ให้ซูชีเป็นผู้แตะต้องว่าที่ภรรยาในอนาคตนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว!
พวกเขาสองคนถอยไปด้านหลังคนละก้าวในเวลาเดียวกันอย่างเข้าใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยอันใด เพื่อดันซูชีให้ออกมา
ซูชีหรี่ตาลงเล็กน้อย มองซูซูที่คลุ้มคลั่ง สุดท้ายในใจก็รู้สึกแย่เล็กน้อย!
เขาเพียงแค่ไม่อยากให้ซูซูทุ่มความรู้สึกทั้งหมดให้กับเขา หรือไม่ตอบรับความรู้สึกของบุรุษอื่นไปชั่วชีวิต แต่ก็ไม่ได้ขยะแขยง รังเกียจ หรือแทบอยากให้นางตายไปจริงๆ
ในทางกลับกัน หากไม่มีความรู้สึกมาพันธนาการเอาไว้ เขาอาจจะกลายเป็นสหายสนิทกับซูซูที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ได้ แต่ว่าตอนนี้…
เฮ้อ
ซูชีก้าวไปข้างหน้า ดึงมือซูซูที่กำลังจะแตะถูกใบหน้าของบุรุษผู้นั้น เมื่อออกแรง เดิมเพียงแค่อยากจะดึงซูซูออกมา ไหนเลยจะรู้ว่าตอนนี้ซูซูไร้เรี่ยวแรงแล้ว นางจึงถูกกระชากเข้ามาในอ้อมแขนอย่างแรงแทน
ซูซูอึ้ง!
ซูชีกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ผลักนางออกไป
ซูซูหมุนไปรอบๆ ก้นกำลังจะกระแทกเข้ากับพื้น
ซูชีเพียงแค่ขมวดคิ้ว ยื่นมือไปหิ้วเสื้อบริเวณไหล่นางเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้นางล้ม
ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ลำบากใจด้วยกันทั้งนั้น
ซูชีปวดหัวแทบระเบิด!
“กูเสี่ยวซู เจ้าใจเย็นหน่อย เจ้าเป็นท่านหญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดในตระกูลกู ไม่ควรมีสภาพเหมือนสตรีปากร้ายเฉกเช่นตอนนี้!”
ความรู้สึกบนใบหน้าของซูซูนั้นหลากหลายยิ่ง ตั้งแต่บ้าคลั่งไปถึงนิ่งอึ้ง ประหลาดใจ หดหู่…และกระอักกระอ่วน…
นางกระแอมไอเบาๆ “แต่ว่า…เขาสังหารผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า!”
“ได้ ข้าจะจัดการเขาแทนเจ้า”
ซูชีบอกว่าจะช่วยจัดการคนพวกนี้แทนซูซู เอ่ยจบคนก็เหินกายเข้าไป
เมื่อเห็นสภาพย่ำแย่ของซูซู และอันธพาลสกปรกกลุ่มนี้แล้ว เขายังมีอันใดไม่เข้าใจอีก
แม้ว่าเขาจะไม่ได้หวั่นไหวกับซูซู แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำสีหน้าดีๆ ใส่นาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในใจเขาจะยอมให้ใครมารังแกและดูหมิ่นนางได้ตามใจชอบ
คนลอยตัวอยู่กลางอากาศ โทสะแผ่ขยาย รังสีสังหารทำให้อันธพาลที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นล้วนตัวสั่นระริก…นี่คือปีศาจจากนรกในขุมที่สิบแปดลงมาถือกำเนิดในโลกมนุษย์หรือ?!
ใบหน้าตื่นตระหนกของแต่ละคน เมื่อตกอยู่ในสายตาของซูชีก็เป็นเพียงแค่กรวดทรายที่ไม่น่าสนใจเท่านั้น!
พัดด้ามเล็กแตะเบาๆ ทุกแห่งที่ไปเยือนล้วนเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน
จัดการจนถึงที่สุด
เพียงแค่ถูกพัดของเขาแตะถูก ไม่ว่าจุดใดบนร่างของอันธพาลเหล่านั้นก็ไม่มีวันลุกขึ้นมาได้ไปชั่วชีวิต
หลังจากจัดการเรียบร้อย ซูชีก็ลอยตัวลงสู่พื้น
ราวกับมารร้ายที่น่าหวาดกลัวเมื่อครู่นี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขา และยังคงเป็นคุณชายสูงศักดิ์ที่มีบุคลิกสง่างามผู้นั้น
เขาสั่งการอาจ้าวเรียบๆ “เอาไปโยนไว้ที่ประตูที่ว่าการอำเภอ เขียนจดหมายฉบับหนึ่งเล่าความผิดของพวกเขา หากไม่ลงโทษให้หนัก ก็ไปรับโทษตายที่เมืองหลวง!”
จวนจิ่งอ๋อง และตระกูลขุนนางเก่าแก่มีอิทธิพลอำนาจที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวและยอมอยู่ใต้อำนาจ!
ที่ว่าการอำเภอนี้ทำได้เพียงแค่คุกเข่าสอพลอ!
การได้รับใช้นายท่านนั้นเป็นวาสนาของพวกเขา!
อาจ้าวพยักหน้า จากนั้นก็หายตัวไปด้วยมือหนึ่งหิ้วตัวคนหนึ่ง
มือของเขาไม่ได้มีมากขนาดนั้น แม้ว่าจะมีความสามารถเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถนำตัวคนไปได้ในทันที กล่าวตามตรงยังต้องการคนช่วยเหลือ และคนผู้นั้น…
ซูชีเงยหน้า แววตาคมปลาบเพียงแค่กวาดมองไปทางจ้าวเฟยลู่นิ่งๆ
มีบางคนที่มีความเผด็จการติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทำให้ผู้คนยอมอยู่ใต้อำนาจอย่างควบคุมตนเองไม่ได้
จ้าวเฟยลู่รีบหมุนกายไปทันที โดยไม่กล่าววาจาใด เขาหยิบผ้าเส้นหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนออกมามัดคนที่เหลือสองสามคนเอาไว้ด้วยกัน ลากไปกลางอากาศ แล้วหายลับไปกับอาจ้าว
เมื่อเห็นพวกคนต่ำทรามเหล่านั้นกรรมตามสนองแล้ว ซูซูก็คุกเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างกายขอทานชรา
แม้ว่านางจะลงโทษพวกคนถ่อยกลุ่มนั้นเป็นการแก้แค้นให้ท่านผู้เฒ่าแล้ว แต่คนตายก็ไม่อาจฟื้นคืนชีพได้!
ซูซูคุกเข่าโงนเงนอยู่ตรงนั้น!
ซูชีมีใจอยากจะด่านางสองสามประโยค แต่กลับแข็งใจทำเช่นนั้นไม่ลง
ต่อให้เป็นสตรีที่แข็งแกร่งเพียงใด หลังจากประสบกับเรื่องแบบนี้ ล้วนรู้สึกอับจนหนทาง และเศร้าเสียใจทั้งนั้น นับประสาอะไรกับซูซูที่ไม่เคยออกจากจวนมาก่อน?
ไม่ควรจะตั้งความหวังกับนางสูงเกินไป
เขาถอนหายใจ แล้วเกลี้ยกล่อม “กูเสี่ยวซู ตอนนี้อันธพาลกลุ่มนั้นก็ได้รับโทษที่พวกเขาสมควรได้รับแล้ว เจ้า…”
เขายังเอ่ยไม่จบ ก็เห็นร่างที่โงนเงนของซูซูล้มลงไปที่พื้น
ซูชีตะลึง!
รีบก้าวเข้าไปประคองเอาไว้
“กูเสี่ยวซู!”
ซูชีอยู่ในท่าทางย่อตัว สีหน้าวิตกกังวล ขณะเขย่าแขนคนที่ประคองเอาไว้
จำเป็นต้องกล่าวว่า เขาประคองด้วยท่วงท่าที่สง่างามมาก แม้ว่าจะเป็นการประคอง แต่ร่างกายมีระยะห่างหนึ่งคนกับกูเสี่ยวซู เพียงแค่ยื่นมือไปรองศีรษะซูซู ไม่ให้ศีรษะนางกระแทกกับพื้นเท่านั้นเอง
ซูซูออกแรงเบิกตาอย่างคิดจะมองซูชีอีกแวบหนึ่ง แต่จนปัญญาที่เค้นพละกำลังจากทั่วทั้งร่างไม่ออกเลยสักนิดเดียว จึงทำได้แค่เอ่ยปากพึมพำในเสี้ยววินาทีที่ตาใกล้จะปิดลงเพราะฝืนลืมไม่ไหว
“ซูชี อย่าไป…อย่าทิ้งข้าไว้…”
ในเวลาเดียวกันนั้นก็ออกแรงเฮือกสุดท้าย ใช้มือคว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อของซูชี
ซูชีเงยหน้ามองฟ้าอย่างหมดวาจาจะกล่าว เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า กูเสี่ยวซูผู้นี้จะอ่อนแอถึงเพียงนี้ นึกจะหมดสติก็หมดสติไปเสียอย่างนั้น!
นอกโรงเตี๊ยมเมืองไหลหยาง มีผู้คนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันในที่ไม่ไกลนัก
“เฮ้ เมื่อกี้พวกเจ้าเห็นไหม คุณชายหล่อเหลาท่านหนึ่งถึงกับอุ้มขอทานคนหนึ่งขึ้นไปข้างบน!”
“จริงหรือเท็จกัน? พวกเจ้ามองผิดไปหรือเปล่า”
“เฮ้! เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องหลอกลวงได้ด้วยหรือ คุณชายท่านนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาว บนมวยผมประดับด้วยหยก จุ๊ๆๆ! เป็นคุณชายรูปงามที่สุดที่ข้าเคยเห็นมาเลย อีกอย่าง ขอทานคนนั้นก็สวมเสื้อผ้าซอมซ่อ สกปรกมอมแมม เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ขอเพียงแค่เป็นคนที่ได้เห็นล้วนมีความประทับใจลึกซึ้งมาก!”
“…มีเรื่องประหลาดแบบนี้ด้วยหรือ”
“…”
ในโรงเตี๊ยมกลับเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“ท่านหมอ นางเป็นอย่างไรบ้าง” ซูชีในตอนนี้ ไหนเลยจะรู้ว่าเขาได้กลายเป็นบุคคลผู้ถูกฝูงชนข้างล่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปแล้ว
ท่านหญิงซูซูหมดสติกะทันหัน นี่ทำให้เขาตกใจแทบตาย ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้อุ้มซูซูมาถึงโรงเตี๊ยมในละแวกใกล้ๆ
เพียงแต่แม้ว่าท่านหญิงซูซูจะหมดสติไป แต่กลับกำชายเสื้อเขาไม่ปล่อย ทำให้ซูชีจนปัญญาเช่นกัน
จึงทำได้แค่ไล่เสี่ยวเอ้อร์ไปหาท่านหมอ และให้เจ้าของโรงเตี๊ยมนี้ไปช่วยจัดการพิธีศพให้กับขอทานชรา นี่เป็นผู้มีพระคุณของท่านหญิงซูซู ย่อมไม่อาจให้เขาถูกโยนทิ้งในพื้นที่รกร้างแถวชานเมืองหลังจากตายแล้วได้
ส่วนตนเองที่ถูกซูซูจับชายเสื้อเอาไว้แน่น ดึงอย่างไรก็ไม่ออก ทั้งยังกลัวว่าหากฝืนดึงออกจะทำให้นิ้วมือนางบาดเจ็บได้ จึงทำได้แค่เฝ้าอยู่ที่หัวเตียงตลอด
ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยหงุดหงิดใจขนาดนี้มาก่อน!
ท่านหมอชรายื่นมือไปลูบเคราตนเอง และพิจารณามองซูชีอย่างละเอียดแวบหนึ่ง พลางถามว่า “คุณชายท่านนี้ ข้าน้อยมีจุดที่ไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะถามหรือไม่ควรถามดี”
ซูชีพยักหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา “มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามเถอะ”
หากว่าเป็นเมื่อก่อน มีคนกล้าถามจู้จี้ไปมาต่อหน้าซูชี เขาคง ‘เชิญ’ คนผู้นั้นออกไปนานแล้ว ไหนเลยจะเหมือนกับตอนนี้ที่ต้องพยักหน้า เป็นสัญญาณให้ผู้อื่นถามต่อไป