“พี่เสี่ยวเอ้อร์! คิดเงิน!” ซูซูกินบะหมี่เสร็จแล้วก็ใช้แขนเสื้อเช็ดปาก โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ เมื่อเงยหน้าก็ตะโกนเข้าไปในร้าน
กินเสร็จก็ต้องจ่ายเงิน ซูซูเข้าใจเหตุผลนี้
แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะใช้วรยุทธ์จัดการผู้อื่น และได้รับความตกตะลึง แต่ว่านางไม่ใช่คนที่กินแล้วชักดาบ
เสี่ยวเอ้อร์ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมา เขาไม่ได้เอ่ยอันใด เพียงแค่ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยว่า “คือว่า…เอ่อ แม่นาง”
เป็นแม่นางไม่ผิดใช่ไหม ก่อนหน้านี้เขาได้ยินขอทานชราเรียกนางเช่นนี้
“เจ้าของร้านของพวกเราบอกว่า เห็นพวกท่านสองคนลำบากในฤดูหนาว ดังนั้นค่าบะหมี่สองชามนี้ ไม่ต้องจ่ายแล้ว นอกจากนี้”
เขาวางเสื้อผ้าที่อาสะใภ้ชุนห่อเรียบร้อยไว้อีกด้าน แล้วเอ่ยต่อว่า “นี่คือเสื้อนวมตัวเก่าที่เจ้าของร้านของพวกเรามอบให้ทั้งสองท่าน หวังว่าพวกท่านจะไม่รังเกียจ”
ตอนนี้ซูซูรู้สึกจริงๆ ว่า ความแตกต่างระหว่างผู้คน เพียงแค่วาจาและน้ำเสียงก็มากพอจะอธิบายความแตกต่างได้แล้ว
พวกเขาเป็นขอทานเหมือนกัน แต่ในร้านขายเครื่องในแกะแห่งนั้น เห็นได้ชัดว่านั้นไม่ใช่คน แต่ในร้านบะหมี่หยางชุนแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าได้รับการการเคารพให้เกียรติ!
ซูซูพลันรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย บางทีคงเป็นเพราะสาเหตุจากอารมณ์ที่ซึ้งใจมากเกินไป ถึงได้ทำให้นางที่เป็นคนไม่ชอบร้องไห้กลายเป็นคนกระบิดกระบวนมากขึ้น
“ขอบคุณ!” นางไม่รู้ว่ายังจะเอ่ยอันใดได้อีก
ซูซูเพียงแค่ยิ้มบางๆ รับความเห็นอกเห็นใจที่พวกเขามีให้
หลังจากนั้น นางกับขอทานชราก็กอดเสื้อนวมตัวเก่าที่เจ้าของร้านบริจาคให้ออกจากร้านบะหมี่หยางชุนไป
ส่วนเจ้าของร้านบะหมี่หยางชุนย่อมไม่รู้ว่า เพียงแค่เพราะการกระทำที่ไม่ได้มีเจตตาอื่นใดของเขา
ในภายหลังครอบครัวเขาจึงได้รับการดูแลจากคนของจวนจิ่งอ๋องมากขึ้น และเหนียงจื่อของเขาก็เป็นเพราะบริจาคเสื้อนวมโดยไร้วาจาแค้นเคืองใจ จึงได้รับการตรวจอาการป่วยจากหมอหลวงในวังที่ จวนจิ่งอ๋องย้ายมาให้
ทั้งสองคนก็มีบุตรในช่วงกลางปี จึงดีใจเป็นอย่างยิ่ง!
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า นี่ก็คือการหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น มีจิตใจที่เมตตากรุณาก็ได้รับการตอบแทนที่ดี
ทว่านั่นย่อมเป็นเรื่องราวในภายหลัง จนกระทั่งตอนนี้ ท่านหญิงซูซูยังใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก
ซูซูกับขอทานชรากอดเสื้อนวมไปหาสถานที่ค่อนข้างเปลี่ยว แล้วสวมเสื้อนวมลงบนตัวทันทีอย่างไม่รีรอ!
ศักดิ์ศรีอะไรนั่น ตอนนี้ก็วางเอาไว้ก่อนชั่วคราวแล้วกัน
นางหนาวมากจริงๆ จึงโยนศักดิ์ศรีไปไว้อีกด้าน รอหลังจากอบอุ่นแล้วมีเงินมากพอค่อยว่ากันอีกที
ทั้งสองคนสวมเสื้อนวมตัวหนาทั้งแบบนี้
ชั่วขณะหนึ่ง ก็รู้สึกได้ว่าอากาศไม่ได้หนาวขนาดนั้นอีกแล้ว มีเพียงแค่ได้รับความยากลำบาก คนเราถึงจะรู้จักทะนุถนอมสิ่งที่มี ซูซูทอดถอนใจ ประจวบกับที่ขอทานชรามองมาอย่างเป็นห่วง จึงสบตาแล้วยิ้มให้กับขอทานชรา
“ฮ่าๆ…นังหนู! ชาตินี้ตาเฒ่าเช่นข้าได้รู้จักกับเจ้า ก็ถือว่ามีวาสนาแล้ว! ได้มีบะหมี่อุ่นร้อนชามหนึ่งกิน มีเสื้อนวมหนาๆ ใส่ แม้ว่าจะให้ข้าตายตอนนี้ ข้าก็พอใจแล้ว!”
“ท่านผู้เฒ่า! ดูสิ ท่านกล่าววาจาอันใดกัน วันเวลาดีๆ ของพวกเราเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง!” ซูซูตัดบทขอทานชราอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงก็เปี่ยมไปด้วยความไม่เห็นด้วย!
เขาเอ่ยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ตายไม่ตายอะไรกัน?
นางไม่ได้ตอบแทนคุณที่ช่วยชีวิตของผู้เฒ่าท่านนี้เลย จะให้เขาตายได้เช่นไร
“ท่านผู้เฒ่า หลังจากนี้อย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้อีกรู้ไหม”
ขอทานชราเห็นสายตาเคร่งขรึมของซูซูแล้ว ก็รู้ว่าประโยคที่ตนเองเอ่ยไปอาจจะทำให้ซูซูไม่พอใจ
แม้ว่าเด็กคนนี้จะเยาว์วัยกว่าตนเอง แต่ไม่รู้ว่าทำไม ขอทานชราสามารถมองเห็นความน่าเกรงขามจากร่างของเด็กคนนี้ได้!
นั่นเป็นสิ่งที่ผู้มีตำแหน่งสูงศักดิ์ถึงจะมี ทำให้เขาคิดอยากจะยอมสยบอยู่ใต้อำนาจอย่างควบคุมตนเองไม่อยู่
“ได้! ไม่เอ่ยแล้ว! เช่นนั้นนังหนู ในเมื่อเจ้าขายม้าได้แล้ว ในมือก็มีเงินแล้ว เช่นนั้นก็รีบไปซื้อยามากินเถอะ เป็นไข้หวัด แม้ในสายตาคนที่ยากจนข้นแค้นแบบพวกเราจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร แต่หากไม่ระวังก็ถึงแก่ชีวิตได้นะ!”
ขอทานชราเอ่ยถึงตรงนี้แล้วไม่เพียงแต่ทอดถอนใจ ฤดูหนาวปีที่แล้วหนาวมาก และเพราะเป็นเช่นนั้น ขอทานที่อยู่ด้วยกันกับเขามากมายล้วนตายอยู่ท่ามกลางความเหน็บหนาวในฤดูหนาวครั้งนั้น
ตอนนี้ในเมื่อเด็กคนนี้มีความสามารถหาเงินเองได้ ทั้งยังมีเงินติดตัวแล้ว ดังนั้นขอทานชราจึงรีบเร่งให้นางไปซื้อยามารักษาอาการป่วย
ซูซูพยักหน้าแล้วประคองขอทานชราไปที่ร้านขายยาด้วยกัน นางจำเป็นต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง แบบนี้ถึงจะหาซูชีพบ!
ร้านขายยาในตำบลแห่งนี้ก็แบ่งออกเป็นหลายระดับ เพราะขอทานชราคุ้นเคยกับที่นี่ดี ดังนั้นเขาจึงพาตนเองไปที่ร้านยาที่เป็นระดับล่างสุด
ความจริงไม่ได้บอกว่าร้านขายยาระดับล่างนั้นแย่สุด! แต่ทั้งตำบลมีเพียงแค่ร้านขายยาร้านนี้ที่ไม่ไล่ขอทานและคนยากจนออกไป!
ซูซูให้ท่านหมอตรวจชีพจร จากนั้นก็หยิบสมุนไพรเล็กน้อย เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ไร้ที่พักพิง เจ้าของร้านเห็นพวกเขาน่าสงสาร ดังนั้นจึงให้ซูซูมาดื่มยาทุกวันในตอนกลางวัน
ยาย่อมเป็นพวกเขาที่ช่วยเคี่ยวให้เรียบร้อย
อากาศเย็นเกินไป แม้ว่าจะช่วยเคี่ยว แต่ผู้อื่นไม่สามารถเฝ้าหม้อยาเคี่ยวให้นางได้ นางจึงได้แค่ดื่มยาที่เย็นเฉียบเป็นธรรมดา
สำหรับผลลัพธ์เช่นนี้ ซูซูพึงพอใจมากแล้ว
นางออกมาหลายวันขนาดนี้ จากคุณหนูที่ไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่เรื่องเดียว ตอนนี้ได้กลายเป็นคนธรรมดาที่รู้จักการปฏิบัติตนของผู้คนต่อผู้ที่มีอำนาจและไร้อำนาจกับท่าทีที่ไร้น้ำใจของผู้คนบนโลกแล้ว
หลังจากซูซูให้ท่านหมอตรวจอาการป่วยของตนเองเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่สนว่าขอทานชราจะยินยอมหรือไม่ นางบังคับดึงเขามาให้ท่านหมอตรวจดูอาการเช่นกัน
“แม่นาง ข้ารู้ว่าเจ้ามีเจตนาดี แต่อายุของท่านผู้เฒ่ามากแล้ว อีกทั้งยังมีชีวิตหิวโหยและหนาวเย็นมาเป็นเวลานาน ข้ารักษาขาเขาให้หายไม่ได้จริงๆ แต่สามารถจัดการบาดแผลบริเวณหัวเข่าให้ก่อนได้ ไม่เช่นนั้นหากเดินไปทั้งแบบนี้ก็จะเจ็บมาก!”
แต่ไหนแต่ไรเจ้าของร้านขายยาก็เป็นคนจิตใจดี มีเมตตา และเป็นคนดีที่มีชื่อเสียงในตำบลแห่งนี้ ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ ซูซูก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าอย่างเศร้าสลด
แม้ว่านางจะไม่เข้าใจหลักการรักษาโรคและผลกระทบ แต่ในใจกลับรู้ดีว่า ขาของท่านผู้เฒ่า กว่าครึ่งนั้นไม่หายแน่นอน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องลองสักตั้ง! ตอนนี้ในเมื่อรู้ผลลัพธ์แล้ว แม้ว่านางจะรู้สึกจนปัญญา แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วเช่นกัน
“ได้! เช่นนั้นก็ทำแผลให้เขาเถอะ ท่านหมอ ท่านเบามือหน่อยนะ”
ท่านหมอได้ยินวาจาของซูซูแล้วก็ยิ้มบางๆ ยกนิ้วโป้งให้กับขอทานชรา แล้วเอ่ยชมว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านมีวาสนาดีจริงๆ ถึงได้มีหลานสาวที่กตัญญูเช่นนี้”
กล่าวจนผู้ชรามีสีหน้าลำบากใจ แต่กลับลอบชื่นใจเงียบๆ
ก็จริง เด็กคนนี้เป็นเด็กที่ดีคนหนึ่งจริงๆ
เป็นเพราะหาหมอครั้งหนึ่ง ทั้งสองคนถึงกับจ่ายเงินห้าตำลึงเงินที่ได้จากการขายม้าได้ไปเจ็ดแปดส่วน ซูซูไม่เพียงแต่จะทอดถอนใจ เงินนี้จำเป็นต้องจ่ายจริงๆ
ซูซูยังรู้ว่าใช้เงินนี่ไปพอสมควรแล้ว ขอทานชราย่อมเห็นเช่นกัน! แบบนี้เขาไม่เพียงระมัดระวังเล็กน้อย