“เหมือนนัดกันมา”
เมื่อกลับถึงห้องรับรอง หน้ากากหุ่นยนต์มองไปยังหลานหลิงอ๋องซึ่งนั่นอยู่หน้าเปียโน ก่อนจะระเบิดหัวเราะอย่างตลกขบขัน
ทำไมมีแต่คนเล่นเปียโน!
ในห้องถัดไป
หมูน้อยฉีฉีปรับอารมณ์ให้คงที่แล้ว
เธอยิ้ม “ที่จริงนี่เป็นเรื่องปกติ ในการแข่งขันมักมีการร้องและเล่นดนตรีไปพร้อมกัน เปียโนและกีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่ผู้คนใช้มากที่สุดพอดี แต่หลังจากการแข่งขันในรอบนี้ คงไม่มีใครใช้เปียโนง่ายๆ แล้ว”
ฝีมือเปียโนของหุ่นยนต์นั้นแข็งแกร่งมาก!
เป็นเรื่องยากสำหรับนักร้องคนอื่นๆ ที่จะบรรเลงเปียโนให้แตะถึงระดับเดียวกับหุ่นยนต์ และผู้ชมจะเปรียบเทียบพวกเขากับหุ่นยนต์โดยอัตโนมัติ และข้อบกพร่องของพวกเขาจะถูกเปิดเผย
ขณะเดียวกัน
บนเวที
หลินเยวียนไม่ได้มองดูฝูงชนซึ่งนั่งอยู่ใต้เงามืดด้านล่างเวที
เขาซึ่งนั่งอยู่หน้าเปียโนจิตใจนิ่งสงบ
นิ้วมือเหยียดออก หลินเยวียนออกแรงกดลงบนเปียโนด้วยการไขว้มือ!
ไล่โน้ต!
แรงของนิ้วมือและข้อมือกดลงบนแป้นเปียโนพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงหนัก แต่กลับเร่งเร็ว ราวกับเสียงซึ่งไล่ตามมาด้านหลังสะท้อนเสียงก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง
หนักแน่น!
เปี่ยมพลัง!
หัวใจของผู้ชมทุกคนพลันเร่งรัวตามไปด้วย รู้สึกว่าเสียงเปียโนนี้คล้ายกับมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจอธิบายได้
เปียโนนี้…
สายตาของคณะกรรมการประเมินไปหยุดยังหลานหลิงอ๋องพร้อมกัน สัมผัสได้ถึงความละเอียดอ่อนในนั้น
ในตำแหน่งกรรมการตัดสิน
สีหน้าของกรรมการตัดสินทั้งสี่ค่อยๆ จริงจังขึ้นมา
หลินเยวียนหลับตาลง สองมือเริ่มบรรเลงด้วยความเร็ว โดยที่สองมือยังคงไขว้กันอยู่!
อ็อกเทฟ!
นี่คือการโชว์สกิล!
โชว์สกิลล้วนๆ!
แม้ว่ากระบวนการนี้จะสั้นมาก แต่ต้องยอมรับว่า นี่เป็นการโชว์สกิลที่มีพลังทำลายล้างสูงมาก ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่สัปดาห์ หลานหลิงอ๋องก็ดึงดูดความสนใจของผู้ชมทั้งหมดไว้ได้!
“ฮู้ว…”
หลินเยวียนผ่อนลมหายใจ และเสียงนั้นก็ได้ดังขึ้นอย่างชัดเจนผ่านไมโครโฟน
เมื่อครู่เป็นเพียงการอุ่นเครื่อง เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม
ในเวทีแสดงเปียโน นี่เป็นการโชว์สกิลที่พบเห็นได้ทั่วไปในเวทีแสดงเปียโน เพียงแต่เป็นเรื่องยากที่นักเปียโนซึ่งไม่ใช่ระดับมืออาชีพจะทำให้ผลลัพธ์นี้ออกมาได้
หลังจากอุ่นเครื่องแล้ว เสียงเปียโนก็อ่อนลง ราวกับทุกอย่างเงียบลงหลังจากการเคลื่อนไหวอันรุนแรง
ประหนึ่งเสียงเปียโนอันทรงพลังเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วงดนตรีเข้าประสมโรง
เสียงผู้หญิงดังขึ้น ราวกับสายสมแผ่วเบาพัดผ่านจิตวิญญาณ
“กาลครั้งหนึ่ง เธอและเขารักกัน ช่วงเวลาที่ความลังเลหมดไป คิดว่าเข้าใจ จึงทุ่มเทความรักให้ สองมือโอบกอดไม่ยอมปล่อยไป หัวใจดิ้นรนตามหาจุดหมาย…”
จากนั้นเสียงชายหนุ่มมีเสน่ห์ดังขึ้น ราวกับสายฝนพรำ
“รักของเธอ ลืมไม่ไหว ฉากสุดท้ายยังไม่เปลี่ยนไป ฉันไม่สามารถเหนี่ยวรั้งเธอได้ ต่างกันกับเขา เขามอบอนาคตที่เธอคาดหวังไว้ ไร้เดียงสาดั่งเด็กชาย…”
ผู้ชมตาเป็นประกาย
ต่อให้พวกเขาจะได้ฟังเสียงของหลานหลิงอ๋องร้องเพลงรูปแบบนี้มาแล้ว แต่พวกเขายังคงรู้สึกตื่นตาตื่นใจเมื่อได้ฟังเพลงใหม่ในรูปแบบเดิมอีก
หลินเยวียนกำลังโชว์สกิล!
“คำถามมีมากมาย เธอยังทนทุกข์อยู่หรือไร ดั่งน้ำสีครามใต้ตะวันฉาย ดั่งเติมสีสันจนมีความหมาย…”
เสียงผู้หญิง…เสียงผู้ชาย…เสียงผู้หญิง…เสียงผู้ชาย!
การเชื่อมต่อด้วยความถี่สูง!
เหมือนจะเป็นเพลงใหม่?
ที่ตำแหน่งกรรมการตัดสิน กรรมการตัดสินทั้งสี่ท่านคล้ายกับกำลังใคร่ครวญ จากนั้นขมวดคิ้วทันใด
ไม่ใช่เพราะเพลงใหม่มีปัญหา
ไม่ใช่เพราะเสียงของหลานหลิงอ๋องมีปัญหา
การเชื่อมต่อทั้งสองเสียงด้วยความถี่ที่สูงเช่นนี้รื่นหูเหลือเกิน
ทว่าหลังจากนี้คุณคงมาไม้เดิม ถึงอย่างไรก็มีแค่สองเสียง ไม่ได้มีเสียงที่สาม…
ทันใดนั้นหลินเยวียนโน้มตัวไปด้านหน้า เสียงเปียโนหนักหน่วงขึ้น ขณะเดียวกันเสียงเจือปนความแหบแห้งก็ดังขึ้น
“ยิ้มต่อไปอย่าปล่อยใจเธอให้โดนทำร้าย!”
เสียงแหบถือกำเนิดขึ้นแล้ว!
เสียงที่สาม!
สอดประสานกับสองเสียงแรกได้เป็นอย่างดี แทบให้ผลลัพธ์ของ ‘เพอร์เฟ็กต์ทรีโอ’
เหมาเสวี่ยวั่งอึ้งไป
หลิ่วซวี่ตกตะลึง
อู่หลงอ้าปากค้าง
แม้แต่หยางจงหมิงยังนั่งเหยียดตัวตรงขึ้นมา
และด้านหลังเวที
นักร้องทุกคนล้วนตกตะลึง
นักร้องคนนี้มาจากไหนกัน
ทำไมถึงมีเสียงที่สามอีก!
นี่มันเสียงบ้าอะไรกันฟระ!
แม้แต่ในหอประชุมก็ปั่นป่วนขึ้นมาเล็กน้อย
ทุกคนสัมผัสได้ถึงการถือกำเนิดขึ้นของเสียงที่สาม ทว่าความรู้สึกของพวกเขาไม่ลึกซึ้งเท่ามืออาชีพ เพียงแต่รู้สึกว่าเสียงของหลานหลิงอ๋องเป็นได้อย่างไร้ขีดจำกัด?
ทางกรรมการประเมิน
หลายคนเผยสีหน้าประหลาดใจ
ถึงแม้จะเป็นเสียงผู้ชายเหมือนกัน แต่เสียงนี้ต่างจากเสียงบาริโทนชวนฟัง ครั้งนี้คือเสียงแหบเสน่ห์ที่ไพเราะจริงๆ!
ความโศกเศร้านิด ความสับสนหน่อย
กลับให้ความรู้สึกว่ามีเรื่องราว!
เสียงแหบของหลินเยวียนดังกังวาน ราวกับใบมีดคมกรีดผ่านความมืดมืด “คิดถึงเธอมิวาย คิดถึงเธอเมื่อไม่อยู่ข้างกาย อนาคตไม่จมอยู่ในความเสียดาย แค่ความรักมักต้องผ่านความเจ็บปวดเจียนตาย”
เสียงผู้หญิงคือลม
เสียงผู้ชายคือฝน
เสียงแหบคือหิมะ
ตั้งแต่ความนุ่มนวลของสายลมฤดูใบไม้ผลิ ความสดชื่นของสายฝน และความแปรปรวนสับสนของเสียงแหบ ตัวโน้ตต่างๆ ราวกับกำลังเต้นรำอยู่รอบตัวเขา
“เคร้ง”
หลินเยวียนหยุดร้องลงชั่วขณะ เหลือเพียงทำนองเปียโนประหนึ่งบทพูดคนเดียว บนแปดสิบแปดคีย์ของเปียโน นิ้วสิบนิ้วเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องและแตกต่างกันออกไป
เป็นเวลาหนึ่งนาทีเต็มๆ
แต่ไม่มีใครรู้สึกว่ายาวนาน
ราวกับฟังเสียงของเปียโนได้อย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย
ฝีมือเปียโนระดับมืออาชีพ!
หุ่นยนต์ซึ่งอยู่หลังเวทีแววตาประกายวาบ
เขาสู้ไม่ได้
ในห้องถัดไป
หงส์ขาวพึมพำ “ทำไมฉันถึงเลือกเล่นเปียโนเนี่ย…”
นักร้องคนอื่นๆ ต่างส่ายหน้า
หลังจากหุ่นยนต์ขึ้นแสดง ถ้ามีนักร้องคนใดคิดจะเล่นเปียโนอีก คงต้องคิดหลายตลบหน่อย
แต่หลังจากหลานหลิงอ๋อง จะไม่มีนักร้องคนใดกล้าเล่นเปียโนบนเวทีราชาหน้ากากนักร้องอีก!
นอกเสียจากว่าอีกฝ่ายมีฝีมือเปียโนระดับมืออาชีพเช่นเดียวกับหลานหลิงอ๋อง!
ใช่แล้ว!
หลายคนฟังออก!
ความสามารถในการเล่นเปียโนของหลานหลิงอ๋องนั้นเหนือกว่าหุ่นยนต์!
ระหว่างที่ทำนองเปียโนบรรเลง เสียงของหลินเยวียนดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ยังคงเป็นเสียงแหบ ทว่างับคำหนักกว่าก่อนหน้านี้
“ตอนนี้ฉันภาวนา ให้สุขสมไม่ระทมใจ อย่างไรจะไม่ย้อนกลับไป”
เสียงเปียโนเบาลง
หลินเยวียนหลับตาลง ผ่อนลมหายใจแผ่วเบา
เสียงผู้หญิงประหนึ่งสายลม โชยมาไล้ใบหน้าอีกครั้ง
เสียงผู้ชายประหนึ่งสายฝน เริ่มดังขึ้น
เสียงแหบประหนึ่งหิมะ เป็นการปิดฉากทุกสรรพสิ่ง
เพลงนี้จบลงแล้ว
ในห้องส่งเงียบสงัด
ผู้ชมส่วนหนึ่งมีสีหน้าครุ่นคิด
ในทางตรงกันข้าม คณะกรรมการประเมินกลับมีสีหน้าตกตะลึง และฝั่งกรรมการตัดสิน ทั้งสี่คนต่างมีสีหน้าแตกต่างกัน
เสียงปรบมือดังขึ้น
หากฟังอย่างตั้งใจ จะสัมผัสได้ว่าเสียงปรบมือของคณะกรรมการประเมินทั้งห้าสิบคนนั้นดังที่สุด จนกลบเสียงของผู้ชมด้วยซ้ำ
เมื่อเสียงปรบมือเบาลง
พิธีกรก้าวขึ้นบนเวที เริ่มถามว่า “นี่คือเพลงใหม่ของเซี่ยนอวี๋เหมือนกันหรือครับ?”
“อื้ม เพลงเด็กชาย”
หลินเยวียนลุกขึ้นจากเปียโน ค้อมคำนับให้วงดนตรีและด้านล่างเวที เขารู้สึกว่าตนทำได้ไม่เลวเลย
“อาจารย์อู่…”
พิธีกรกำลังจะเอ่ยเรียกกรรมการตัดสิน
ปรากฏว่าเสียงของพิธีกรยังไม่ทันจบลง อู่หลงก็จ้องมองหลานหลิงอ๋องอย่างไม่ละสายตา และเริ่มพูดก่อน
“เวทีที่แล้ว คุณได้อันดับที่หนึ่ง แต่คะแนนโหวตของผมยกให้หงส์ขาวและหุ่นยนต์ทั้งหมด เวทีนี้ คุณคว้าอันดับหนึ่งไม่ไหว แต่คะแนนโหวตหนึ่งร้อยคะแนนผมให้คุณทั้งหมด”
……………………………………………………..