“นังหนู! ตอนนี้พวกเราก็แยกกันไปทางใครทางมันเถอะ! เจ้าพาข้าไปด้วยก็เป็นตัวถ่วง ทั้งยังทำให้เจ้าเสียเวลาทำธุระอีก แม้ว่าตาเฒ่าอย่างข้าจะแก่แล้ว แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้ามีเรื่องที่จะต้องทำแน่นอน! เจ้ารีบไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ ข้าได้เสื้อกันหนาวพวกนี้มาแล้ว ฤดูหนาวปีนี้จะต้องปลอดภัยแน่นอน!”
ขอทานชราเอ่ยวาจาเสียจนทำให้หัวใจซูซูรู้สึกเจ็บปวด
เมื่อต้องจากคนในครอบครัว ซูซูถึงได้รู้ถึงความลำบากของเรื่องต่างๆ ในโลก นางถึงได้สัมผัสกับความเป็นห่วงที่มีคุณค่ามาก
ท่านผู้เฒ่าที่จิตใจดีงาม มีเมตตาเช่นนี้ ทั้งยังคิดเผื่อตนเอง ถูกนางพบเขา นั้นเป็นวาสนาของนางจริงๆ!
แม้ในใจจะรีบร้อนไปตามหาซูชี แต่ซูซูกลับรู้เช่นกันว่า การทิ้งผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตตนเองนั้นไร้ศีลธรรมมากเพียงใด!
ก็ช้าไปแค่ชั่วครึ่งชั่วยาม รอนางขายม้าอีกสองสามครั้ง เก็บเงินได้มากพอแล้ว ก็มอบให้ท่านผู้เฒ่ามากหน่อย ให้เขาสามารถนำเงินที่ได้ไปทำอะไรเล็กน้อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกินดื่มแล้ว ตนเองค่อยจากไป แบบนี้ตนเองจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมากด้วย
“ท่านผู้เฒ่า ท่านไม่ต้องเอ่ยแล้ว ในใจข้ามีแผนการ อย่างไรก็ไม่มีทางหายไปไหน ตอนนี้พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไรกันดี!”
นางเอ่ยจบก็ฝืนดึงขอทานชราไปยังวัดโกโรโกโสที่พวกเขาพักอาศัยแห่งนั้น โดยไม่สนว่าขอทานชราจะเอ่ยอย่างไร
อาภรณ์สีม่วง อาชาขาวปลอดหนึ่งตัว ไม่จำเป็นต้องมีองค์ประกอบใดๆ ก็เป็นภาพทิวทัศน์อันงดงามบนโลกมนุษย์
ซูชีกำลังอยู่ระหว่างเร่งเดินทางไปเมืองไหลหยาง
ฤดูหนาวอากาศหนาวเหน็บ เมื่อเร่งเดินทาง ลมหนาวก็พัดมาเป็นระยะ แม้ว่าเขาจะมีกำลังภายในปกป้องร่างกาย แต่ยังคงรู้สึกว่าร่างกายเย็นเยียบอยู่ดี
ร่างกายเย็นเยียบ ใบหน้ายิ่งเย็นยะเยือก คิ้วของเขาขมวด
นับตั้งแต่วันนั้นที่จากลากับมั่วเชียนเสวี่ยบนลานแสดงยุทธ์ ใบหน้าของเขาก็ไม่ได้ปรากฏสีหน้าทะเล้นที่ไม่ได้คิดอะไรมากอีกเลย
กูเสี่ยวซู เจ้าคนน่าเป็นห่วงนั่น แม้ว่าเขาจะออกจากเมืองหลวง สถานที่ที่มีแต่ปัญหา แต่กลับยังสามารถสร้างภัยพิบัติออกมาให้เขาได้อีก นี่ทำให้เขาโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน!
เขาไม่อยากจะสนใจนาง แล้วปล่อยนางไปตามยถากรรมจริงๆ!
แต่เมื่อละทิ้ง ไม่เอ่ยถึงเกียรติยศระหว่างสองตระกูล เขาก็ทำตัวเป็นคนสารเลวที่เห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วยไม่ได้
อยู่ร่วมกันมาหลายเดือน แม้ว่าจะไม่มีความรัก ไม่มีความสงสาร แต่ก็ยังมีมิตรภาพระหว่างสหายเก่าเล็กน้อย
เขาควบคุมม้าให้หยุด แยกแยะทิศทาง แล้วมุ่งไปข้างหน้าต่อ
แม้ว่าจะความรู้สึกเฉกเช่นมิตรภาพจะน้อยนิด แต่คราวนี้เขาจะต้องแก้ไขปัญหาใหญ่นี้ให้ได้ ใจร้ายจัดการให้นางแต่งงานกับผู้อื่นด้วยตนเอง
จากนั้น…เขาก็จะท่องเที่ยวไปทั่วแผ่นดิน เป็นคุณชายที่รักอิสรเสรีของเขาไป
นับแต่นั้น ก็จะไม่มีคนเรียกเขาข้างหูว่า…
“ซูชี…ทำไมเจ้าถึงไม่ชอบข้า”
“ซูชี…ข้าคือกูเสี่ยวซู…ข้าจะติดตามเจ้าไปชั่วชีวิต!”
“ซูชี อย่าไล่ข้าไป…”
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเขาคิดว่าต้องคุมตัวกูเสี่ยวซูให้แต่งกับผู้อื่น เฝ้าจับตาดูนางเข้าหอกับผู้อื่น มองนางโถมกายเข้าไปในอ้อมแขนของผู้อื่น หัวใจของเขาถึงได้พลันวูบโหวงขึ้นมา
วันนั้น เพื่อจะจับหลูเจิ้งหยาง เขาเกือบทิ้งชีวิตไป ประโยคแรกที่นางเอ่ยตอนเห็นเขาก็คือ…
“ซูชีคนน่าตาย เจ้าไม่ต้องการชีวิตแล้ว ทำไมไม่เรียกข้าด้วย? เจ้าสามารถทุ่มสุดตัวเพื่อเชียนเสวี่ยถึงขั้นที่ชีวิตก็ไม่ต้องการ ข้า กูเสี่ยวซู ก็สามารถทุ่มสุดตัวถึงขั้นที่ชีวิตก็ไม่ต้องการเพื่อเจ้าได้เช่นกัน…”
เขาได้รับบาดเจ็บหนักอาจ้าวต้องเฝ้าหลูเจิ้งหยาง เจ้าคนขายชาตินั่น จึงเป็นซูซูที่ทุ่มเทแบกเขากลับมาสุดชีวิต
และก็เป็นซูซูที่คอยปรนนิบัติ เขาถึงได้ดีขึ้นเร็วขนาดนี้…
สมองพลันสับสนเล็กน้อย…
เขาจะต้องถูกเรื่องการแต่งงานของมั่วเชียนเสวี่ยทำให้สับสนลังเลแน่ๆ
จะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน
รอจัดการตัวหายนะนี่เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็จะดีเอง!
ชั่วชีวิตนี้เขาไม่ร้องขอให้สามารถหาคนที่ทำให้ตนเองใจเต้นโครมครามได้ แต่ขอให้มั่วเชียนเสวี่ยสบายดีไปตลอดชีวิต ขอให้หนิงเซ่าชิงสามารถมอบความสุขที่นางต้องการได้ ขอให้นางมีบุตรเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง และสุขภาพแข็งแรง…
ดังนั้น แม้ว่าเขาจะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า แต่จิตใจก็สามารถสงบเป็นอิสรเสรีได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูซูกับขอทานชราก็ไปถึงตำบลแต่เช้าตรู่
แม้ว่าการเป็นขอทาน จะเป็นคนที่ต่ำต้อยที่สุด แต่พวกเขาก็มีกฎระเบียบของตนเองตลอด
ผู้ที่มาเช้าจะได้ครอบครองตำแหน่งที่ดีที่สุด จากนั้นก็สามารถได้เงินที่คนร่ำรวยมอบให้
ส่วนขอทานที่มาสาย ไม่ได้ครอบครองตำแหน่งพื้นที่ที่ดี คาดว่าทั้งวัน กระทั่งหมั่นโถวก็ยังไม่ได้
แต่ว่านับตั้งแต่ขอทานชราติดตามอยู่ข้างกายซูซู ก็ไม่เคยออกไปขอทานอีกเลย อาหารที่เขากิน ตอนนี้ล้วนมีซูซูจัดเตรียมให้
สำหรับเรื่องนี้ ขอทานชราซาบซึ้งใจต่อซูซูมากจริงๆ
“ท่านผู้เฒ่า ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน ที่นี่ค่อนข้างอบอุ่น ข้าจะไปดูทางนั้นสักหน่อย ดูสิว่าจะหาม้าของข้าเจอได้หรือไม่”
“นังหนู มิเช่นนั้นข้าไปกับเจ้าด้วยแล้วกัน”
เขาเป็นกังวลว่าซูซูจะมีอันตรายอะไรมาโดยตลอด อย่างไรเสียหากเรื่องที่นางทำในตอนนี้ถูกคนพบเห็นเขา แม้ว่าจะไม่ตาย แต่เทียบกันแล้วก็ต้องถูกทรมานแสนสาหัสแน่!
“ไม่เป็นไรหรอกท่านผู้เฒ่า ท่านลืมไปแล้วหรือว่า ข้ามีวรยุทธ์ติดตัว! อีกอย่าง ม้าของข้าจำข้าได้ หากข้าเห็นท่าไม่ดี อย่างมากก็แค่ขี่ม้าหนี พวกเขาก็หาข้าไม่พบแล้ว!”
ซูซูรู้ว่าขอทานชราเป็นกังวลเรื่องอะไร ความจริงแล้วนางก็กังวลเช่นกัน
แต่สุดท้ายขอทานชราก็อายุมากแล้ว นางไม่กังวลเรื่องที่จะทำให้เดือดร้อนหรือไม่เดือดร้อน แต่หากว่าได้รับบาดเจ็บในตอนชุลมุน ซูซูทำใจไม่ได้
คาดว่าขอทานชราก็รู้ว่าตนเองที่อายุมากแล้วช่วยอันใดไม่ได้ จึงกำชับแล้วกำชับอีก
สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่มองซูซูสวมเสื้อนวมสีน้ำเงินดำที่คนใจดีให้มาเมื่อวานหายลับไปจากสายตาตนเองทั้งอย่างนั้น
เพียงแต่ว่าวันนี้ขอทานชรากลับรู้สึกใจไม่ค่อยสงบ มักจะรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้!
“เหล่าเทียนเหยียคุ้มครอง! คุ้มครองให้เด็กคนนี้สามารถกลับมาอย่างปลอดภัย…”
สถานที่ที่ซูซูขายม้าเมื่อวาน ยังเห็นคนที่ซื้อม้าของนางเมื่อวานอยู่ ทั้งยังจูงม้าหลายตัวยืนอยู่ตรงนั้นด้วย แต่เห็นได้ชัดเลยว่า ม้าของนางไม่อยู่แล้ว
สำหรับเรื่องนี้ ซูซูไม่ได้ผิดหวัง เพราะนางรู้ว่า ม้าของตนเองเป็นม้าดีที่พบเห็นได้ยาก แม้ว่าจะปะปนอยู่ในกลุ่มม้าชั้นเลวพวกนั้น แต่กลับยังคงโดดเด่นไม่เหมือนใคร
จะต้องเปลี่ยนมือไปแล้วแน่ๆ
ในเมื่อขายไปแล้ว เช่นนั้นโอกาสของนางก็มาแล้ว
นัยน์ตาของซูซูเต็มไปด้วยความลำพองใจ
นางหรี่ตาคู่นั้นลงเล็กน้อย เดินไปตามถนนสายนี้ช้าๆ นิ้วมือแตะเข้ากับกลีบปาก แล้วผิวปาก
เมื่อวานม้าของนางยังอยู่ จะต้องจากไปได้ไม่ไกล และได้ยินเสียงผิวปากของนาง จากนั้นก็วิ่งกลับมาเองแน่นอน
นางได้ลองไปหลายครั้งแล้ว
แน่นอนว่าหลอกเอาเงินมาได้ไม่น้อย
เพียงแต่
เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วนางก็ยังไร้เดียงสาเกินไป ไม่รู้ว่าการหาผลประโยชน์จากผู้อื่น ไม่อาจหาจากสถานที่เดิมบ่อยๆ
การหลอกลวงก็เช่นกัน!
ซูซูเดินไปบนถนนเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยามเต็มๆ พองแก้มผิวปากเสียจนบวม แต่ยังคงไม่เห็นม้าของนางกลับมา!