ตอนที่ 644 เปิดเผยในที่สาธารณะ
เพื่อนบ้านในละแวกนั้นไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรหลังจากได้ยินคำพูดของแม่ไป๋
หากแม่ไป๋ฉลาดมากกว่านี้ หล่อนคงรู้ว่าต่อให้ลูกสาวแท้ ๆ ของหล่อนจะต้องการให้ลูกสาวบุญธรรมย้ายออกไป มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
ในตอนนั้นเด็กทั้งสองถูกสลับตัวกัน และตอนนี้พวกเธอต่างก็กลับไปบ้านของตัวเองเพื่อตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง แบบนี้ก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ?
แม่ไป๋ต้องเสียสติแน่ที่ปกป้องไป๋ซวงแบบนี้!
แม่ไป๋ไร้ความคิดถึงขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่าหล่อนเป็นครูได้อย่างไร
พ่อไป๋โกรธมากที่แม่ไป๋ปกป้องไป๋ซวงอย่างไม่มีเงื่อนไข เขาเกือบจะระเบิดอารมณ์ทันที
เขามองไปยังภรรยาที่ไร้สติของเขาและกัดฟัน “ผมนี่แหละที่กล้า แล้วคุณจะทำไมผม!”
แม่ไป๋แข็งทื่อไปทันที
หากพ่อไป๋ไล่ไป๋ซวงไป หล่อนก็ไม่มีทางหยุดเขาได้ ทุกอย่างในบ้านด้วยล้วนได้รับการจัดสรรและดูแลจากพ่อไป๋
หลินม่ายโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่าทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เลยค่ะ ฉันรู้ว่าแม่คงให้ฉันอยู่ด้วยไม่ได้เพราะเห็นแก่ไป๋ซวง ดังนั้นฉันจึงไม่คิดจะอาศัยอยู่ในบ้านของพวกคุณ ฉันจองห้องพักในโรงแรมไว้หกวันและตั้งใจว่าจะอยู่ที่นั่นจนกว่ามหาวิทยาลัยจะเปิด เมื่อเปิดเทอมแล้วฉันก็จะย้ายไปใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ในอดีตหนูเคยไม่พึ่งพาครอบครัวไป๋ยังไง ในอนาคตหนูก็จะไม่พึ่งพาแบบนั้น”
เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงมองไปยังแม่ไป๋อย่างพร้อมเพรียง และเห็นว่าหล่อนกำลังมองหลินม่ายด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
เพื่อนบ้านไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจของพวกเขากลับดูแคลนอย่างมาก
แม่ทำกับลูกสาวตัวเองแบบนี้ได้อย่างไร? รักลูกบุญธรรมมากกว่าลูกสาวเสียอย่างนั้น
แม่ไป๋ไม่เพียงดวงตามืดบอด แต่ยังไร้สติสัมปชัญญะเกินกว่าจะคิดได้
พ่อไป๋และพี่น้องไป๋รู้สึกผิดและเป็นทุกข์หลังจากได้ยินคำพูดของหลินม่าย
สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดก็คือ ครั้งแรกที่หลินม่ายมาที่บ้านหลังนี้ เธอสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายจากแม่ไป๋และไป๋ซวง
สิ่งที่ทำให้รู้สึกผิดมากที่สุดคือ เธอมาถึงประตูบ้านแล้ว แต่กลับเข้าบ้านตัวเองไม่ได้
หลินม่าย พ่อไป๋ และคนอื่น ๆ ขนของทั้งหมดลงจากรถสามล้อ
หลังจากอธิบายว่าสิ่งของใดมอบให้ใคร เธอก็ขึ้นรถแล้วจากไป
เธอยังคงใจกว้างและมีมารยาทดังเคย สมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดทุกคนต่างก็ได้รับของขวัญ แม้จะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนก็ตาม
พ่อไป๋และสองพี่น้องไป๋รั้งหลินม่ายไว้อย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เธอจากไป
ดวงตาของพ่อไป๋แดงก่ำด้วยความกังวล เขากล่าวต่อหลินม่าย “อย่างน้อยเราก็ไปกินข้าวด้วยกันเถอะนะ”
หลินม่ายไม่อาจปฏิเสธได้เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าโศก และดวงตาวิตกกังวลพ่อและพี่น้องไป๋
ขณะที่กำลังจะตอบตกลง เธอก็พลันได้ยินแม่ไป๋กล่าว “ถ้าหล่อนอยากจะจากเราไปขนาดนั้นก็ปล่อยให้หล่อนไปเถอะ ครั้งแรกที่มาบ้านของเรา หล่อนก็ทำให้พวกเราอับอายขายหน้าแล้ว!”
พ่อไป๋ทนไม่ได้อีกต่อไป หันไปตวาดกับแม่ไป๋ “เพราะคุณและไป๋ซวงต่างหากทำให้ม่ายจื่ออับอายก่อน!”
ไป๋ซวงแสร้งทำเป็นเสียใจราวกับกำลังจะร่ำไห้ “หนูไม่ได้ทำ~”
ไป๋ลู่ที่อารมณ์ดีอยู่เสมอระเบิดโทสะทันที “เธอไม่ได้ทำอย่างงั้นเหรอ? ดูทุกอย่างที่เธอพูดกับหลินม่ายสิ เธอนั่นแหละที่เป็นคนต้องออกจากบ้านของเราไป เธอนั่นแหละที่พูดจาเหลวไหล!”
ไป๋ซวงเผยท่าทางเศร้าโศกทันทีเพื่อทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร
แม่ไป๋รีบปกป้องไป๋ซวง “ซวงเอ๋อร์พูดอย่างนั้นเพราะหล่อนรู้ตัวเองดี และถ้าหล่อนพูดออกไป มันจะสร้างความอับอายให้กับหลินม่าย!”
ไป๋เซี่ยหัวเราะเยาะ “ในเมื่อรู้ตัวเองก็ดีแล้ว รีบออกไปจากที่นี่ซะเถอะ! อย่ามาทำปากว่าตาขยิบแล้วทำให้คนอื่นกลายเป็นผู้ร้ายโดยที่ตัวเองทำตัวเหมือนเป็นเหยื่อเลย!”
“แก!” แม่ไป๋โกรธมากจนยกมือขึ้นตบหน้าไป๋เซี่ย
หลินม่ายไม่ต้องการให้ไป๋เซี่ยถูกแม่ไป๋ถูกทุบตีเพราะเธอ
เธออดไม่ได้ที่จะพุ่งตัวเข้าปกป้องไป๋เซี่ยและรับฝ่ามืออันรุนแรงของแม่ไป๋แทน
ฝ่ามือของแม่ไป๋นั้นทรงพลังมากจนทั้งพี่ชายและน้องสาวถอยหลังไปหลายก้าวเกือบจะล้มลงกับพื้น
โชคดีที่พ่อไป๋ ไป๋ลู่ และเพื่อนบ้านหลายคนพยายามพยุงพวกเขาจากด้านหลัง พวกเขาจึงไม่ล้มลง
พ่อไป๋ชี้หน้าแม่ไป๋ พลางกล่าวด้วยสีหน้าถมึงทึง “คุณนี่ไร้สติจนสมองกลับไปแล้ว เข้าข้างยัยลูกเลี้ยงชั่วคนนี้อย่างไม่ลืมหูลืมตาจนครอบครัวเราต้องยุ่งเหยิง!”
หลินม่ายรีบเข้าไปปลอบพ่อไป๋ “พ่อ อย่าโกรธไปเลยค่ะ ไปกินข้าวนอกบ้านกันเถอะนะคะ”
ส่วนไป๋ลู่และไป๋เซี่ยก็พยายามสงบสติอารมณ์พ่อไป๋เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม อีกไม่นานความผิดของไป๋ซวงก็ต้องปรากฏชัด และผู้หญิงคนนี้จะต้องจากไป
หลินม่ายยิ้มและถามเพื่อนบ้านที่กำลังสอดส่อง “ฉันต้องการเอาของขวัญพวกนี้ของฉันคืน มีลุงป้าน้าอาคนไหนอยากได้ไหมคะ?”
เพื่อนบ้านคนหนึ่งถามด้วยความฉงน “ทำไมไม่เก็บไว้ที่บ้านตัวเองล่ะ? ให้คนอื่นทำไม?”
หลินม่ายยิ้มโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เพื่อนบ้านทั้งหมดก็ตระหนักได้ในทันที
หลินม่ายระแวงแม่ไป๋และไป๋ซวง กลัวว่าพวกหล่อนจะมีแผนร้ายกับสิ่งเหล่านี้
เพื่อนบ้านมองยังที่แม่ไป๋และไป๋ซวงด้วยสายตาแปลกประหลาด
หลายคนคิดในใจ จะมีแม่แบบนี้ที่ช่วยลูกสาวบุญธรรมจัดการกับลูกสาวตัวเองไอีกไหม!
ไร้ปัญญาจนขาดสติไปแล้ว!
แม่ไป๋ถูกเพื่อนบ้านในละแวกนั้นจ้องมอง จึงพูดอย่างโกรธเคือง “หลินม่าย! เธอหมายความว่าอย่างไร? อย่าทำเหมือนฉันและไป๋ซวงเป็นคนไม่ดีสิ!”
“แล้วไม่ใช่แบบนั้นเหรอคะ?” หลินม่ายกล่าวพลางเลิกคิ้ว “ใครเปลี่ยนตัวอย่างเลือดของฉันล่ะคะ? ใครที่พยายามหลอกลวงฉันและกีดกันไม่ให้พบกับพี่สาวของฉัน ใครขโมยเครื่องประดับทองไป? ฉันไม่ไว้ใจคุณแบบเดียวกับที่ไม่ไว้ใจไป๋ซวงนั่นแหละค่ะ!”
ใบหน้าของไป๋ซวงซีดเซียว แทบจะพยุงกายเอาไว้ไม่อยู่
ไม่มีใครในตระกูลไป๋พูดถึงเรื่องอื้อฉาวที่น่าอับอายของหล่อน
แต่ทันทีที่หลินม่ายมา เธอก็โพนทะนาเรื่องพวกนี้ต่อหน้าเพื่อนบ้านมากมาย แล้วหล่อนจะมีหน้าไปมองเพื่อนบ้านเหล่านี้ได้อย่างไร?
หล่อนร้องไห้อย่างขมขื่นและพูดกับแม่ไป๋ “แม่ หนูยอมรับความผิดพลาดแล้ว ยอมรับผิดทั้งหมด แต่ม่ายจื่อกลับไม่ยอมปล่อยหนูไป~”
หล่อนร่ำไห้แบบนี้ก็เพื่อให้เหล่าเพื่อนบ้านเข้าใจผิดว่าหลินม่ายเป็นคนใจแคบและไร้เหตุผล
แต่เด็ก ๆ มากมายต่างได้รับขนมเพราะความใจดีของหลินม่าย
หากเธอใจร้ายแบบนั้นจริงก็คงไม่แบ่งปันขนมให้กับเด็ก ๆ เหล่านั้นด้วยรอยยิ้มหรอก
ข้าราชการที่สุจริตก็ยากที่จะตัดสินเรื่องราวในครอบครัวได้!
ไม่ว่าอย่างไรแผนการของไป๋ซวงก็ล้มเหลว
แม่ไป๋พูดกับหลินม่ายด้วยใบหน้ามืดมน “จะรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาเพื่ออะไร?”
หลินม่ายตอบ “แน่นอนว่าฉันมีเหตุผลของฉัน ก็คือให้เพื่อนบ้านรับรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ไป๋ซวงทำ แน่นอนว่าคุณไม่ต้องการให้ฉันพูดถึงเรื่องเก่า ๆ เพราะกลัวว่าชื่อเสียงของไป๋ซวงจะถูกทำลาย หากไป๋ซวงกล้าทำสิ่งเลวร้ายเหล่านั้น ก็แสดงว่าหล่อนเองไม่ใช่คนดีอะไร”
แล้วเธอก็หัวเราะ “ไป๋ซวงทำสิ่งเลวร้ายมากมาย ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคุณไป๋ถึงใจดีกับหล่อนนัก!”
หลินม่ายไม่ได้มีท่าทางโกรธเคืองหรือรำคาญ แต่การกระทำของเธอทำให้แม่ไป๋โกรธมาก
หลังจากทิ้งของขวัญไว้ที่บ้านของเพื่อนบ้านแล้ว หลินม่ายก็พาพ่อไป๋ ไป๋เซี่ย และไป๋ลู่ไปรับประทานอาหารมื้อใหญ่ที่โรงแรม
แม่ไป๋ยังคงนิ่งเงียบเพื่อรอให้หลินม่ายเชื้อเชิญหล่อน หล่อนสบตาหลินม่ายหลายครั้งให้เธอตกลงชวนหล่อนไปร่วมรับประทานมื้อเย็นด้วย
หล่อนเป็นแม่แท้ ๆ ของหลินม่าย ไม่ว่าหลินม่ายจะไม่ชอบหล่อนมากแค่ไหนก็ไม่อาจเสียมารยาทต่อหน้าเพื่อนบ้านมากมายได้
แล้วแม่ไป๋ก็คิดจะฉวยโอกาสนี้พาไป๋ซวงไปด้วย
แต่หล่อนไม่เคยคาดคิดว่าหลินม่ายจะเฉยเมยและดูเหมือนไร้สามัญสำนึกเช่นนี้
เธอไม่เพียงไม่เชื้อเชิญไป๋ซวงไปร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันเท่านั้น แต่เธอไม่แม้จะหันกลับมามองและเดินจากไปพร้อมกับพวกพ่อไป๋
แม่ไป๋โกรธจนแทบล้มทั้งยืน
เพื่อนบ้านมากมายที่เฝ้าดูอยู่ต่างจ้องมองมายังแม่ไป๋ด้วยสายตาเยาะเย้ย เมื่อเห็นดังนั้นหล่อนก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากและเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับไป๋ซวงก่อนจะปิดประตูอย่างแน่นหนา
เพื่อนบ้านในละแวกนั้นไม่ได้แยกย้ายกันไป แต่รวมตัวกันซุบซิบเกี่ยวกับตระกูลไป๋
ทุกคนต่างบอกว่าไป๋ซวงเป็นคนชั่วร้ายที่คิดวางแผนต่อต้านหลินม่ายครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อป้องกันไม่ให้เธอจำพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอได้
สิ่งที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือ แทนที่จะโกรธเคือง แม่ไป๋กลับข่มเหงลูกสาวตัวเองเพื่อปกป้องไป๋ซวง
เพื่อนบ้านคนหนึ่งกล่าวขึ้น “ไป๋ซวงแย่มาก แต่แม่ไป๋กลับยังถือว่าเธอเหมือนสมบัติ ไร้สติสิ้นดี!
หากเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะเล็กน้อยก็คงคิดได้มากกว่านี้”
“คนโง่เขลามักจะไม่รู้ว่าตัวเองกระทำผิด!” บุคคลหนึ่งกล่าวจี้ใจดำ
เพื่อนบ้านอีกคนกล่าวขึ้น “จะกล่าวหาว่าแม่ไป๋ไร้สติสัมปชัญญะเสียอย่างเดียวก็คงไม่ได้ ไป๋ซวงนั่นเป็นเด็กเจ้าเล่ห์เพทุบายมาก อาจทำให้แม่ไป๋ลู่เกิดความสับสนก็ได้”
“หล่อนอาจถูกล่อลวงจนสับสนเหมือนคนโง่เขลาก็จริง แต่ก็มีแค่คนโง่เขลาเท่านั้นแหละที่จะตกหลุมพรางของไป๋ซวง ไม่มีคนฉลาดที่ไหนจะไม่รู้ทันความคิดผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างไป๋ซวงหรอก”
ประโยคนี้สมเหตุสมผลมาก เพื่อนบ้านหลายคนในละแวกนั้นต่างก็พยักหน้า
เพื่อนบ้านอีกคนกล่าวขึ้น “หลินม่ายบอกว่าไป๋ซวงขโมยสร้อยคอทองคำของแม่หล่อน พวกเธอก็ต้องระวังไว้ให้ดีนะ ระวังหล่อนจะมาขโมยของเราเอา!”
เพื่อนบ้านหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน “น่าปวดหัวชะมัด โจรร้ายอยู่ใกล้ตัวเราแค่นี้เองสินะ!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ต่อหน้าคนตั้งมาก ยังกล้าทำแบบนี้อีก แยกย้ายกันอยู่ไปเลยจบๆ
รำคาญยัยไป๋ซวงกับแม่ไป๋เหลือเกินค่ะ จับกดน้ำหน่อยดีไหมจะได้เป็นผู้เป็นคนขึ้นบ้าง
ไหหม่า(海馬)