นางถึงได้ดึงมือกลับมา แตะลงบนศีรษะที่วิงเวียนเล็กน้อย แล้วสะบัดไปมา พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ตนเองเชื่อว่างดงามออกมา “ดีจริงๆ ที่เจ้าไม่ได้จากไป”
ซูชีกลับฉวยโอกาสที่นางปล่อยมือ ลุกขี้นจากหัวเตียง แล้วกระโจนตัวออกไปไกลมากทันที
ราวกับกลัวว่าจะถูกนางจับเอาไว้อีก
“เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
ประโยคหนึ่งที่ราบเรียบยิ่งนัก เมื่อได้ยินในหูซูซูกลับไพเราะน่าฟังมาก
“เป็นเจ้าที่ดูแลข้าอยู่ข้างๆ ตลอดคืนหรือ ขอบคุณ!” เขายอมดูแลตนเอง โดยไม่ทอดทิ้งกัน เพราะถูกตนเองทำให้ซาบซึ้งใจแล้วใช่หรือไม่
จิตใจซูซูเต็มไปด้วยความเร่าร้อน นางมองซูชีอย่างคาดหวัง
ซูชีกลับไม่ตอบสนองความกระตือรือร้นนั้นของนาง
เขาเอ่ยเสียงเย็นว่า “ในเมื่อเจ้าหายดีแล้ว ก็ควรจะกลับเมืองหลวงได้แล้ว”
ซูซูที่ท่าทางลิงโลดพลันกลายเป็นหิน
ทว่าซูชียังคงตำหนินางต่ออย่างเย็นชา “เจ้า สตรีที่งามหยาดเยิ้มผู้หนึ่งอยู่ข้างนอกเช่นนี้นั้นไม่เหมาะสมจริงๆ ข้าจะทิ้งเงินไว้ให้เจ้าจำนวนหนึ่ง เจ้ารักษาอาการป่วยหายดีแล้ว ข้าจะให้อาจ้าวส่งเจ้ากลับไปแล้วกัน”
ซูซูสะเทือนใจ “ไม่…ข้าไม่ไป…”
นางกล่าววาจาเลื่อนเปื้อนมาตลอดคืน ทั้งยังเป็นไข้ คอก็เจ็บมาก เสียงที่เปล่งออกมาในตอนนี้จึงแหบแห้งยิ่งนัก
ไม่รู้ว่าทำไม ซูชีถึงได้สะอึกเล็กน้อย หัวใจพลันกระตุก!
ไม่! เขาจะใจอ่อนไม่ได้
ไม่อาจทำร้ายผู้อื่นและตนเอง
เขาพลันเข้าใจเหตุผลที่มั่วเชียนเสวี่ยกระทำกับเขาอย่างไร้เยื่อใยบ้างแล้ว
ในเมื่อไม่ได้มีความรู้สึกให้ แล้วทำไมจะต้องให้ความหวังกับผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นต้องจมลึกอยู่ในห้วงความรู้สึกนั้นมากขึ้น!
เขาหรี่ตาลง แล้วตัดสินใจอย่างใจร้าย
ซูชีเหลือบมองซูซูแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเย็น “กูเสี่ยวซู เจ้าทำแบบนี้แล้วมีประโยชน์อันใด?”
ซูซูจิตใจหนักอึ้ง และเข้าใจความหมายของซูชีแล้ว
“ซูชี ให้โอกาสข้าสักครั้ง…”
ซูชีหันหลังให้ไม่สนใจ
แผ่นหลังหยัดตรงเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
ซูซูเอ่ยต่อว่า “ให้เวลาข้าหนึ่งเดือน…ซูชี ข้าต้องการเวลาแค่หนึ่งเดือน! หากว่าหนึ่งเดือนหลังจากนี้ เจ้ายังคงคิดเช่นนั้น ข้าจะกลับไปแน่นอน”
ซูชีนิ่งไม่ไหวติง
“ข้า กูเสี่ยวซู แม้ว่าจะเผด็จการไปหน่อย และไม่มีเหตุผล แต่กลับไม่ใช่คนที่ไม่รักษาสัญญา”
ซูซูฝืนลงจากเตียง เดินก้าวหนึ่ง เอ่ยหนึ่งประโยค
“เพียงแค่หนึ่งเดือน ชั่วชีวิตนี้กูเสี่ยวซูจะไม่ไปกวนเจ้าอีก”
“เพียงแค่หนึ่งเดือน เจ้าจะสลัดปัญหานี้ทิ้งไปได้โดยสิ้นเชิง”
“ถือเสียว่าให้โอกาสในการตัดใจกับข้า! ไม่แน่ว่าไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน…”
ทุกประโยคล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกจริงใจ
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางสารภาพรักกับตนเอง แต่กลับเป็นครั้งที่เอ่ยได้น่าเศร้าที่สุด
แต่ก่อน ตอนที่นางกล่าววาจาสารภาพรัก มักจะมีท่าทีเผด็จการหมายมาดว่าจะได้มาครอบครอง ตอนนี้นัยความหมายทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยการขอร้อง
แผ่นหลังที่หยัดตรงของซูชีสั่นเล็กน้อย แต่กลับชะงักเอาไว้ได้
หากว่ารับปากนาง ข้างกายตนเองมีสตรีนางหนึ่งติดตามอยู่อย่างเปิดเผย นั่นไม่ได้เป็นการบอกกับผู้คนในใต้หล้าหรือว่า ข้า ซูชียอมรับสตรีนางนี้แล้ว
ไม่ได้!
ซูซูราวกับได้ยินเสียงในใจของซูชี
“เจ้าวางใจได้ หนึ่งเดือนนี้ ข้าจะเปลี่ยนไปใส่เครื่องแต่งกายของบุรุษ เจ้าก็ถือว่าข้าเป็นผู้ติดตามของเจ้าก็ได้ เป็นคนรับใช้ก็ได้ แม้ว่าข้าจะติดตามเจ้า แต่ยังคงเป็นกูเสี่ยวซูคนก่อนหน้านั้น ไม่ใช่สตรีในห้องหอ และยิ่งไม่ใช่ท่านหญิงซูซูแห่งจวนจิ่งชินอ๋อง ข้า..เป็นเพียงแค่กูเสี่ยวซู ข้าไม่มีทางแสร้งทำเป็นเอาอกเอาใจเจ้า และยิ่งไม่มีทางทำให้เจ้าลำบากใจ”
ซูชีไม่ขยับ ซูซูก็ยังไม่ยอมแพ้
“ถือเสียว่าเป็นความสัมพันธ์ฉันท์สหายในหลายเดือนมานี้ ข้าอุดอู้อยู่ในเมืองหลวงมาหลายปี จึงออกมาพักผ่อนหย่อนใจ…”
“ถือเสียว่าเจ้าตอบแทนน้ำใจข้า ในครั้งที่แล้วที่ข้าแบกเจ้ากลับมาจากกองซากศพ แล้วคอยดูแลเจ้าทั้งวันทั้งคืน”
“ชั่วชีวิตนี้กูเสี่ยวซูไม่เคยขอร้องใคร ถือว่าข้าขอร้องเจ้า!”
วาจาที่โพล่งออกมา ประโยคหนึ่งร้อนรน และเสียงดังยิ่งกว่าอีกประโยคหนึ่ง
น้ำตาเอ่อคลอหน่วยตา แต่พยายามไม่ให้มันรินไหลลงมาสุดชีวิต
นางได้รับการพะเน้าพะนอมาตั้งแต่วัยเยาว์ อยากได้อะไรก็ไม่ต้องขอ เพียงแค่เผยท่าทางไม่สบอารมณ์ ใช้ไม้นวมไม้แข็ง เพื่อให้ผู้คนทำในสิ่งที่นางต้องการเล็กน้อย ทุกอย่างก็บรรลุผลสำเร็จ
ตอนนี้ เพียงเพื่อโอกาสเดียว นางกลับขอร้องอย่างยากลำบาก!
แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าการขอร้องของนางไม่มีประโยชน์
ซูชียืนอยู่ตรงนั้น ไม่แม้กระทั่งจะหันหน้ากลับมา
ที่แท้ความรักก็ไม่สามารถอาศัยการให้ทานได้จริงๆ ที่แท้ความรักก็ไม่ใช่สิ่งที่ขอร้องแล้วจะได้มาครอบครอง
ซูซูเงยหน้าบังคับให้น้ำตาไหลกลับไป นางกลับไปนั่งที่เตียง แล้วพลันหัวเราะออกมา
“ซูชีเอ๋ยซูชี…ข้าว่าเจ้าหวั่นไหวกับข้าแล้วล่ะ ถึงได้ไม่กล้าอยู่ร่วมกับข้า? หากไม่เช่นนั้น…”
“หุบปาก!” ซูชีรู้แท้ๆ ว่าซูซูกำลังยั่วยุเขา แต่ยังคงอดหันไปตวาดใส่ไม่ได้
เขาจ้องซูซู
ราวกับเวลาหยุดเดินในวินาทีนั้น!
ช่างเถอะ ให้โอกาสนางตัดใจครั้งหนึ่งแล้วจะเป็นไรไป ครึ่งปีกว่าเขาก็ไม่ได้หวั่นไหว จึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจเวลาแค่หนึ่งเดือนนี้…
ก็เหมือนกับที่นังหนูนี่บอก หนึ่งเดือนก็สามารถสลัดปัญหานี้ทิ้งไปได้โดยสิ้นเชิง
เขายอมอดกลั้น!
ซูชีเค้นเสียงรอดไรฟัน “ตกลง!” เขาจะรีบทำให้โอกาสในการตัดสินนี้สิ้นสุดลงโดยไม่ถึงเดือนหนึ่ง
ซูชีที่เป็นเช่นนี้ทำให้ซูซูเจ็บหัวใจ
หรือว่านางจะทำให้คนขยะแขยงขนาดนั้นจริงๆ?!
ซูชีก้าวขึ้นไปด้านหน้า โดยไม่ให้โอกาสนางย้อนพิจารณาตนเอง “นี่คือสิ่งที่เจ้าเอ่ยเอง แค่หนึ่งเดือน นับตั้งแต่นี้ พวกเราก็ทางใครทางมัน ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีก ยังมี รอครบหนึ่งเดือนนี้แล้ว เจ้ากลับไปเมืองหลวงแล้ว ก็รีบให้เสด็จพ่อของเจ้ายกเลิกการแต่งงาน แล้วเลือกบุรุษผู้ที่จะมาเป็นสามีคนอื่นเสียเถอะ”
นับตั้งแต่ท่านหญิงซูซูตามซูชีออกจากเมืองหลวง ไม่ว่าในทางความรู้สึกหรือว่าเหตุผล ตระกูลซูล้วนจำเป็นต้องมีคำอธิบายให้กับจวนจิ่งชินอ๋อง วันรุ่งขึ้นที่ซูจิ่นอวี้รู้เรื่องนี้ ก็ให้ลั่วซื่อผู้เป็นภรรยาไปขอวันเดือนปีเกิดของท่านหญิงซูซูมาผูกดวงชะตาของ ทั้งสองคน และกำหนดเรื่องการแต่งงานเรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าเขาไปที่ไหน เขากับพี่ใหญ่ล้วนมีวิธีการติดต่อกันลับๆ เขาย่อมรู้เรื่องนี้เป็นธรรมดา
เขาตอบตกลงแล้ว
เดิมท่านหญิงซูซูดีใจยิ่ง แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าหัวใจคล้ายกับถูกมีดแทง ลำคอคล้ายหวานหอม
นัยน์ตาปรากฏความแน่วแน่ ซูซูเอ่ยราวกับสาบาน “หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าจะรีบกลับเมืองหลวง แล้วให้เสด็จพ่อยกเลิกการแต่งงาน ส่วนเรื่องที่ข้าจะเลือกหรือไม่เลือกผู้ที่จะมาเป็นสามีหรือไม่นั้น ก็ไม่เรื่องที่เจ้า ซูชีควรจะยุ่งแล้ว”
ศักดิ์ศรีของนางก็ไม่อนุญาตให้นางตามตื้อต่อไปไม่หยุด
หากว่ามีวันนั้นจริงๆ นางจะทูลขอเสด็จพ่อให้ยกเลิกการแต่งงาน!
เขาไม่หวั่นไหวกับตนเอง ไม่ได้หมายความว่า ชั่วชีวิตนี้ นอกจากมั่วเชียนเสวี่ย เขาจะไม่รักสตรีอื่นอีก
นางไม่มีทางใช้คำว่ารักครอบครองฐานะนั้นอย่างเห็นแก่ตัว ให้เขาเกลียดนางไปชั่วชีวิต แม้ว่านางจะปรารถนาฐานะนั้นมาสิบปีแล้วก็ตาม
หากไม่ได้หัวใจของเขา นางก็ทำได้แค่สร้างอารามแม่ชีให้ตนเองแห่งหนึ่งแล้วแก่ตายไปโดยไม่ออกมาชั่วชีวิต
ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะทะนุถนอมเวลาหนึ่งเดือนนี้
ไม่ว่าเขาจะหวั่นไหวกับนางหรือไม่ นางก็จะเป็นตัวของตนเอง ทำตามใจและนิสัยของตนเอง
ความหลังที่ทำให้หัวเราะและร้องไห้เมื่อรำลึกถึงในชั่วชีวิตนี้ของนางมีเพียงแค่หนึ่งเดือนนี้ นางไม่ต้องทนเก็บความอัดอั้นตันใจ และยิ่งไม่มีทางทำให้ตนเองลำบากใจ