บทที่ 624 เข้าใจแล้ว คุณชายต้องการจะช่วยเหลือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์!
ท้องฟ้าเพิ่งเริ่มเปลี่ยนสี ยังไม่นับว่ามืดเกินไป การมองเห็นจึงยังแจ่มชัด
“คืนนี้พวกเราพักกันที่นี่เถิด”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนสั่งให้สัตว์อสูรทั้งเก้าลงจอด
หนทางยังอีกยาวไกล ไม่อาจเดินทางได้ทั้งวันทั้งคืน อย่างน้อยก็ต้องให้สัตว์อสูรทั้งเก้าได้พักผ่อน
ที่นี่เป็นผืนป่าบนภูเขา สภาพแวดล้อมดียิ่ง ต้นไม้สูงตระหง่านเรียงราย ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความเขียวขจี แม้จะยังไม่มืดเกินไปจนไม่อาจเดินทางต่อได้ แต่หลี่จิ่วเต้าก็ไม่ต้องการจะจากไป คิดค้างคืนอยู่ที่นี่
เขาเห็นสิ่งที่เขาเคยคิดถึงมาก่อน!
จิ้งจอก!
ยอดเยี่ยม!
ตอนอยู่บนฟ้า เขามองออกมานอกหน้าต่างและพบเข้ากับจิ้งจอกจำนวนไม่น้อยกำลังวิ่งไปมาบนป่าเขา
จิ้งจอกเหล่านี้ล้วนสวยงามเป็นอย่างมาก ขนสีขาวราวหิมะ ไม่มีสีอื่นเจือปน ดูน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากลั่วสุ่ยกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว เขาก็มักจะคิดถึงจิ้งจอกขึ้นมา ต้องการจะเลี้ยงจิ้งจอกสักตัว อย่างไรเสียก็มีความเชื่อว่าจิ้งจอกนั้นงดงามที่สุด หลังจากแปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วก็สามารถดึงดูดสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้
เขาไม่ได้มีความคิดไม่ดีแต่อย่างใด เพียงแค่อยากจะเห็นว่าจิ้งจอกยามกลายร่างเป็นมนุษย์จะงดงามมากเท่าไหร่
น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แม้ในเมืองชิงซานจะมีสัตว์ป่าอยู่มากมาย แต่ก็ไม่มีจิ้งจอกสักตัว
ทว่าตอนนี้เขาเห็นจิ้งจอกแล้ว ทั้งยังเป็นจิ้งจอกที่สวยงามและน่ารัก เช่นนั้นเขาจะปล่อยไปได้อย่างไร คิดจะลองดูว่าเขาจะสามารถนำมันไปเลี้ยงสักตัวได้หรือไม่
“ที่นี่คือภูเขาจิ้งจอกใช่หรือไม่? จึงมีจิ้งจอกอยู่มากมาย”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะออกมาเบา ๆ “พวกเราพักค้างแรมที่นี่สักคืน”
ภูเขาจิ้งจอก?
มีจิ้งจอกอยู่มากมาย?
เซี่ยเหยียน อันหลานเสวี่ย และพวกอ้ายฉานต่างงงงวยเล็กน้อย
จิ้งจอกอยู่ไหนกัน?
เหตุใดพวกเขาจึงไม่เห็นแม้แต่สักตัว?
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพวกเขากระจายญาณสัมผัสของตนเองออกไปปกคลุมทั่วผืนป่า ก็ยังไม่อาจพบจิ้งจอกสักตัวหนึ่ง
ทุกคนรู้สึกฉงน ไม่อาจสัมผัสได้ถึงจิ้งจอก ทว่าหลิงอิน เสี่ยวหยา และพี่ชายของเสี่ยวหยาต่างรู้แจ้งเป็นอย่างยิ่ง
คุณชายกล่าวไม่ผิด
ที่นี่เป็น ‘ภูเขาจิ้งจอก’ จริง ๆ
เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ที่พามาด้วยจากอาณาจักรอวี้ซวีถูกพวกเขาจัดเตรียมสถานที่แห่งนี้เอาไว้ให้
เซี่ยเหยียนและคนอื่น ๆ ไม่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของเหล่าจิ้งจอกสวรรค์ ก็เป็นเพราะผลจากเรื่องของปลามังกรคราวก่อน พวกเขากังวลว่าจะเกิดเรื่องอันใดกับเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อีก จึงตั้งใจเสริมความแข็งแกร่งของตราประทับที่เผ่าจิ้งจอกสวรรค์เป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกสอดส่องเข้ามาได้
ดังนั้นแม้ว่าพวกเซี่ยเหยียนจะแผ่ญาณสัมผัสไปทั่วผืนป่าก็ไม่อาจรับรู้ได้ถึงการดำรงอยู่ของจิ้งจอกสวรรค์
หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเซี่ยเหยียน ย่อมสามารถสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของจิ้งจอกสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
คุณชายต้องการจะเลี้ยงจิ้งจอกอย่างนั้นหรือ?
ดวงตาของหลิงอินเปล่งประกาย นางจดเรื่องนี้เอาไว้ในใจอย่างเงียบงัน
วาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กำลังจะมาถึงแล้ว!
‘คุณชายล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดไม่รู้ ดังนั้นจึงสามารถล่วงรู่ถึงชะตากรรมอันน่าเศร้าของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ คุณชายคิดช่วยเหลือแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นตอใช่หรือไม่?’
หลิงอินคิดในใจ
แม้นางจะช่วยเหลือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ให้ลงหลักปักฐาน แต่ทว่าก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์
เผ่าจิ้งจอกสวรรค์มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามมากเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วจะเกิดปัญหาขึ้นอีกครั้ง
นางไม่สามารถกล่าวได้ว่า ทุกครั้งที่เกิดเรื่องนางจะสามารถมาได้ทันกาล หากเกิดเรื่องบางอย่างทำให้นางมาล่าช้า เกรงว่าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะต้องเผชิญกับชะตากรรมอันน่าเวทนา
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว หนทางเดียวคือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยตนเอง
เช่นนั้นแล้ว สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็จะไม่กล้าวางแผนคิดสิ่งใดกับเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อีก
คุณชายบอกว่าต้องการจะเลี้ยงจิ้งจอก นี่ก็เพื่อต้องการจะช่วยเหลือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย
หากมีจิ้งจอกสวรรค์ที่สามารถติดตามข้างกายคุณชายไปได้ เช่นนั้นพลังของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างแน่นอน!
‘เข้าใจแล้ว!’
หลิงอินจัดระเบียบความคิดของตนเอง ตัดสินใจจะไปพบกับผู้นำเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ในตอนกลางคืนเพื่อบอกข้อห้ามต่าง ๆ ของคุณชาย ไม่อาจปล่อยให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ละเมิดข้อห้ามต่อหน้าคุณชายได้
ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลงเรื่อย ๆ หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็กลับเข้าไปนอนด้านในรถม้า
ส่วนหลิงอินนั้นไม่ได้กลับไปที่รถม้า
“ข้าขอออกไปด้านนอกสักครู่”
นางกล่าวกับพวกเซี่ยเหยียน ก่อนจากออกไป
“ไปทำสิ่งใด?”
เซี่ยเหยียนงงงวย ไม่รู้ว่าหลิงอินแยกออกไปทำสิ่งใด
“เป็นเช่นนี้พี่เซี่ยเหยียน!”
เสี่ยวหยาเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เซี่ยเหยียนฟัง
นางเองก็คาดเดาได้ว่า คุณชายน่าจะต้องการช่วยเหลือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เนื่องจากจิ้งจอกที่อยู่บริเวณนี้มีเพียงแค่เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ดังนั้นจิ้งจอกที่คุณชายกล่าวถึง ย่อมต้องเป็นเผ่าจิ้งจอกสวรรค์
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ถึงว่าข้าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงจิ้งจอกแม้แต่น้อย!”
เซี่ยเหยียนตระหนักได้ขึ้นมาทันที
อ้ายฉาน ต้าเต๋อ และคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างต่างก็เข้าใจเช่นเดียวกัน
“คุณชายช่างมีจิตใจเมตตายิ่งนัก!”
“ใช่แล้ว สิ่งที่คุณชายไม่อาจทนเห็นมากที่สุดคือผู้ต้องทนทุกข์ยาก!”
พวกเขาทอดถอดใจเอ่ยออกมา ความเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อคุณชายเพิ่มมากยิ่งขึ้น
อีกด้านหนึ่ง ร่างของหลิงอินขยับไหว เพียงพริบตาเดียวนางก็มาถึงที่ตั้งของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์
ในตอนนี้ไม่มีจิ้งจอกสวรรค์ตนใดอยู่ในร่างมนุษย์ ทั้งหมดล้วนอยู่ในร่างจิ้งจอก
แม้ว่าหลิงอินจะเสริมพลังให้กับตราประทับทำให้คนนอกยากแก่การสอดส่องสถานการณ์ภายใน แต่พวกมันเองก็อยู่ในร่างจิ้งจอกเพื่อความปลอดภัยเอาไว้ก่อน
ไม่มีทางเลือก ร่างมนุษย์นั้นสร้างความยั่วยวนใจมากเกินไป นี่เป็นเพราะเสน่ห์ติดตัวของพวกมันที่ไม่อาจควบคุมได้
วิ้ง!
แสงสว่างวาบ จิ้งจอกตนหนึ่งกลายร่างเป็นมนุษย์ นั่นคือผู้นำของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์
“ท่านมาแล้ว!”
นางเดินตรงเข้าไปทักทายหลิงอินทันที
“ท่านผู้นำเผ่า เป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง วาสนาการเปลี่ยนแปลงของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กำลังจะมาถึงแล้ว!”
หลิงอินพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายล่วงรู้ถึงสถานการณ์ของพวกเจ้า จึงตัดสินใจจะช่วยเหลือพวกเจ้าแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นตอ!”
“จริงหรือ?”
ผู้นำเผ่าตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ร่างกายถึงกับสั่นสะท้านทั้งตัว
แม้ว่าตอนนี้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะปลอดภัยกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่พวกเขาก็ยังขาดซึ่งอิสระ ทำได้เพียงเก็บตัวอยู่ภายในตราประทับ ไม่กล้าออกไปด้านนอก
พวกมันมักเฝ้าจินตนาการถึงอิสระมาโดยตลอด ปรารถนาจะเดินออกไปด้านนอกได้โดยไร้ความกังวล ไม่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายใด ๆ อีก ยามนี้เมื่อหลิงอินมาบอกกล่าวข่าวเช่นนี้ มันจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร!
“ขอถามได้หรือไม่ ว่าคุณชายที่ท่านพูดถึงคือผู้ใด?”
ผู้นำเผ่าถามหลิงอินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ข้ามาที่นี่ก็เพื่อบอกรายละเอียดเรื่องนี้กับพวกเจ้า”
หลิงอินกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “เกี่ยวกับคุณชาย ข้าไม่สามารถพูดสิ่งใดมากไปกว่านี้ ทว่าข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่านี่นับเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงสำหรับพวกเจ้า! คุณชายสามารถช่วยพวกเจ้าแก้ไขปัญหาได้จากต้นตอแน่นอน!”
จากนั้นนางก็กล่าวต่ออีกประโยค “ความสำเร็จของข้าในวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่คุณชายมอบให้ หากไม่มีคุณชาย ข้าเองก็จะไม่มีสิ่งใดเลย!”
“คุณชายแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น!”
ผู้นำเผ่าตกตะลึง นางเคยเห็นพลังและความสามารถของหลิงอินมาก่อน
แม้ว่านางจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียน และไม่เคยพบพานเซียนมาก่อน แต่นางก็แน่ใจว่าหลิงอินสามารถต่อกรกับเซียนได้อย่างแน่นอน อาจเหนือเสียยิ่งกว่าเซียนด้วยซ้ำ!
ทว่าความสามารถทั้งหมดของหลิงอินล้วนถูกมอบให้โดยคุณชายท่านนี้!
คุณชายผู้นี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงใดกัน!?
“แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเจ้าจะจินตนาการถึง!”
หลิงอินกล่าวออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ “ความแข็งแกร่งของคุณชายนั้นอยู่เหนือเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้โดยสมบูรณ์ กระทั่งข้าที่อยู่ข้างกายคุณชายมานาน ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคุณชาย!”
“!!!”
หัวใจของผู้นำเผ่าสั่นสะท้าน!
มีตัวตนไร้เทียมทานเช่นนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ?