บทที่ 627 บรรดาของวิเศษออกโรง แม้แต่ภพเซียนยังต้องแตกพ่าย!
เจ้าหลวงลอยตระหง่านอยู่กลางอากาศ ก้มมองเบื้องล่างด้วยสายตาเย็นชา
เบื้องล่าง สิ่งมีชีวิตมากมายในอาณาจักรอวี้ซวีตกอยู่ใต้อาณัติ สิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงโถมทับออกไปดั่งสายลม ไม่มีสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอวี้ซวีตนใดต้านทานไหว
และเบื้องหลังเจ้าหลวง สิ่งมีชีวิตขนเขียวพิศวงยังมิได้ออกโรงเลยแม้แต่ตัวเดียว
ส่วนสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงซึ่งมีระดับสูงขึ้นไป ไม่แม้แต่จะไหวติงด้วยซ้ำ
นี่คือกำลังหนุนที่จ้าวตะเข้มอบให้แก่เจ้าหลวง
สิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงหลายสิบตน สิ่งมีชีวิตขนเขียวพิศวงสิบกว่าตน สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงอีกสามสี่ตน!
กำลังพลระดับนี้ สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอวี้ไฉนเลยจะทานไหว
ต้องรู้ว่า สิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงเหล่านี้ล้วนอยู่ในขอบเขตเทียนตี้ เมื่อยืมพลังพิศวงมาแล้ว จะสามารถปะทุพลังระดับเทียนตี้ออกมาได้แน่นอน
ส่วนสิ่งมีชีวิตขนเขียวพิศวงนั้นมีกำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป มีกำลังรบระดับกึ่งเซียน เมื่อยืมพลังพิศวงมาแล้ว จะสามารถปะทุพลังระดับเซียนออกมาได้แน่นอน
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงนั้นยิ่งแข็งแกร่งเข้าไปใหญ่ เมื่อยืมพลังพิศวงมาแล้ว จักสามารถปะทุพลังระดับเซียนสัมบูรณ์ออกมาได้
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ภายในอาณาจักรอวี้ซวีมีกำลังรบเทียนตี้ชั้นเลิศพุ่งออกไป จักรพรรดิชางก็ร่วมอยู่ด้วย บาดแผลก่อนหน้าของเขาสมานดีแล้ว คราวก่อน ลั่วสุ่ยมอบแอปเปิลให้เขาลูกหนึ่ง เขาหั่นออกมาเพียงชิ้นเล็กซึ่งมีขนาดเท่าเล็บแล้วกินเข้าไป บาดแผลพลันหายเป็นปลิดทิ้ง
ซ้ำเขายังได้รับประโยชน์มหาศาลอีกด้วย กำลับรบทวีความแกร่งกล้า บรรลุเหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป ได้มาซึ่งกำลังรบระดับกึ่งเซียน
ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนเปล่าประโยชน์ จักรพรรดิชางเพิ่งเหินออกไปเท่านั้น ก็ถูกสิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงหลายตนหมายหัว เพียงครู่เดียวก็ต้องปราชัยลง
ส่วนเทียนตี้ชั้นเลิศซึ่งเหินออกมาแล้วนั้นยิ่งมีสภาพอนาถเข้าไปใหญ่ ไม่ทันได้ออกวาดลวดลายแม้เพียงนิดก็ถูกกำราบ ความห่างชั้นของกำลังรบมีมากเกินไป
“เจ้าพวกตาเฒ่ายังไม่ยอมออกมาอีกหรือ”
เจ้าหลวงหัวเราะเสียงเย็น ผู้ทรงพลังที่สุดที่ได้ก้าวออกมานั้นคือจักรพรรดิชาง เหล่าตาเฒ่าซึ่งซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรอวี้ซวียังมิได้ก้าวออกมาสักตนเดียว
อาณาจักรอวี้ซวีคือแคว้นซึ่งแบ่งแยกออกจากอาณาจักรนั้น เขาและจ้าวตะเข้คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าเหล่าตาเฒ่านั้นยังไม่ตาย หากแต่ยืดชีวิตต่อไปด้วยวิธีการบางอย่าง
“รบกวนทุกท่านแล้ว”
มันเอ่ยต่อสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงข้างกายด้วยความเกรงใจ หมายจะให้สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงเหล่านี้ออกโรง ไล่ต้อนจนพวกตาเฒ่ายอมออกมา
หากที่เดาไว้ไม่ผิด พวกตาเฒ่าคงเหนือขั้นเทียนตี้ออกไป ไม่เป็นกึ่งเซียนก็เป็นเซียนไปแล้ว
ถึงอย่างไร เวลาก็ผ่านมาแล้วอย่างยาวนาน หากรอดมาได้จริง ๆ ย่อมต้องมีกำลังรบฉกาจ
และสำหรับมัน ยิ่งตาเฒ่าเหล่านั้นเก่งกล้าเพียงใดยิ่งดี เพราะมันจะเปลี่ยนพวกมันเป็น ‘ทาส’ ของมันให้หมด คอยรับคำสั่งจากมัน!
“ไม่มีปัญหา”
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงทั้งหลายพยักหน้า เริ่มใช้วิชาลับบางอย่าง ควันสีเทาฟุ้งออกจากตัวพวกมันทุกตน ลอยละล่องออกไป
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้นทั่วอาณาจักรอวี้ซวี ควันสีเทาที่ลอยละล่องออกไปไล่ต้อนตาเฒ่าทั้งหลายในอาณาจักรอวี้ซวีออกมาจนหมด
เจ้าหลวงเดาไม่ผิดจริง ๆ ตาเฒ่าเหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดา ยืดชีวิตต่อไปด้วยวิธีการบางอย่าง กำลังรบที่มีนั้นเหนือขั้นเทียนตี้ไปไกล มีกำลังรบระดับเซียนกันถ้วนหน้า
รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขามิสู้จะปกติเท่าใด วิธีการอื่นนั้นหาใช่ลู่ทางปกติ พวกเขาต่างมีราคาที่ต้องจ่าย วันเวลามิได้ผ่านมาอย่างสุขสันต์นัก
“พวกเจ้าคิดจะทำอันใด”
“พวกเราต่างคนต่างอยู่กับพวกเจ้า พวกเจ้าคิดทำสิ่งใดในอาณาจักรอวี้ซวีก็ตามใจ ไม่เกี่ยวกับเรา!”
พวกเขามีสีหน้าเย็นชา ไม่ต้องการต่อสู้เพื่ออาณาจักรอวี้ซวีสักนิด
เมื่อครั้งเจ้าหลวงเพิ่งนำทัพสิ่งมีชีวีตพิศวงบุกมาถึงอาณาจักรอวี้ซวี พวกเขาก็สัมผัสได้แล้ว ทว่าพวกเขามิได้ออกมายับยั้งแต่อย่างใด
ความเป็นความตายของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอวี้ซวีหาได้เกี่ยวกับพวกเขาไม่ พวกเขามิได้แยแสชีวิตของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอวี้ซวี
“ข้าต้องการทำอันใดน่ะหรือ? ข้าต้องการเปลี่ยนพวกเจ้าทั้งหมดเป็น ‘ทาส’ ของข้า…”
เจ้าหลวงมีสีหน้าเฉยชา ไฉนเลยจะยอมปล่อยตาเฒ่าเหล่านี้ไป คนเหล่านี้ล้วนต้องกลายเป็นสุดยอด ‘ทาส’ ของมัน สลักสำคัญยิ่งนัก
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงทั้งหลายลงมือทันใด บุกถล่มไปยังเบื้องหน้า
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเหลือทางรอดให้เรา ก็มาสู้กันสักตั้ง!”
“ฆ่า!”
เหล่าตาเฒ่ารู้ดีว่าศึกนี้มิอาจเลี่ยง พวกเขามิได้ออมมือ ต่างเปล่งพลังเต็มที่ บุกสังหารออกไป!
…
ณ เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
บรรดาของวิเศษมาอยู่ริมสระกันถ้วนหน้า ต่างเอ่ยว่าต้องการช่วยเหลือมัจฉาสัตมายา เป็นผลให้มัจฉาสัตมายาซาบซึ้งอย่างยิ่ง
“ริอ่านอาละวาดในบ้านเกิดเสี่ยวชีรึ ข้าจะฟันพวกมันให้เละเลยคอยดู!”
นี่เป็นเสียงจากขวานสัมฤทธิ์ ลวดลายบนด้ามขวานนั้นเปี่ยมไปด้วยลายลักษณ์โบราณลึกล้ำ และมี ‘ญาณ’ ถือกำเนิดออกมาแล้วอย่างยาวนาน เป็นขวานที่หลี่จิ่วเต้าใช้ผ่าไม้มาทำฟืน มีนามว่าขวานเบิกสวรรค์
“เตรียมไสหัวไปได้เลย! เสี่ยวชี พวกเราพี่น้องขอหนุนหลังเจ้าเอง!”
“ใช่แล้ว!”
เครื่องมือแกะสลักลอยเข้ามาทั้งชุด ทั้งค้อน มีดแกะสลัก สิ่ว เลื่อย ไม้บรรทัด และกบไสไม้
มีดแกะสลักนั้นมีจำนวนมากที่สุด รวมแล้วเก้าด้ามด้วยกัน ล้วนตีด้วยทองคำเซียน
ทั้งหมดมีอยู่หกเล่มด้วยกัน ลักษณะคล้ายพลั่ว เป็นพลั่วอัสสุสวรรค์ในตำนาน
“อย่าได้แตกตื่นไป!”
เก้าอี้โยกใบหนึ่งเหินเข้ามา เสียงนั้นดูชราและแฝงไว้ด้วยความขลัง นี่คือเก้าอี้โยกที่หลี่จิ่วเต้านั่งอยู่บ่อย ๆ
“ใช่แล้ว ไม่ต้องแตกตื่น!”
ใต้ศาลา โต๊ะหินเก้าอี้หินเหินเข้ามากันหมด พวกมันล้วนมี ‘ญาณ’ ถือกำเนิดขึ้นมานานแล้ว!
“ฮิฮิ พวกเราพี่น้องก็ขอช่วยเสี่ยวชีด้วย!”
เครื่องถ้วยกระเบื้องพิถีพิถันชุดหนึ่งลอยเข้ามา รวมแล้วแปดชิ้น เป็นพี่น้องแปดคน มี ‘ญาณ’ เช่นเดียวกัน
“มาแล้ว ๆ!”
“เล่นไอ้พวกระยำนั่นให้ตายไปเลย!”
สุ้มเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ขันไม้ตักน้ำของหลี่จิ่วเต้า กระบองเขี่ยไฟที่ใช้จุดไฟ รวมถึงตะเกียบไม้ที่ใช้กินข้าว กะละมังที่ใช้ล้างหน้า ตะเกียงซึ่งมีเทียนอยู่ภายใน ถังน้ำที่ใช้ตักน้ำ รวมถึงแผ่นหินเขียวซึ่งปูอยู่บนพื้น แล้วยังมีของวิเศษอันมี ‘ญาณ’ สถิตอีกนานัปการเหินเข้ามาถ้วนหน้า เอ่ยบอกว่าพร้อมเป็นกำลังหนุนให้มัจฉาสัตมายา
“พาข้าไปด้วย พาข้าไปด้วย!”
ถังขยะร่วมด้วย ยามเอ่ยวาจากลิ่นเหม็นโชยชาย ทันทีที่มันเหินเข้ามา ของวิเศษอื่น ๆ หนีกันหมด กลิ่นแรงเกินไปแล้ว
“ลืมตัวไป ลืมตัวไป!”
มันรีบสะกดกลิ่น ดึงกลิ่นทั้งหมดกลับไป “ถึงเวลาทุกท่านไม่ต้องลงมือ ข้าไปแล้วปลดปล่อยกลิ่นเหม็นเต็มที่ รับรองว่าราบคาบกันหมด!”
“ยืดเส้นยืดสายกันหน่อยเถิด…”
“ใช่แล้ว…มิได้ยืดเส้นยืดสายมาตั้งนาน”
เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้อง ไม้ประดับที่หลี่จิ่วเต้าโปรดปรานที่สุดเหินออกมากันหมด พวกมันกระดิกใบเบา ๆ ก็มีแสงเซียนมหาศาลสาดส่องลงมา ทุกต้นล้วนเป็นโอสถเซียนอันสูงส่ง!
“จอบเซียนเช่นข้าเป็นจอบเซียนแห่งคุณธรรม ย่อมต้องกำจัดความชั่วร้ายทั้งปวง! เรื่องนี้จะขาดข้าไปได้อย่างไร ข้าย่อมต้องฝ่าฟันสู้รบอยู่แนวหน้าสุด!”
จอบเซียนเหินเข้ามา ประกาศกร้าวด้วยความขึงขัง สั่นตัวน้อย ๆ ประกายเซียนวาววามไม่หยุด
“พับผ่าสิ นี่ถ้าไปกันจริง ๆ น่ากลัวว่าแม้แต่ภพเซียนยังต้องราบเป็นหน้ากลอง!”
เต่าชราหดหัวพลางกล่าว
ค่ายพลนี้ยิ่งใหญ่ไปแล้วกระมัง!
มันนึกเศร้าใจแทนเจ้าพวกที่อาละวาดทำตามอำเภอใจในอาณาจักรอวี้ซวีเสียจริง!
ของวิเศษมากมายปานนี้เดินทางไป ต้องเป็นกองกำลังยิ่งใหญ่ขนาดไหนเชียว กระทั่งภพเซียนยังต้องแตกพ่าย!
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
มัจฉาสัตมายาซาบซึ้งเหลือแสน ความรู้สึกมีผู้หนุนหลังเช่นนี้ดีเหลือเกิน
“คึกคักกันจริงพวกเจ้า!”
ก้านหลิวก้านหนึ่งลอยเข้ามา ก่อนที่ต้นหลิวจะปรากฏตัวในลานเล็ก
อย่างไรเสียมันก็แข็งแกร่ง ซ้ำยังแข็งแกร่งจนผิดมนุษย์มนา เหตุการณ์ในลานเล็ก พวกดาษดื่นย่อมไม่อาจรับรู้ กระทั่งจักรพรรดิเซียนยังทำมิได้
ทว่าต้นหลิวรับรู้ได้ในทันที ความแข็งแกร่งระดับนี้ น่าเหลือเชื่อถึงขีดสุด!
นอกจากคุณชาย เกรงว่าต้นหลิวเรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล!
“พี่หลิว!”
มัจฉาสัตมายาร้องเรียกเสียงเต็มตื้น พี่หลิวก็จะไปเป็นกำลังหนุนให้มันด้วยหรือ
“อืม”
ต้นหลิวตอบรับมัจฉาสัตมายา ก่อนจะพินิจพิจารณาลานเล็กของคุณชาย “ลานของคุณชาย ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้มาเยือนลานเล็กของคุณชาย ก่อนนี้ไม่เคยมาเลยสักครา
รวมถึงก้อนหินก็ด้วย
“น่าเสียดาย พี่แท็บเล็ตไม่อยู่ หากพี่แท็บเล็ตอยู่ พวกเราคงไปถึงอาณาจักรอวี้ซวีได้ในชั่วพริบตา”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนึกเสียดายนิดหน่อย คุณชายนำแท็บเล็ตไปด้วย
บัดนี้ พวกมันต้องออกเดินทางไปยังอาณาจักรอวี้ซวี
“จะไปยากกระไร ข้าช่วยพวกเจ้าเอง”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา “มาสิ บอกตำแหน่งอาณาจักรอวี้ซวีกับข้า”
“ได้เลยพี่หลิว!”
มัจฉาสัตมายารีบบอกตำแหน่งที่ตั้งของอาณาจักรอวี้ซวีให้ต้นหลิวรู้
“เข้าใจแล้ว”
ต้นหลิวไหวเอนน้อย ๆ พยากรณ์เส้นทางโดยอ้างอิงจากตำแหน่งที่ตั้งอาณาจักรอวี้ซวีได้ในพริบตา
เสียงดังฟึ่บ ก้านหลิวก้านหนึ่งทะยานขึ้นนภา ก้าวข้ามเอกภพอันกว้างใหญ่ มาถึงอาณาจักรอวี้ซวีในอึดใจเดียว
“มาเถิด ข้าพาพวกเจ้าไปส่งที่อาณาจักรอวี้ซวีเอง”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา “พอดี ข้าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย…”
“ขอบคุณพี่หลิว!”
มัจฉาสัตมายากระโจนออกจากบ่อน้ำ เหินนำขึ้นไปบนก้านหลิว
จากนั้น จอบเซียน ถ้วยกระเบื้อง และของวิเศษต่าง ๆ ทยอนเหินขึ้นไปบนก้านหลิว
“ไปกันเถิด”
ต้นหลิวยิ้มน้อย ๆ จากนั้น ร่างของพวกมันก็หายวับไปจากที่นี่