บนเวที
ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของกรรมการตัดสิน หรือเสียงอุทานของผู้ชม ล้วนไม่ได้ส่งผลต่อการแสดงของหลินเยวียน
หลินเยวียนไม่ได้มองและไม่ได้ยิน
หูของเขามีหูฟังอินเอียร์ กำลังดำดิ่งท่ามกลางท่วงทำนอง ผลงานของเขาดีกว่าช่วงฝึกซ้อมด้วยซ้ำไป แม้แต่ความอึดอัดเล็กน้อยยามกล้องจับมา เขาก็ลืมไปจนหมดสิ้น
แสงไฟหรี่ลงอย่างนุ่มนวล
ฉากด้านหลังเวที คือภาพธรรมชาติอันงดงามดุจสรวงสวรรค์
ยอดเขาสูงมากมาย
ม่านหมอกบางเบา
สายธารรินไหล
ท่ามกลางปฏิกิริยาหลากหลายรูปแบบจากผู้ชมด้านล่างเวที หลินเยวียนถือไมโครโฟนอย่างมั่นคง ขับขานท่วงทำนองเข้ากับบทเพลง
เมื่อเสียงผู้หญิงกังวานใสดังขึ้นอีกครั้ง ผู้ชมก็อุทานขึ้นอีกครั้ง ต่อให้การเปลี่ยนของเสียงในท่อนเวิร์สจะทำให้ผู้ชมตระหนักได้ว่าหลานหลิงอ๋องควบคุมเสียงสองแบบได้
นี่คือเสียงเมซโซโซปราโนส่วนแรกของท่อนคอรัส
“ค่ำคืนเหน็บหนาวถวิลหาเพียงแต่เจ้า กลางอ้อมกอดสายน้ำความทรงจำ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงประโยคต่อมา หลินเยวียนก็เปลี่ยนไปเป็นชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนได้อย่างง่ายดาย เสียงร้องทุ้มต่ำและทรงพลังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความรู้สึกอันลึกซึ้ง
“กาลเวลาเปราะบางรักสลักบนอาภรณ์ กลิ่นขจรใจยังผูกพัน”
ไม่เพียงท่อนเวิร์ส!
ท่อนไคลแม็กซ์ก็ยังร้องสลับชายหญิงเช่นกัน!
ผู้ชมด้านล่างเวทีฟังจนอึ้งไป!
……
ในพื้นที่รอ
ในใจของถงถงเต็มไปด้วยความกังวล เธอกล่าวโทษตนเอง คิดว่าลำดับการขึ้นแสดงซึ่งตนจับสลากได้ส่งผลกระทบต่อการขับร้องของหลานหลิงอ๋อง
ปรากฏว่าชั่วขณะนั้น!
ยามที่เสียงของหลานหลิงอ๋องสลับหญิงชายเป็นครั้งแรกอย่างแยบยล สมองของเธอมึนงงไปชั่วขณะ ราวกับถูกไฟช็อตขึ้นมาฉับพลัน!
ราชาเพลง?
ราชินีเพลง?
เธอลืมไปหมดแล้ว เธอทำได้เพียงอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น
อึ้ง!
ขณะเดียวกัน
ในห้องรับรองนักร้อง
สายตาของหงส์ขาวจ้องมองหน้าจอบนกำแพง เสียงของเธอแม้ว่าจะผ่านการประมวลผลด้วยเครื่องเปลี่ยนเสียง แต่ก็ไม่อาจซ่อนงำความประหลาดใจไว้ได้
“สุดยอด”
ห้องถัดไป
ในห้องรับรองของหุ่นยนต์
หุ่นยนต์ซึ่งมีบุคลิกค่อนข้างมีชีวิตชีวาลุกขึ้นยืน แทบจินตนาการได้เลยว่าสีหน้าของเขาภายใต้หน้ากากจะเหลือเชื่อเพียงใด “ไม่รู้เพศของคนคนนี้เลย คนคนเดียวร้องเพลงคู่หญิงชายได้ทั้งสองส่วน!”
นักร้องซึ่งอยู่ในห้องรับรองก็เช่นเดียวกัน
“ใครกัน”
“พรสวรรค์เป็นเลิศ”
“อยู่ในวงการเพลงมาตั้งหลายปี ยังไม่เคยเห็นใครเปลี่ยนเสียงชายหญิงได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้มาก่อน ร้องส่วนของผู้ชายก็เป็นเสียงผู้ชาย ร้องส่วนของผู้หญิงก็เป็นเสียงผู้หญิง!”
เป็นไปได้อย่างไร
……
ในห้องผู้กำกับหลังเวที
ผู้กำกับถงซูเหวินก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน!
คนอื่นไม่รู้ว่าหลานหลิงอ๋องคือใคร แต่เขากลับรู้อยู่เต็มอก ฉะนั้นผลกระทบที่เขาได้รับตามสัญชาตญาณจึงมีมากที่สุด
นี่คือเซี่ยนอวี๋!
เขาไม่ใช่นักประพันธ์เพลงหรอกหรือ?
ทำไมฝีมือในการร้องเพลงของเขาอยู่ระดับนักร้องมืออาชีพแล้วล่ะ มิหนำซ้ำยังแบ่งร้องเสียงผู้ชายและผู้หญิงในเพลงเดียวกันได้ด้วย!
นี่มันบ้าไปแล้ว!
การตระหนักรู้ในครั้งแรกทำให้ถงซูเหวินประหลาดใจ กล่าวได้เพียงว่าเซี่ยนอวี๋เก่งมาก การตระหนักรู้ในครั้งที่สองกลับทำให้ถงซูเหวินตกใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่รวมอยู่ในขอบเขตของความสามารถแล้ว หากแต่เป็นการแสดงพรสวรรค์อันเป็นเอกลักษณ์แล้ว!
ถอดหน้ากากตั้งแต่ตอนที่หนึ่ง?
ถ้าหลานหลิงอ๋องถอดหน้ากากตั้งแต่ตอนที่หนึ่ง เช่นนั้นคงไม่ต้องรอให้คนอื่นสงสัยหรอก
แม้แต่ผู้กำกับอย่างถงซูเหวินก็ควรสงสัยเช่นกันว่ารายการราชาหน้ากากนักร้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง!
……
ทุกคนต่างตกตะลึง
การแสดงของหลินเยวียนดำเนินมาถึงท่อนสุดท้าย หลังจากท่อนไคลแม็กซ์ครั้งสุดท้ายผ่านพ้นไป เสียงของเขาก็ค่อยๆ สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงผู้หญิงหรือเสียงผู้ชาย
“ยามใดสิบหลี่วสันต์ผลิดอกอีกครา ใต้มวลพฤกษาเจ้ากลับมาพลัน
หากบุปผาโรยเพียงตามวารี จะไม่บีบคั้นให้หลีกลี้”
แสงไฟหยุดการเคลื่อนไหว
ส่องรวมกันที่เท้าของหลินเยวียน
หน้าจอใหญ่ด้านหลังเวทีดับลง
ท่ามกลางกล้องซึ่งซูมเข้ามา ภายใต้หน้ากากภูตผีซึ่งมีเสน่ห์แต่เปี่ยมไปด้วยความน่ากลัว เสียงไพเราะลึกซึ้งดังขึ้น
“โลกโลกีย์นี้ไม่อาจพรากไป…”
ในตอนจบระคนความอาลัยอาวรณ์ ผู้ชมได้ยินทั้งสองเสียงประสานกันในภวังค์
ทุกคนไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเนื้อเพลงในประโยคสุดท้ายร้องด้วยเสียงผู้ชายหรือเสียงผู้หญิงกันแน่
ทั้งห้องส่งเงียบกริบ
ในรายการเต็มไปด้วยกล้องนับไม่ถ้วน ทว่าใบหน้าของทุกคนซึ่งกล้องจับไป ล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
นั่นรวมไปถึงกรรมการตัดสินทั้งสี่คน
จนกระทั่งเสียงของหลานหลิงอ๋องโค้งคำนับวงดนตรีและผู้ชมด้านล่างเวทีในไม่กี่วินาทีสุดท้าย หลายคนจึงตั้งสติได้!
เฮๆๆ!
ทั้งห้องส่งเฮลั่น!
นี่คือสิ่งที่หุ่นยนต์ทำไม่ได้ แม้แต่ผู้ที่ได้รับการยืนยันตัวตนในฐานะราชินีเพลงอย่างหงส์ขาวก็ทำเรื่องนี้ไม่ได้
“พระเจ้าช่วย!”
“น่ากลัวไปอีก!”
“สรุปว่าหลานหลิงอ๋องคนนี้เป็นเทพมาจากไหนเนี่ย!”
“ครั้งแรกที่เขาเปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชาย ผมคิดว่าผมฟังผิด ถึงกับสงสัยด้วยซ้ำว่าตัวเองหูเพี้ยน!”
“ตอนนี้ฉันยังคิดว่าตัวเองหูเพี้ยนอยู่เลย!”
“บนเวทีนอกจากหลานหลิงอ๋อง ยังมีอีกคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่?”
“ถ้าเป็นนักร้องชาย ทำไมถึงร้องเสียงผู้หญิงได้ดีขนาดนี้ ถ้าเป็นนักร้องหญิง ทำไมถึงร้องเสียงผู้ชายได้ถึงรสถึงชาติ”
“แม่เจ้าโว้ย!”
“นักร้องคนอื่นเขาร้องเดี่ยว หลานหลิงอ๋องคนนี้ขึ้นมาก็เล่นแบบคู่ผสมชายหญิงไปเลย!”
……
คณะกรรมการประเมิน
ดาราซึ่งเป็นกรรมการประเมินหลายคนถึงกับหลงลืมหน้าที่สร้างบรรยากาศของตนไปสนิท แน่นอนว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสร้างบรรยากาศแล้ว
ตั้งแต่หลานหลินอ๋องเปลี่ยนเสียงเป็นครั้งแรก ก็สร้างประสิทธิผลให้รายการอย่างเต็มเปี่ยม!
“ฮู้ว…”
ต่อให้เป็นอันหงซึ่งรับหน้าที่พิธีกร ก็ยืนสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่บนเวที เพื่อปรับอารมณ์ของตนสักครู่
“ขอขอบคุณสำหรับการแสดงของอาจารย์หลานหลิงอ๋อง!”
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่อาจปกปิดได้
“ผมคิดว่าทุกท่านต้องการเวลาสักพักเพื่อปรับอารมณ์ ไม่สู้ผมถามปัญหาที่ทุกท่านสงสัยแทนดีกว่า อาจารย์หลานหลิงอ๋องเป็นเพศอะไร”
“คุณลองเดา”
หลินเยวียนใช้เสียงผู้ชายตอบ แต่เนื่องจากเอฟเฟ็กต์ของเสียงและการขับร้องเมื่อครู่นี้ จึงไม่มีใครมั่นใจในเพศที่แท้จริงของหลานหลิงอ๋อง
อันหงยิ้มอย่างจนใจ
“เดาหรือไม่เดา เห็นทีเราคงต้องให้คณะกรรมการตัดสินทั้งสี่ท่านของเราชี้แนะสักหน่อยแล้ว อาจารย์เหมาเสวี่ยวั่งครับ!”
“…”
เหมาเสวี่ยวั่งไม่ตอบ
อันหงอดไม่ได้เอ่ยเรียกอีกครั้ง “อาจารย์เหมาเสวี่ยวั่ง?”
“ขอโทษครับ…”
เหมาเสวี่ยวั่งได้สติราวตื่นจากฝัน “ผมกำลังขบคิดปัญหาที่คุณถาม หลานหลิงอ๋องเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง คำตอบคือ ผมไม่รู้”
“นักร้องคนหนึ่งร้องได้ทั้งเสียงผู้ชายและผู้หญิง ถึงแม้จะพบเห็นได้น้อย แต่ก็ไม่นับว่าแปลกอะไร”
กรรมการตัดสินหลิ่วซวี่เอ่ยขึ้น
ผู้ชมได้ยินดังนั้นก็ดวงตาเบิกกว้าง
คุณอย่าเสแสร้งไปหน่อยเลย แบบนี้ยังไม่แปลกอีกหรือ?
ต่อให้คุณอยู่ระดับยอดฝีมือ ก็ไม่สามารถพูดเช่นนี้ได้ คิดว่าพวกเราไม่มีความรู้เลยหรือ?
อย่างไรก็ตามประโยคที่สองของหลิ่วซวี่ กลับทำให้ผู้ชมตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วหลิ่วซวี่คือพันธมิตร
“นักร้องชายหลายคนสามารถใช้ทักษะในการร้องเพลงร้องเสียงผู้หญิงออกมาได้ อันที่จริงนั่นคือฟอลเซตโตอย่างหนึ่ง นักร้องหญิงเองก็เช่นกัน แต่คุณแตกต่างจากนักร้องที่ฉันพูดถึง ไม่ว่าคุณจะร้องเสียงผู้ชายหรือเสียงผู้หญิงก็ล้วนเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมชาติถึงขั้นที่ฉันไม่ได้ยินรอยแผลของทักษะนี้เลย บอกได้เพียงว่าทั้งสองเสียงของคุณยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมถึงขั้นที่ฉันสามารถยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของทักษะการร้องเพลงของคุณ ถึงขั้นที่ยังอยากฟังต่อไป…”
……………………………………………….