ครั้งนี้ เขาถูกทำให้เดือดดาลจริงๆ แล้ว!
กระทั่งวันนั้นที่มั่วเชียนเสวี่ยกล่าววาจาทิ่มแทงใจเขา เขาก็ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน!
บางทีอาจเป็นเพราะท่านหญิงซูซูสร้างความแตกต่างในการเปรียบเทียบสำหรับเขามากเกินไป ทำให้เขารับไม่ได้!
มนุษย์ล้วนมีการเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจน
แรกเริ่มตอนที่เขารู้จักมั่วเชียนเสวี่ย เดิมนางเป็นคนตกอับผู้หนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้มีสภาพเหมือนกูเสี่ยวซูในตอนนี้ แต่มั่วเชียนเสวี่ยในตอนนั้นใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากจริงๆ
บางที คนเราก็มีความรู้สึกเรียบง่ายมากประเภทหนึ่ง แต่กลับทำให้คนยากจะเข้าใจได้
ตอนที่เจ้าตกอับแล้วตำแหน่งเลื่อนขึ้นพรวดพราด อย่างไรก็ไม่นับว่าเกินไป แต่หากก่อนหน้านี้เจ้ายังมีอาหารเลิศรส อาภรณ์สวยหรู แพรพรรณชั้นดีให้สวมใส่ แต่วินาทีถัดไปกลับเป็นขอทานอยู่ข้างถนน สวมเสื้อผ้าซอมซ่อ สกปรกมอมแมมนั้น ก็ทำให้คนยากจะยอมรับได้
ซูชีรับสภาพของซูซูในเวลานี้ได้ยากยิ่ง!
เขาไม่อาจทนให้ท่านหญิงแห่งแคว้นผู้หนึ่งกลายสภาพเป็นเช่นนี้ได้!
รับไม่ได้ จึงใจไม่แข็งพอที่จะมองนางตรงๆ ดังนั้นถึงได้ให้นางกลับไปยังสถานที่เดิมที่นางใช้ชีวิต
อย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้นางได้กลายเป็นท่านหญิงแห่งแคว้นที่ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายผู้นั้น
ทุกคนล้วนมีความคิดเป็นของตนเอง เรื่องที่ซูชีคิด ซูซูล้วนไม่รู้
สิ่งที่นางเห็นมีเพียงซูชีขยะแขยงนาง รังเกียจนางพวกนี้
ในใจเจ็บปวดมาก นางอยากถามซูชีมากว่า การที่ข้าชอบคนผู้หนึ่งนั้นผิดหรือ การที่ข้าชอบเจ้านั้นผิดบาปมากหรือ
แต่นางไม่มีกระทั่งความกล้าที่จะเอ่ยถาม
เพราะนางรู้ว่า ซูชีจะต้องตอบคำถามนางว่าแน่นอนอย่างไม่ลังเล!
นางยอมแสร้งทำตัวโง่เขลาเบาปัญญา และหลอกตนเอง แต่ไม่อยากได้คำตอบนี้!
“ข้าบอกแล้วว่า! ข้าไม่กลับไป!” ซูซูตะคอกเสียงดัง ดวงหน้าแดงระเรื่อเพราะความรู้สึกร้อนรนและโกรธแค้น จึงดูมีสีหน้าสุขภาพดีกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
ซูชีหันหน้าไปมองนางด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง และไม่เอ่ยอันใดอีกตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่โบกมือให้กับอาจ้าวเท่านั้น
วันนี้ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่มีทางมองซูซูตกอับต่อไปเฉยๆ และไม่มีทางปล่อยให้นางทำตัวเหลวไหลตามใจชอบอีก!
อาจ้าวฟังเพียงคำสั่งของซูชี วาจาของคนอื่นๆ เขาล้วนมองเป็นสิ่งไร้สาระ หลังจากเห็นสัญญาณมือของซูชีแล้ว เขาก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายซูซูราวกับปีศาจร้าย ยื่นมือออกมาอย่างคิดจะคว้าหมับเข้าที่แขนของนาง
“เจ้าคิดดูให้ดี! ข้าเป็นราชนิกูล วันนี้เจ้าแตะต้องข้า ก็ต้องรับผิดชอบในตัวข้า!” ซูซูหันหน้ามามองด้วยสายตาโกรธแค้น จ้องอาจ้าวอย่างตัดสินใจขั้นเด็ดขาดที่เมื่อคิดจะทำแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด นางเอ่ยแต่ละคำ แต่ละประโยคชัดเจน และดังกังวาน
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ เสี้ยววินาทีนั้น อาจ้าวรีบชักมือกลับทันทีราวกับถูกไฟดูด
ท่านหญิงดื้อรั้นผู้นี้ เขาไม่มีวาสนาได้เสวยสุขด้วย
ซูชีหรี่ตาลง…
มีความสามารถมากใช่หรือไม่?
“อาจ้าว! พานางกลับไป! มีท่านหญิงผู้หนึ่งเป็นภรรยา ในภายหลังตำแหน่งเจ้าก็เลื่อนพรวดพราด!” เล่ห์เหลี่ยมประเภทนี้อาจ้าวอาจจะถูกหลอกได้ แต่ซูชีนั้นไม่ทาง!
เขาไม่เชื่อว่า ซูซูที่เป็นสตรีชอบเอาชนะผู้อื่นจะเอาชีวิตตนเองเข้าไปเสี่ยงด้วยตามที่ปากกล่าว!
ก็บอกแล้วว่า อาจ้าวเป็นพวกเชื่อวาจาไร้รสนิยมเช่นนี้ที่สุด!
ซูชีเอ่ยจบ อาจ้าวก้าวเข้าไปคว้าหมับเข้าที่มือของซูซูอย่างไร้ความลังเล แต่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของซูซู จึงหลบไปอีกด้านในเสี้ยววินาทีหลังจากนั้น!
“จ้าวเฟยลู่ช่วยข้า!”
เมื่อครู่จ้าวเฟยลู่ทำตัวเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาจัดการอันธพาลกลุ่มนั้นอย่างไม่รีบร้อน
เขาก็รู้จักซูชีเช่นกัน และรู้ว่าท่านหญิงซูซูผู้นี้มีความรู้สึกชอบพอในตัวซูชี แล้วเขาจะก้าวเข้าไปผสมโรงในช่วงเวลาเช่นนี้อย่างพวกตาไร้แววได้อย่างไร
ทว่าเสียงตะโกนในตอนท้ายของท่านหญิงซูซูนั้นน่าตกใจเกินไปแล้ว! เขารีบโยนอันธพาลในมือทิ้งแล้วเหินกายไปทันที
ซุนเกอที่ถูกโยนลงบนพื้นแสดงออกว่าตนเองโชคร้ายมากจริงๆ!
ไม่เพียงแต่ตนเองที่โชคร้ายมาก เมื่อเห็นท่าทีของคนกลุ่มนี้ คาดว่าในภายภาคหน้าเขาก็ต้องโชคร้ายมากเช่นกัน
ตอนนี้เขายังจะมีน้ำใจระหว่างสหายอันใดต่อกันอีก? เขาฉวยโอกาสที่จ้าวเฟยลู่เหินกายจากไปในเสี้ยวพริบตานั้น รีบลุกขึ้นมาจากพื้นเย็นเฉียบ แล้ววิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีไป โดยไม่สนใจอันใด…
จ้าวเฟยลู่ยืนอยู่ด้านหน้าซูซู มองซูชีกับองครักษ์ข้างกายเขาด้วยสีหน้าประหลาด
หากไม่สนใจ เหตุใดถึงได้รีบรอนแรมมาจากแดนไกลกัน
ในเมื่อมาถึงแล้ว สองคนนี้ไม่ควรจะกอดกันด้วยความอบอุ่นหรือ
ทำไมตอนนี้ถึงได้มีความรู้สึกเหมือนสถานการณ์กำลังตึงเครียดที่พอแตะถูกเข้าก็พร้อมจะระเบิดทันทีกัน
หรือว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดไปเอง?
ซูชีมองบุรุษที่เหินกายมาจากด้านหลังด้วยสายตาเย็นชาและสีหน้าอึมครึม!
ไม่ต้องครุ่นคิด เขาก็รู้ว่า คนชุดดำผู้นี้คือคนที่ตามเขามาตลอดก่อนหน้านี้ และเป็นคนที่ส่งจดหมายบอกสถานการณ์ปัจจุบันของกูเสี่ยวซูให้เขา
“ถอยไป!” นัยน์ตาซูชีจ้องจ้าวเฟยลู่เขม็ง จ้าวเฟยลู่ตัวสั่น ยากจะรับมือไหวอยู่บ้าง
สัญชาตญาณของเขาบอกว่า คนผู้นี้มิอาจล่วงเกินได้!
“…”
ท่านหญิง สายตาของซูชีน่ากลัวเกินไปแล้ว เขาสยบไม่ได้จะทำอย่างไร
จ้าวเฟยลู่ก้มหน้าเล็กน้อย ผู้กล้าในยุทธภพไม่สนใจอำนาจราชวงศ์ แต่ยังคงนับถือตระกูลขุนนางเก่าแก่และคนที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ
“ยากที่ข้าน้อยจะมีสติปัญญา หน้าที่ความรับผิดชอบของข้าน้อยคือคุ้มครองท่านหญิงซูซูให้ดี นางชี้ไปทางไหน ข้าน้อยก็ต้องลงมือตามที่นางสั่ง”
การตอบกลับอย่างชาญฉลาดนี้ทำให้ซูชีมึนงง
และในตอนนี้ เขาก็เห็นซุนเกอที่วิ่งหนีไปไกลแล้ว จึงยกมือขึ้นเล็กน้อย
อาจ้าวเข้าใจ และหายตัวไปในทันที
เสี้ยวพริบตาหนึ่ง อาจ้าวก็กลับมา ในมือหิ้วซุนเกอที่ร้องโหยหวนมาด้วย แล้วโยนลงบนพื้น
เดิมซูซูยังคงจมอยู่ในห้วงแห่งความโศกเศร้าอาดูรอย่างไม่อาจหลุดพ้นได้ ตอนนี้เมื่อเห็นซุนเกอ ก็ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปทันที และจำได้เพียงแค่ว่าขอทานชราตายด้วยน้ำมือเขา!
ถูกเขาทุบตายทั้งอย่างนั้น!
“เจ้ามันเดรัจฉาน! ข้าจะฆ่าเจ้า!” นางตะโกนเสียงดัง ก้าวไปข้างหน้า พุ่งตัวไปออกจากด้านหลังจ้าวเฟยลู่อย่างรวดเร็ว แล้วสะบัดฝ่ามือใส่ซุนเกออย่างแรงไปสองครั้ง
“คนต่ำทราม! ท่านผู้เฒ่าเช่นเขาทำอันใดผิดต่อเจ้า! เจ้าถึงกับมีจิตใจที่โหดเหี้ยมเช่นนี้!”
พลั่กๆ!
ซูซูดูเหมือนกับคนบ้า ทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายสังหาร!
หมัดต่อยเท้าเตะคลอไปด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดซุนเกอ ทำให้บุรุษสามคนที่อยู่ในเหตุการณ์เบนหน้าไปอีกด้านอย่างอดไม่ได้
โดยเฉพาะซูชี
เขารู้ว่าท่านหญิงซูซูเป็นสตรีนิสัยแข็งแกร่งผู้หนึ่ง แต่ตอนที่อยู่ข้างกายเขา ซูซูก็แค่ทะเล้น ก่อกวนในบางโอกาสเท่านั้นเอง ไหนเลยจะมีท่าทางเหมือนในตอนนี้
จ้าวเฟยลู่กับอาจ้าวสองคนไม่มีทางยื่นมือเขาไปยุ่งเด็ดขาด อย่างไรเสียสตรีผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นท่านหญิงแคว้นหนึ่ง เชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ ไหนเลยจะให้พวกเขาที่เป็นคนธรรมดาแตะต้องได้?
ได้ยินมาว่า ตระกูลซูกับตระกูลกูแลกเปลี่ยนใบที่บันทึกวันเดือนปีเกิดของพวกเขาแล้ว ตามกฎของเทียนฉี ตอนนี้ก็สามารถกล่าวได้พวกเขาสองคนเป็นว่าที่สามีภรรยาอย่างถูกทำนองคลองธรรม