักเขียนบทและนักแสดง
ถ้าบอกว่าหากนักเขียนบทและนักแสดงแข่งทักษะการแสดงละครกัน สุดท้ายแล้วนักเขียนบทแพ้ นั่นหมายความว่าเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะวิพากษ์วิจารณ์นักแสดงหรือ..
ไม่มีหลักการพรรค์นี้หรอก
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยนอวี๋ไม่ได้ร่วมงานกับเพียงนักร้อง และยังไม่ได้มีเพียงความสัมพันธ์แบบผู้เขียนบทกับนักแสดง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้กำกับกับนักแสดงด้วย
ต้องเข้าใจว่าเพลงของเซี่ยนอวี๋ ล้วนเป็นตัวเขาเองที่เขียนเนื้อเพลง หรือแม้แต่เรียบเรียงด้วยตัวเอง นักร้องรับผิดชอบเพียงส่วนขับร้อง
ถึงขั้นที่เซี่ยนอวี๋ก็เป็นคนตัดสินว่าร้องอย่างไรด้วยซ้ำ
นักประพันธ์เพลงระดับสูงส่วนมากบนบลูสตาร์ล้วนควบคุมคุณภาพของเพลง และคัดเลือกนักร้องด้วยตนเอง
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องตายตัว
ถ้าหากนักประพันธ์เพลงมีสถานะไม่สูงพอ แต่สถานะของนักร้องสูงมาก เช่นนั้นนักร้องจะมีสิทธิ์ออกความเห็น
หลักการนี้เหมือนกับในกองถ่าย นักแสดงฝีมือดีสามารถทำให้ผู้กำกับตัวเล็กๆ ฟังตนได้
ในจุดนี้จะไม่เอ่ยถึงกรณีพิเศษใดๆ
เนื่องจากกรรมการที่รายการราชาหน้ากากนักร้องเชิญมา ล้วนเป็นบุคลากรระดับยอดพีระมิดของวงการดนตรี ในนั้นยังรวมไปถึงพ่อเพลงด้วย
ไม่มีนักร้องคนใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าพ่อเพลง ราชาราชินีเพลงก็ทำไม่ได้
เพราะแรกเริ่มเดิมทีพ่อเพลงนั้นเป็นผู้สร้างราชาราชินีเพลง ไม่มีพ่อเพลงก็ไม่มีราชาราชินีเพลง
“ปล่อยข่าวออกไปหน่อย”
ผู้กำกับรายการถงซูเหวินกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ข้างนอกรอจนร้อนใจแล้ว”
“ครับ”
ผู้ช่วยผู้กำกับพยักหน้า
ในวันนั้น
ทีมงานรายการราชาหน้ากากนักร้องประกาศข่าวออกไป
‘รายการจะบันทึกเทปอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แขกรับเชิญทั้งหกคนซึ่งจะปรากฏตัวในตอนที่หนึ่งพร้อมแล้ว แต่เรายังไม่สะดวกเปิดเผยชื่อ ทุกคนสามารถคาดเดาได้จากเสียงร้องและท่าทางของผู้เข้าแข่งขัน นี่เป็นความสนุกที่สุดของรายการเรา อย่างไรก็ตาม ข่าวดีที่เราอยากแบ่งปันกับทุกคนก็คือ แขกรับเชิญทั้งหกคน แต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา ไม่ใช่เพียงนักร้องแถวหน้าในวงการ ยังรวมไปถึงนักร้องดีกรีราชาราชินีเพลง นอกจากนั้นกรรมการในตอนที่หนึ่งนำทัพมาด้วยพ่อเพลง รายละเอียดว่าเป็นพ่อเพลงท่านใด เชิญทุกท่านรอติดตามได้ในรายการ!’
เปรี้ยง!
ทันทีที่ข่าวนี้ออกไป โลกภายนอกต่างตกตะลึง ไม่ใช่เพียงเพราะในที่สุดรายการก็ประกาศวันบันทึกเทปรายการ แต่ยังเป็นเพราะรายการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนักร้อง
‘ในที่สุดก็มาแล้ว!’
‘แต่ละคนล้วนไม่ธรรมดายังพอว่า แต่ใครจะถอดหน้ากากตั้งแต่ตอนแรก’
‘นักร้องแถวหน้า?’
‘ราชาราชินีเพลง?!’
‘ไม่เสียแรงที่ฉันรอมานาน นักร้องแถวหน้ายังเข้าใจได้ แต่มีราชาราชินีเพลงด้วย!’
‘นี่แค่ตอนแรกเองนะ!’
‘ฮ่าๆๆๆ ตอนแรกก็แรงเบอร์นี้แล้ว ถูกจริตฉันซะจริง!’
‘กรรมการก็โหดเกิน มาถึงก็เป็นพ่อเพลงเลย!’
‘อมก พ่อเพลงที่ไม่ค่อยออกมาให้เห็นหน้าค่าตา แต่เป็นยักษ์ใหญ่ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รายการเพลงทั่วไปไม่มีทางได้เห็นบุคลากรระดับพ่อเพลงปรากฏตัวหรอก!’
‘โหดกว่าสะพรั่งหมื่นเท่า!’
‘ผมจำได้ว่ารายการสะพรั่งเหมือนจะเชิญพ่อเพลงมาในรอบตัดสิน พ่อเพลงเหล่านี้เป็นบุคลากรระดับปรมาจารย์ในวงการดนตรี ตราบใดที่การประเมินต้องกล่าวความจริง พวกเขาล้วนไม่เกรงกลัวล่วงเกินนักร้อง ไม่เหมือนกรรมการทั่วไป ที่ขอแค่อายุมากสักหน่อย หลับหูหลับตาพล่ามไปเรื่อยได้’
‘…’
ใครบอกว่าไม่มีใครสนใจเบื้องหลัง
เบื้องหลังบางอย่าง ผู้คนภายนอกก็ให้ความสนใจเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นผู้กำกับชื่อดังในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ หรือนักเขียนบทชื่อดังซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกองถ่าย
หรือแม้แต่บรรดาพ่อเพลงในวงการดนตรี
ดังนั้นเมื่อรายการเผยแพร่ข่าวออกไป นอกวงการพลันตกตะลึง ทุกคนต่างถูกดึงดูดสายตาและความสนใจจากความคาดหวังซึ่งทีมงานรายการสร้างขึ้น!
……
ในเขตเขตหนึ่ง
ซุนเย่าหั่วกดโทรศัพท์โทรผู้จัดการ ถามผู้จัดการว่า “คุณว่าทำไมเพลงผมถึงดังแต่ผมไม่ดัง”
“ไม่หล่อ”
ผู้จัดการตอบอย่างไม่ลังเล
ซุนเย่าหั่วสีหน้าหม่นลงทันที “คุณเบิกตากว้างๆ แล้วมองใหม่เดี๋ยวนี้ ผมหล่อกว่าคุณเป็นหมื่นเท่า”
“อย่าใส่ใจ”
ผู้จัดการหัวเราะ “ฉันหมายถึง รูปลักษณ์ของนายในวงการบันเทิงเรานี่จัดว่าธรรมดาเกินไป ถึงแม้ทุกคนจะสนใจฝีมือของนักร้องมากกว่า แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าหน้าตามีส่วนช่วยศิลปินจริงๆ”
“เสียงล่ะ?”
“ก็ใช้ได้”
“งั้นถ้าผมปิดหน้ากากร้องเพลง…”
“อยากเข้าร่วมรายการนั้น?”
“ใช่”
ผู้จัดการเอ่ย “ฉันว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว รายการนี้เหมาะกับนาย ผู้ชมไม่เห็นหน้านาย จะเทความสนใจไปที่เสียงของนาย แต่ที่จริงเสียงของนายก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ยิ่งฟังยิ่งมีเสน่ห์”
“งั้นลงทะเบียนเลยแล้วกัน ผมคิดชุดไว้แล้ว คุณว่าเงือกเป็นไง”
“เงือก…”
ผู้จัดการหลุดหัวเราะ “ดีมาก”
ขณะเดียวกัน
ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เจียงขุยจ้องมองผู้จัดการ “ฉันอยากเข้าร่วมราชาหน้ากากนักร้อง”
“ต่อให้คุณไม่พูด ฉันเองก็จะแนะนำอยู่เหมือนกัน ฝีมือในการร้องเพลงของคุณไม่ได้เป็นรองราชาราชินีเพลงเลย แต่คุณสมบัติของคุณคือปัญหาใหญ่ แต่รายการนี้ดันไม่สนใจคุณสมบัติ หลังจากที่ทุกคนปิดหน้าและแข่งกันด้วยฝีมือในการร้องเพลงอย่างเดียว ถ้ากรรมการซึ่งเป็นพ่อเพลงบอกว่าคุณมีฝีมือระดับราชินีเพลง จะเป็นเรื่องที่สุดยอดมากหลังจากที่คุณเปิดหน้ากาก…”
สายตาของผู้จัดการเป็นประกายวาบ
เจียงขุยบอก “ฉันมั่นใจว่าทุกคนจะฟังเสียงของฉันไม่ออก พอถึงตอนนั้นทุกคนจะต้องเดาว่าสรุปแล้วนางเงือกที่ฝีมือยอดเยี่ยมคนนั้นคือใครกันแน่”
ผู้จัดการอึ้งไป “นางเงือก?”
เจียงขุยยิ้ม “ฉันอยากสวมหน้ากากนางเงือกขึ้นเวที ช่วงนี้มีนิทานเรื่องเงือกน้อยผจญภัยไม่ใช่เหรอ?”
ผู้จัดการหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ฉันว่าไม่ใช่เพราะนิทานหรอกมั้ง?”
เจียงขุยเบ้ปาก “ช่วยเคารพเทพบุตรของฉันหน่อยได้ไหม”
ผู้จัดการจนคำพูด
อีกด้านหนึ่ง
เฉินจื้ออวี่ก็ติดต่อผู้จัดการของตนเช่นกัน “สมัครหรือยัง?”
“สมัครแล้ว นายจะขึ้นเวทีในตอนที่สอง”
“งั้นก็ดีครับ”
“ออกแบบชุดหรือยัง?”
“เงือก คุณคิดว่ายังไง”
ผู้จัดการ “…”
เฉินจื้ออวี่กระแอมเสียงหนึ่ง “ปลาตะพัดทอง”
ผู้จัดการกลั้นขำ “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา แต่พอนายถอดหน้ากากแล้ว บนโลกออนไลน์ต้องเล่นมุกเดิมกับนายแน่”
เฉินจื้ออวี๋เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าเอ่ยถึงเรื่องอดีต”
ผู้จัดการเห็นด้วย “พยายามอยู่ต่อหลายสัปดาห์หน่อย ถ้าสามารถกำจัดราชาราชินีเพลงได้หลายคน จะเป็นประโยชน์กับนายอย่างมากในอนาคต”
“เรื่องนี้ผมรู้”
เฉินจื้ออวี่กำหมัด
……
กระแสของรายการราชาหน้ากากนักร้อง ไม่เพียงดึงดูดชาวเน็ต แต่ยังดึงดูดนักร้องอีกมาก
ทุกคนปิดหน้า ราชาเพลงแล้วอย่างไร?
ใครกลัวใคร?
และทีมงานรายการในขณะนี้
โทรศัพท์มือถือของถงซูเหวินดังขึ้น
หลังจากวางสายอีกครั้ง ถงซูเหวินดีอกดีใจ “ก่อนหน้านี้ทีมงานรายการกระตือรือร้นกับการสมัครมาก นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมีมากกว่าเดิมซะอีก!”
“นั่นมันธรรมดา”
ผู้ช่วยผู้กำกับกล่าวกลั้วหัวเราะ “รายการนี้ยิ่งดำเนินไปไกลเท่าไหร่ ยิ่งพิสูจน์ฝีมือในการร้องเพลงของนักร้องมากเท่านั้น นักร้องในวงการเพลงมีตั้งมากมาย แต่ชื่อเสียงของนักร้องบางคนจำกัดไว้ในทวีปของตัวเอง รายการนี้จะเป็นโอกาสให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น!”
“อืม”
ถงซูเหวินรับโทรศัพท์อีกครั้ง หลังจากวางสายจึงเอ่ยว่า “ครั้งนี้เป็นสายจากราชินีเพลง ต่อให้เป็นราชาราชินีเพลงก็หวังว่าผู้คนจากทวีปอื่นจะรู้จักตัวเองเพิ่มขึ้น เงื่อนไขคือพวกเขาสามารถถอดหน้ากากได้ช้าลง ถ้านักร้องแถวหน้าหรือราชาราชินีเพลงถูกถอดหน้ากากเร็ว พวกเขาคงรู้สึกอับอายมาก”
“ไม่ถึงขนาดนั้น”
ผู้ช่วยผู้กำกับกล่าว “ความสามารถของราชาราชินีเพลงไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่ายๆ นักร้องแถวหน้าทั่วไปยากที่จะคว่ำพวกเขา”
“…”
เซวี่ยนล่านอิ๋นกวง
ผู้จัดการจ้องมองเฟ่ยหยาง “จะไม่เข้าร่วมจริงหรือ?”
“ไม่เข้าร่วม!”
เฟ่ยหยางเอ่ยอย่างดุดัน “ถ้าเกิดเซี่ยนอวี๋เป็นกรรมการอยู่ข้างล่างล่ะ หลังจากนั้นก็ประเมินความสามารถในการร้องเพลงของผมต่อสาธารณะ ถึงจะวิจารณ์แค่สองประโยคก็เถอะ ผมไม่ขายหน้าแย่หรือ?”
“ความสามารถด้านการร้องเพลงของคุณยังกลัวถูกวิจารณ์อีกหรือ?”
ผู้จัดการเบ้ปาก “กลัวตัวเองปรากฏตัวในรายการเดียวกับเซี่ยนอวี๋แล้วทุกคนล้อเลียนใช่ไหม”
“ยังไงก็ไม่เข้าร่วม!”
เฟ่ยหยางเอ่ยอย่างหัวเสีย “ต่อให้ผมอดตาย หรือต้องกระโดดลงไปจากตรงนี้ ก็ไม่มีทางเข้าร่วมราชาหน้ากากนักร้อง!”
ผู้จัดการจนปัญญา “ไม่ได้ยินเรื่องที่เซี่ยนอวี๋จะไปเป็นกรรมการนะ คนคนนี้เหมือนว่าจะไม่ชอบออกหน้า”
เฟ่ยหยางส่งเสียงหึ “แม้แต่นิดเดียวผมก็จะไม่เสี่ยง ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือของผมจำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยหรือ?”
“แต่นี่เป็นโอกาสให้คนทวีปอื่นรู้จักคุณแล้วนะ”
“คุณคิดว่าแฟนเพลงทวีปอื่น จะรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้เห็นผมหรือ?”
ผู้จัดการคลึงขมับ
ใช่แล้ว ลูกคนรองตลอดกาล มีใครไม่รู้จักบ้าง?
เฟ่ยหยางมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ด้วยฉายา ‘ลูกคนรองตลอดกาล’!
ต่อให้เป็นพื้นที่ซึ่งผนวกเข้ามาใหม่อย่างเยี่ยนโจว ก็ได้รับรู้ถึงเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ของราชาเพลงเฟ่ยผ่านชาวเน็ตในฉิน ฉี และฉู่เป็นที่เรียบร้อย
เอาเถอะ
ผู้จัดการหมดหวัง “เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องดี เท่าที่ผมรู้ ราชาราชินีเพลงที่เข้าร่วมรายการมีไม่น้อย”
เฟ่ยหยางปัดมือ
ผู้จัดการไม่พูดให้มากความอีก
กลับมาดูกันต่อยังทีมงานรายการ
ถงซูเหวินวางสายลงอีกครั้ง
เขาลืมนับไปแล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เขารับโทรศัพท์ในวันนี้
เพียงแต่ครั้งนี้ สีหน้าของถงซูเหวินแลดูแปลกพิลึก
“มีอะไรหรือ”
ผู้ช่วยผู้กำกับคิดว่าเกิดเรื่องซึ่งทำให้ถงซูเหวินหนักใจ
“ไม่มีอะไร”
ถงซูเหวินเอ่ยอย่างฉงนใจ “แค่ไม่รู้ว่าทำไม นักร้องหลายคนถึงชอบใช้ปลาเป็นคอสตูมขึ้นเวที”
ผู้ช่วยผู้กำกับงุนงง “ปลา?”
ถงซูเหวินพยักหน้า “มีนางเงือก มีปลาตะพัดทอง แล้วก็มีอีกอันที่ยังไม่ได้มาตรฐาน แต่เป็นปลาก็พอ…”
“สามตัว?”
“ตอนนี้สามตัว หรือว่าปลามีความหมายอะไรเป็นพิเศษ”
ถงซูเหวินครุ่นคิด ความคิดพลันโลดแล่น กล่าวกลั้วหัวเราะ “ผมพอจะเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจอะไร”
“ไม่มีอะไร”
ถงซูเหวินไม่ยอมเผยความลับ
โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
หลังจากกดรับ ปลายสายเอ่ยว่า “พวกเราคิดแล้วครับว่าจะใช้หน้ากากนางเงือก ใช้สี…
“นางเงือกมีแล้วครับ”
“หา? นางเงือกมีแล้ว…เอาเถอะ ถึงยังไงก็สวยมากทีเดียว งั้นปลาตะพัดทองแล้วกันค่ะ”
“ปลาตะพัดทองก็มีแล้วครับ”
“ทำไมมีปลาเยอะจัง”
“อาจเป็นเพราะทุกคนชื่นชอบปลาก็ได้ล่ะมั้งครับ ไม่งั้นคุณลองหน้ากากปลาคาร์ปน้อยไหม”
“ก็ได้ค่ะ ขอสวยๆ หน่อย”
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วครับ เพื่อจะออกแบบให้เข้ากับตัวนักร้อง ไม่สิ…จะไม่ชนกับชุดอื่น…รับรองว่าปลาทุกตัวฆ่าและแล่กันสดๆ…ไม่สิ มีเอกลักษณ์ของตัวเอง”
“…”
หลังจากวางสาย
ถงซูเหวินยักไหล่กับผู้ช่วยผู้กำกับ “มีแต่ปลาเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าจะมีปลาตัวที่ห้ามาอีกไหม ผมว่ารายการเราควรเปลี่ยนชื่อเป็น ‘โต๊ะจีนปลา’”
ผู้ช่วยผู้กำกับ “…”
………………………………………………..