หมอกสีดำบดบังแสงสว่างไม่ให้เข้าถึงดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวย นางรู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังกัดกินไปทั่วร่าง
ร่างกายของนางอ่อนล้าจนหมดสิ้นเรี่ยวแรง แม้กระทั่งขาทั้งสองข้างก็ยังเริ่มอ่อนแรงลง ใบหน้าสีดำเหล่านั้นกระจายตัวกันออกไปทั่วกลุ่มหมอก!
เด็กชายตัวน้อยมองดูผู้คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาถูกหมอกสีดำกลืนหายไปทีละคน ตาโตคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงฉาน!
เขากำมือทั้งสองข้างเข้าหากัน พร้อมกับคำรามออกมาเสียงดังเมื่อสติปชัญญะสุดท้ายที่เหลืออยู่ถูกความเกลียดชังทำลายลง!
ทันทีที่ได้ยินเสียงคำรามของเด็กชาย เฮ่อเหลียนเวยเวยที่เหงื่อโทรมกายก็ขยับนิ้วอันเต็มไปด้วยบาดแผลของตัวเอง เลือดของนางหยดลงจากปลายนิ้วแล้วซึมหายเข้าไปในพื้นดิน ”ในนามแห่งข้า จงระลึกถึงนามเจ้า…”
“นายท่านขอรับ! ผู้หญิงคนนั้น!” เด็กตัวเล็กที่มีขวดน้ำเต้าอยู่บนหลังตัวแข็งทื่อเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองถูกขัดขวาง ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมา ”นางทำอะไรลงไป!”
จิ่งอู๋ซวงเงียบ แต่ปีศาจกินฝันที่ยืนอยู่ข้างเขากลับตอบอย่างรวดเร็วว่า ”ร่ายอาคม นางกำลังร่ายอาคมอยู่!”
“แต่ในเมื่อค่ายกลอาคมสร้างเสร็จแล้ว นางย่อมไม่สามารถใช้อาคมใดๆ ได้มิใช่หรือ” เด็กชายที่มีขวดน้ำเต้าอยู่บนหลังขมวดคิ้ว
“ไม่ มันไม่ใช่อาคม!” ปีศาจกินฝันขยับตัวไปมาเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง…
จิ่งอู๋ซวงหลับตา แล้วเริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งเดียวที่นางได้ยินคือเสียหัวเราะเบาๆ ที่ดังอยู่ในหูเท่านั้น เสียงหัวเราะนั้นชวนให้ลุ่มหลง เหมือนกับเสียงของเมล็ดพืชสีทองที่ไหลออกมาอย่างช้าๆ ”เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าทันทีที่เจ้าเลือกที่จะขายวิญญาณ เจ้าจะไม่สามารถก้าวขาเข้าสู่ประตูสวรรค์หรือเกิดใหม่ได้อีก”
แสงและเงาอันพร่ามัวหมุนเคว้งอยู่เบื้องหน้า ในเวลาเดียวกันนั้น กลิ่นหอมหวานอันบางเบาก็พลันพรั่งพรูเข้ามาในจมูกของนาง ดอกปี่อั้นดอกแล้วดอกเล่าเริ่มเบ่งบานขึ้นรอบเท้าของนางราวกับรอยเลือดที่นางทิ้งไว้เบื้องหลัง
มีตำนานเล่าขานว่าดอกปี่อั้นจะบานก็ต่อเมื่ออยู่บนเส้นทางมุ่งสู่ยมโลกเท่านั้น
“ถ้าข้าสนเรื่องชาติหน้า ข้าก็คงไม่อัญเชิญเจ้าออกมาหรอก” เฮ่อเหลียนเวยเวยลอยอยู่กลางอากาศ ที่ปลายนิ้วของนางมีหมอกสีดำแผ่ออกมา ภาพนั้นบ่งบอกว่าเลือดของนางมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะอัญเชิญปีศาจออกมาตั้งแต่เกิด!
“หึๆๆ…” เสียงหัวเราะต่ำๆ นั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ชั่วร้ายอย่างยากจะบรรยายได้ มันฟังดูคล้ายเสียงหัวเราะของหยวนหมิง แต่กระนั้นก็ยังไม่เหมือนเสียทีเดียว
ดูเหมือนว่าเขากำลังรวมร่างกับใครอีกคน
ขนนกสีดำอันงดงามและอ่อนนุ่มร่วงหล่นลงมาจากอากาศ มันดูเหมือนภาพที่ออกมาจากหนังสือการ์ตูนไม่มีผิด
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะยอมขายวิญญาณให้กับข้าหรือไม่”
เฮ่อเหลียนเวยเวยพึมพำบางอย่างออกมาเป็นชุด ก่อนจะหมดสติไป ”พูดมาก วิญญาณข้าแลกวิญญาณเจ้า ปีศาจเอ๋ย จงปรากฏกายขึ้นสู่แสงสว่าง!”
นางหมดสติไปทันทีที่เอ่ยประโยคนั้นจบ
ขนนกสีดำหยุดนิ่ง ก่อนจะตั้งตรงแล้วพุ่งขึ้นในอากาศจนเกิดเสียงดังฟุ่บ!
จากนั้นพวกนั้นจึงค่อยๆ ร่อนลงมาหาหญิงสาวที่หมดสติไป เกิดเป็นภาพอันสวยงามชวนให้ประหลาดใจ
ขนนกสีดำรวมตัวกันเป็นก้อนท่ามกลางเปลวเพลิงร้อนแรง ก่อนจะค่อยๆ โปรยปรายลงมาอีกครั้งหนึ่ง ขนนกเหล่านั้นค่อยๆ วางเฮ่อเหลียนเวยเวยที่หลับสนิทลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา
ดอกม่านถัวหลัวที่ควรจะบานอยู่แต่เพียงในยมโลกกลับเบ่งบานอย่างรวดเร็วตลอดสองฝั่งรอบกายนาง ทุ่งดอกไม้ที่บานสะพรั่งเป็นวงกว้างนี้สวยงามจับใจ…
จากนั้นชายหน้าตาหล่อเหลาแต่เต็มไปด้วยความทรงอำนาจจึงค่อยๆ สาวเท้าออกมาจากทะเลดอกไม้แห่งนั้น ที่ด้านหลังเสื้อคลุมขนสัตว์ของเขามีชิงหลงทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า และมีกิเลนอัคคีเดินตามมา
รอยยิ้มอันงดงามที่มุมปากของเขาทำให้ทุกสีสันดูซีดลงในพริบตา ดวงตาราวกับตาแมวของเขาหดแคบลงเล็กน้อย ประกายสีทองของมันเต็มไปด้วยความสูงส่งสง่างาม
ริมฝีปากสีซีดของเขาเป็นประกายราวกับเคลือบด้วยมุก นิ้วเรียวของเขาถูกหุ้มด้วยถุงมือสีดำ จะมีก็แต่เพียงผิวราวกระเบื้องเคลือบบริเวณข้อมือแค่นิ้วเดียวเท่านั้นที่ปรากฏให้เห็นในสายตา แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนต้องหันมองเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก
เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางสง่างาม เสื้อคลุมสีดำของเขาสะบัดยามเมื่อต้องลม
ในโลกมนุษย์ ทุกคนรู้จักเขาในนามของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
แต่ความจริงแล้ว…
เขาเป็นปีศาจผู้บงการความมืด การเล่นกับอารมณ์มนุษย์และทำให้มนุษย์เสียสติล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาหลงใหล!
เขาเอียงหน้า และใช้มือเพียงข้างเดียวก็สามารถดึงเจ้าเจ็ดออกมาจากค่ายกลอาคมนั้นได้
ทันใดนั้น สีคล้ำหมองที่อยู่บนนิ้วของเด็กชายตัวน้อยก็จางลง
แม้แต่ดวงตาแดงก่ำราวกับเลือดขอเขาก็เริ่มปิดลงตามเปลือกตาที่หนักขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเป็นคนทำให้เขาหมดสติ
สัตว์ศักด์สิทธิ์วัยเด็กหลายชนิดจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ทันทีที่พวกมันคลุ้มคลั่ง
หน้าตาของพวกมันอาจจะดูไม่น่ากลัวเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าความจริงแล้วพวกมันอาจจะสามารถฉีกกระชากลำคอของใครสักคนได้ทั้งรอยยิ้มก็ตาม แล้วจากนั้นพวกมันก็จะดูดเลือดของพวกเขาจนเกลี้ยงอย่างตะกละตะกราม
พวกมันเป็นเพียงแค่เด็กที่หิวโหย สำหรับพวกมันแล้ว มนุษย์ก็เป็นเหมือนกับขวดที่เต็มไปด้วยนมให้พวกมันดื่ม
กระเพาะของพวกมันใหญ่กว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โตเต็มวัยเสียอีก
ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้พวกมันขาดสตินั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเพราะพวกมันไม่มีความสามารถมากพอที่จะข่มสัญชาตญาณของตัวเองได้
ทันใดนั้นร่างของเจ้าเจ็ดก็ซบลงในอ้อมแขนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างอ่อนแรงพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นดูด เขี้ยวสีขาวเล็กๆ ยื่นออกมาให้เห็น แต่เขาก็ยังดูดีไม่มีที่ติ เด็กชายกัดนิ้วมือตัวเองเป็นระยะราวกับกำลังรอให้ใครสักคนนำอาหารมาป้อน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขมวดคิ้วหนาเข้าหากัน เขาอุ้มเจ้าเจ็ดด้วยมือข้างหนึ่งโดยไม่คิดที่จะอ่อนโยนกับเด็กชายเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาอุ้มเด็กผิดท่า
แต่เรื่องนี้ไม่ได้กระทบต่อความกดดันอันรุนแรงของเขา
บรรดาทหารรักษาพระองค์จ้องมองเขาด้วยสีหน้าขลาดกลัว พร้อมกับก้าวถอยหลังไปด้วยความตื่นตระหนก คันธนูและลูกธนูเหล่านั้นร่วงลงจากมือเพราะความหวาดกลัวที่แล่นพล่านอยู่ในกระแสเลือด ”องค์ องค์ชาย…”
“ข้าคงหายไปนานเกินไป พวกเจ้าทุกคนถึงได้ลืมวิธีการของข้าไปจนหมดสิ้นแล้ว เจ้ากล้าลงมือกับเจ้าเจ็ดด้วยหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะออกมา เขาใช้ฟันกระตุกถุงมือสีดำของตัวเอง รอยยิ้มบางวาดอยู่บนริมฝีปากบางของเขา
ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นแทบจะกอดกันกลม บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความเคารพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ”องค์ชาย ท่านได้โปรด ได้โปรดฟังคำอธิบายของพวกเราก่อน..”
“ได้สิ ข้าจะฟัง แต่เป็นในนรก” ระหว่างที่พูดเช่นนั้น นัยน์ตาของเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยสีดำก็แคบลง!
ทหารรักษาพระองค์ที่ยืนอยู่ด้านหน้ารู้สึกเหมือนหัวใจถูกบิดเป็นเกลียว ดอกปี่อั้นบานออกมาจากร่างของพวกเขาโดยเริ่มตั้งแต่ปลายนิ้ว พวกมันแผดเผาร่างของพวกเขาจนมีแต่เสียงดังกร๊อบแกร๊บให้ได้ยิน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูไม่ชอบใจกับภาพอันน่าสะอิดสะเอียนนี้นัก ดังนั้นเขาจึงสะบัดแขนเสื้อของตัวเองครั้งหนึ่ง
ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นระเบิดกลายเป็นแอ่งเลือดก่อนที่พวกเขาจะทันได้กรีดร้องเสียอีก
วิญญาณร้ายหรี่ตาลงขณะมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะตกใจกับการที่ชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาอย่างกะทันหัน แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อว่ามนุษย์คนนี้จะสามารถทำอะไรพวกเขาได้ พวกเขาขวางทางชายหนุ่มเอาไว้พร้อมกับอ้าปากขนาดใหญ่ขึ้น ”มนุษย์อย่างเจ้าควรหลีกทางไปเสีย อย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกข้า!”
บนริมฝีปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ รอยยิ้มนั้นเหยียดกว้างจนเห็นฟันขาวคมของเขา เขากดสายตาลงมองใบหน้าเหล่านั้น ความรังเกียจฉายชัดอยู่บนใบหน้าราวเทพบุตรของเขา จากนั้นจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นปลดกระดุมที่คอเสื้อตัวเอง ”ขู่ข้าอยู่หรือ”
“เจ้า!” วิญญาณร้ายไม่เคยพบเจอมนุษย์ที่ใจกล้าเช่นนี้มาก่อน หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าหาคิดจะโจมตีเขา
แต่ยังไม่ทันที่ฟันของมันจะได้สัมผัสกับใบหน้าของเขา มันก็ถูกชายคนนั้นคว้าเอาไว้เสียก่อน!