ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลง แล้วยิ้มให้กับคนที่นอนตะแคงอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวนั้นเล็กน้อย
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้ว่าเขาเข้ามาในห้อง นางกำลังง่วนอยู่กับการปอกส้มในมือ นางเอ่ยขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า ”หนึ่งแสนตำลึงสำหรับมอง หนึ่งล้านตำลึงสำหรับการมองใกล้ๆ และสิบล้านตำลึงถ้าอยากดื่มชากับเขา”
ทหารรับจ้างไม่เข้าใจว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยพูดอะไร เขาจึงถามขึ้นว่า ”คุณหนูใหญ่พูดเรื่องอะไรอยู่หรือขอรับ”
“อ๋อ ค่ายลโฉมขององค์ชายสามน่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเพิ่งรู้ตัวว่านางกินส้มในมือหมดแล้ว นางจึงตั้งใจจะพลิกตัวกลับไปหยิบส้มลูกที่สอง
โชคดีที่ ’มีใครบางคน’ ยื่นมันมาให้นางอย่างรู้งาน
เฮ่อเหลียนเวยเวยรับส้มมาจากเขา นางได้ยินเสียงถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ นางปอกส้มอย่างมีความสุขแล้วส่งเข้าปากคำหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า ”มีอะไร เจ้าคิดว่ามันแพงเกินไปหรือ เจ้าไม่ต้องห่วง ถ้าเราไม่หาเงินจากองค์หญิงของเมืองเซวียนหยวนละก็คงจะน่าเสียดายน่าดู เจ้าแค่นำคำพูดของข้าไปบอกนางอย่าให้ขาดตกบกพร่องก็พอ นางจะต้องยอมจ่ายเงินให้เราแน่”
ดวงตากลมราวกับตาเสือของเด็กชายตัวน้อยที่กินส้มอยู่ข้างนางเบิกกว้าง จากนั้นเขาก็กัดส้มครึ่งหนึ่งเข้าปาก พร้อมกับใช้มือเล็กๆ ของตัวเองสะกิดเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่หลายครั้ง
“เจ้าเจ็ด เจ้าสะกิดข้าทำไม… ทำอะไรอยู่น่ะ…” เสียงของนางเงียบลงอย่างเห็นได้ชัดทันทีที่นางหันกลับไปมอง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนอยู่ข้างหลังนาง เขาโยนส้มขึ้นไปในอากาศแล้วคว้ามันไว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า ”ทำไมเจ้าไม่พูดต่อล่ะ พูดต่อสิ ข้าอยากฟังต่อ แล้วก็อยากรู้ราคาส่วนอื่นๆ ด้วย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยสำลักส้มที่อยู่ในปากพร้อมกับความรู้สึกผิดอันหาได้ยากยิ่งที่ถาโถมเข้าใส่ตัว
เงาทมิฬและทหารรับจ้างเป็นคนฉลาด พวกเขารีบออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปรายตามองเด็กชายตัวน้อยที่ผุดลุกขึ้นทันที เด็กชายมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสายตาเหมือนกำลังบอกว่า ’คนเราต้องช่วยตัวเองขอรับ’ ก่อนผลุนผลันออกจากห้องพร้อมหอบอาหารกองโตเต็มอ้อมแขน
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดว่าตัวเองซวยแน่แล้ว เพราะนางถูกคนที่ตัวเองนินทาจับได้คาหนังคาเขา ข้านี่มันดวงซวยจริงๆ!
แต่หลังจากพูดจบ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับไม่ได้พูดอะไรต่อ
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นประกายทันทีที่นางคิดข้อแก้ตัวดีๆ ออก นางจึงพูดขึ้นว่า ”ข้าจะไปดูว่าห้องเครื่องเตรียมมื้อเย็นพร้อมหรือยัง”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำเพียงยกมือขึ้นถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ของตัวเองออก แต่ทันทีที่นางลุกขึ้น เขาก็คว้าตัวนางเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว ปลายนิ้วที่ขึ้นสีดำคล้ำเล็กน้อยของเขาลูบไล้ไปตามข้อมือของนาง บนใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย ”จะว่าไปแล้วเจ้าก็ทำให้ข้านึกอะไรขึ้นมาได้ ในเมื่อเจ้าซื้อตัวข้ามาแล้ว มันจะไม่เป็นการเสียเงินเปล่าหรือถ้าข้าไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จ หืม”
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยเห่อร้อนทันทีที่สิ้นคำถาม คำว่า ’ทำ’ ในความคิดขององค์ชายย่อมไม่ได้หมายถึงการทำอะไรทั่วไปอย่างแน่นอน
“ข้าพอใจมากแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องทำอะไรกับตั่งยาวตัวนี้อีกต่อไปแล้วล่ะ ข้าพูดจริงๆ นะ!” เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะที่นางมองไปที่เขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนางด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย แล้วเอ่ยอย่างหยอกล้อว่า ”ที่แท้เจ้าก็ไม่ถูกใจสถานที่นี่เอง เช่นนั้นเราไปที่ห้องทรงอักษรทางใต้กันก็ได้ ข้าจำได้ว่าตอนอยู่ที่นั่นเจ้ารัดข้าแน่นมากทีเดียว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกชาไปทั้งร่างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น นางรู้สึกได้ถึงนิ้วของเขาที่เริ่มเคลื่อนไปทั่ว นางคู้ตัวเข้าหากันราวกับกุ้งที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา และพยายามค้านว่า ”ไม่ได้เป็นเพราะสถานที่เสียหน่อย! ปัญหามันอยู่ที่จำนวนครั้งต่างหาก!”
แต่นางนึกไม่ถึงว่าเขาจะละมือออก พร้อมกับพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเห็นด้วยกับคำพูดของนาง ”มันก็จริง”
ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดท่านก็ยอมฟังข้าเสียที! เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มหน้าลงปอกส้มต่อด้วยรอยยิ้มสว่างไสว นางเริ่มคิดว่าต่อไปนี้นางน่าจะหาเวลาว่างตอนกลางคืนได้ นางจะได้ออกไปเที่ยวเล่นนอกวัง หรือไม่ก็ทำอย่างอื่นได้…
“จากนี้ไปข้าจะคิดให้รอบคอบก่อนเพิ่มจำนวนครั้งก็แล้วกัน” เสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยฟังดูชั่วร้ายในตอนที่ถามว่า ”คราวนี้เจ้าก็คงพอใจแล้วใช่ไหม”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหันหน้ากลับไปหาเขาในทันใด เพิ่มจำนวนหรือ
“เจ้าดูตื่นเต้นมากทีเดียวนี่” ขณะที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโน้มตัวเข้าไปจูบหลังมือของนางอย่างสุภาพ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ เหยียดกว้างขึ้น ดวงตาของเขาพราวระยับเหมือนกับดอกไม้ไฟที่สว่างไสวอยู่บนท้องฟ้า ตาคู่นั้นทำให้เขาดูเย้ายวนยากจะต้านทานได้ จากนั้น เขาจึงเอ่ยว่า ”ในเมื่อเจ้าซื้อข้าไปแล้ว ดังนั้นข้าย่อมเข้าใจกติกาดี”
เฮ่อเหลียนเวยเวย :… ข้าดูตื่นเต้นตรงไหน! ที่สำคัญกว่านั้น ทำไมเขาถึงพูดเหมือนตัวเองเป็นชายขายบริการเลยล่ะ!
คืนนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงได้รู้ว่าเขา ’รักษากติกา’ มากเพียงใด ร่างทั้งร่างของนางอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง นางไม่มีกระทั่งแรงที่จะยกแขนขึ้นด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้นางเป็นอิสระ เสียงนั้นกระซิบข้างหูนางอย่างโหดเหี้ยมว่า ”เจ้าอยากให้ผู้หญิงคนอื่นมา ’ยลโฉม’ ข้าหรือ หืม”
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเบิกกว้างทันทีที่เขากระแทกเข้าใส่นาง ชายหนุ่มเป็นเหมือนกับเครื่องยิงตะปูที่ตอกเข้าไปยังจุดอ่อนของนางได้อย่างแม่นยำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การกระแทกแต่ละครั้งมีแต่จะยิ่งหนักและลึกขึ้นกว่าครั้งก่อน แต่จู่ๆ เขาก็หยุดเคลื่อนไหว ลมหายใจร้อนผ่าวของเขารดลงบนใบหูของนางในขณะที่เขาเอ่ยว่า ”ถ้าเจ้าชอบเงิน ข้าก็ยกให้เจ้าได้ แต่ถ้าข้าได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้อีกละก็ ข้าจะไม่เมตตาเจ้าแน่ เข้าใจหรือเปล่า”
ขายาวของเฮ่อเหลียนเวยเวยงอเข้าหากัน เมื่อครู่นี้นางจวนจะถึงฝั่งฝันอยู่รอมร่อ แต่เขากลับหยุดอย่างกะทันหันเพื่อทำให้นางผิดหวัง และไม่ยอมให้นางไปถึงจุดสุดยอดได้ น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาหงส์ของนางพร้อมกับเสียงอ้อนวอน ”เจวี๋ย...”
หายากนักที่นางจะตกอยู่ในสภาพนี้ ดังนั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงก้มหน้าลงมองนางพร้อมกับกระชับเอวของนางไว้แน่น ”ดี อ้อนวอนข้า ขอร้องข้าสิ แล้วข้าจะสนองให้”
“ได้โปรด อ๊ะ!” สิ่งที่สวนเข้ามาในร่างอย่างรุนแรงและกะทันหันนั้นทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผ้าม่านพลิ้วไหวไปตามจังหวะการขยับของเตียง กิจกรรมนั้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างเนิ่นนาน…
หลังการทรมานนี้สิ้นสุดลง จึงไม่แปลกเลยที่เฮ่อเหลียนเวยเวยจะรู้สึกง่วงอย่างมาก
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับตื่นแต่เช้า เขายืนอยู่ข้างเตียงด้วยท่าทางอันสง่างาม อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะแต่งตัวเต็มยศเสียด้วย ปกติแล้วเฮ่อเหลียนเวยเวยจะหลับต่อในระหว่างที่เขาออกไปทำธุระ
แต่วันนี้แตกต่างออกไปเล็กน้อย เฮ่อเหลียนเวยเวยลืมตาขึ้นแต่เช้าตรู่ นางนอนขี้เกียจอยู่ใต้ผ้าห่ม พร้อมกับเอ่ยถามด้วยดวงตายิ้มแย้มว่า ”ข้าหิวแล้ว ทำอย่างไรดี”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้ม แล้วอุ้มเฮ่อเหลียนเวยเวยขึ้น ผ้าห่มยังพันอยู่รอบตัวนางตอนที่เขาอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงแค่มองดูบรรดาข้ารับใช้เดินเข้าออกห้องอยู่ในวงแขนของเขาอย่างเกียจคร้าน นางไม่ได้สนใจพวกเขานัก เปียยุ่งเหยิงสองเส้นทิ้งตัวลงมาจากศีรษะเวลาที่นางหาวออกมาเป็นครั้งคราว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนึกขำกับภาพนั้น เขาโน้มเข้าไปจูบนาง จากนั้นเขาจึงล้างมือให้นางแล้วส่งน้ำผสมใบป๋อเหอให้นางบ้วนปาก ก่อนจะอุ้มนางไปที่โต๊ะไม้
ทั้งสองดูน่ามองเป็นอย่างยิ่ง คนหนึ่งดูเฉื่อยชา ในขณะที่อีกคนกลับสันโดษสง่างาม เมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกัน พวกเขาย่อมสามารถทำให้ทุกคนหันมามองได้
พวกเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงหายากอย่างเฮ่อเหลียนเวยเวยในวังหลวงมาก่อน
หากคนที่ได้รับความโปรดปรานนี้เป็นพระชายาคนอื่น พวกนางมักจะมีท่าทางเขินอายและรู้สึกประดักประเดิด
แต่พระชายาสามกลับยิ้มกริ่มอย่างชั่วร้าย ไม่มีพระชายาคนใดสามารถเทียบนางได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยหันหน้ากลับมาแล้วกระซิบใส่หูไป๋หลี่เจียเจวี๋ยว่า ”ดูสิ นางกำนัลตัวน้อยพวกนี้เขินไปหมดแล้ว”
“อย่าขยับ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่เคยชายตามองคนอื่น แม้กระทั่งตอนนี้ เขาวางคนที่ขยับตัวไปมาอยู่ในอ้อมกอดลง ก่อนถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกชวนฟังว่า ”ระหว่างซาลาเปากับปาท่องโก๋ เจ้าอยากกินอะไรมากกว่ากัน”