องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! – บทที่ 654 พระชายาเวยเวย (ความอัปยศ: ตอนที่ 2)

บทที่ 654 พระชายาเวยเวย (ความอัปยศ: ตอนที่ 2)

เมื่อ​บรรดา​เสนาบดี​หัวโบราณ​ทั้งหลาย​สังเกตเห็น​ท่าทาง​ของ​องค์​ชาย​ ​พวกเขา​ก็​รู้สึก​กังวลใจ​อย่างมาก​ ​พวกเขา​พยายาม​เค้น​สมอง​ชวน​ผู้แทน​ทั้งสอง​คุย​เพื่อ​ป้องกัน​ไม่​ให้​ทั้งสอง​รู้สึก​ไม่พอใจ​ไปมา​กก​ว่านี​้​ ​หนึ่ง​ใน​นั้น​ยก​ถ้วย​ของ​ตัวเอง​ขึ้น​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ ​”​ท่าน​ทั้งสอง​เดินทาง​มา​ไกล​ ​คงจะ​เหนื่อย​ใช่​หรือเปล่า​”

“​ไม่ได้​เหนื่อย​ถึง​เพียงนั้น​ ​แต่​เมืองหลวง​กลับ​ไม่ได้​ครึกครื้น​เหมือน​อย่างที่​คน​เขา​เล่าลือ​กัน​ ​ตอนที่​พวกเรา​เข้ามา​ใน​เมือง​ ​ดูเหมือน​จะ​ไม่​ค่อย​มีพ​่อ​ค้า​เร่​มาก​นัก​”​ ​ทูต​ยิ้ม​อย่าง​เสียดสี​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​กำลัง​ดูถูก​จักรวรรดิ​จ้าน​หลง​อยู่​อย่าง​อ้อม​ๆ​ ​ด้วย​การ​บอกว่า​มัน​ไม่ได้​ยิ่งใหญ่​ตามที่​ลือ

เหล่า​เสนาบดี​ย่อม​เข้าใจ​ความนัย​ที่ซ่อน​อยู่​ใน​คำพูด​ของ​เขา​ได้​อย่างชัดเจน​ ​แต่​พวกเขา​ก็​กลัว​จะ​ทำลาย​สันติสุข​หาก​โต้ตอบ​กลับ​ไป​ ​ดังนั้น​พวกเขา​จึง​ทำได้​แค่​ยิ้ม​และ​แสร้งทำ​เหมือน​ไม่เข้าใจ​เท่านั้น

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ยังคง​มีสี​หน้า​ไร้อารมณ์​ ​เขา​เพียง​ยิ้ม​ออกมา​ ​แล้ว​ดื่มเหล้า​องุ่น​จาก​ถ้วย​ของ​ตัวเอง​ ​จากนั้น​จึง​เหลือบมอง​ไป​ทาง​เสนาบดี​คน​หนึ่ง

จู่ๆ​ ​เสนาบดี​คน​นั้น​ก็​รู้สึก​เย็นวาบ​ไป​ถึง​กระดูกสันหลัง

“​ในเมื่อ​ใต้เท้า​เก๋อ​ไม่​สามารถ​ตอบคำถาม​นี้​ได้​…​”​ ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​เล่น​กับ​ถ้วย​กระเบื้องเคลือบ​สีขาว​ใน​มือ​ตัวเอง​ ​แล้ว​เอ่ย​อย่าง​เยือกเย็น​ว่า​ ​”​เช่นนั้น​ก็​คง​ไม่มี​ความจำเป็น​ให้​เขา​เข้าร่วม​งานเลี้ยง​นี้​อีก​ ​พาตัว​ไป​”

คำพูด​สาม​คำ​สุดท้าย​ทำให้​ท้องพระโรง​จม​สู่​ความ​หนาวเย็น

นักการทูต​ทั้งสอง​คน​ตกตะลึง​ ​พวกเขา​ลืม​สิ่ง​ที่​ตัวเอง​ควร​พูด​และ​สิ่ง​ที่​ควร​ทำต่อ​จากนี้ไป​เสีย​สนิท

ใต้เท้า​เก๋อ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​รู้​ถึง​ความผิดพลาด​ของ​ตัวเอง​เลย​ด้วยซ้ำ​ ​แต่​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​ถูก​องครักษ์​เงา​ที่​ปรากฏตัว​ขึ้น​คว้า​หมวก​ขนนก​ที่อยู่​บน​ศีรษะ​ออก​ ​เขา​จึง​ส่งเสียง​ร้อง​ขึ้น​ว่า​ ​”​องค์​ชาย​ ​องค์​ชาย​!​”

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ไม่​ประหลาดใจ​กับ​ผลลัพธ์​เมื่อ​นาง​ได้ยิน​เรื่อง​นั้น​ ​ทูต​สอง​คน​นั้น​มี​เจตนาร้าย​ ​แต่​ใต้เท้า​เก๋​อก​ลับ​พยายาม​ประจบ​เอาใจ​พวกเขา​ ​เรื่อง​นี้​ถือว่า​เป็นการ​สร้าง​ความอับ​อาย​ให้​กับ​จักรวรรดิ​จ้าน​หลง​ ​องค์​ชาย​ย่อม​เอาชีวิต​เขา​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ยังคง​มีสี​หน้า​ไร้อารมณ์​ ​แต่​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​กลับ​ยัง​มี​รอยยิ้ม​ต้อนรับ​ค้าง​อยู่​เช่นนั้น​ ​ราวกับ​การ​พราก​ชีวิต​ของ​ใคร​สัก​คน​ไม่ใช่​เรื่องใหญ่​สำหรับ​เขา​แต่อย่างใด

ทูต​ทั้งสอง​จับต้นชนปลายไม่ถูก​ ​พวกเขา​คิด​กับ​ตัวเอง​ว่า​ ​ทำไม​องค์​ชาย​สาม​ถึง​ทำ​อะไร​แปลก​เช่นนี้

ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​ที่นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​ยัง​ตระหนักถึง​เจตนาร้าย​ที่ซ่อน​อยู่​ไม่ได้​ ​พวกเขา​จึง​หัวเราะ​ร่วน​พร้อมกับ​เอ่ย​ว่า​ ​”​คง​เป็น​เพราะ​ปัญหา​เรื่อง​ผนึก​ที่​พวกเขา​ไม่​สามารถ​แก้​ได้​กระมัง​ ​เมืองหลวง​จึง​ได้​ดูร​้าง​ผู้คน​เช่นนี้​”

หลิว​อวี​้​เห็น​ว่า​บทสนทนา​ชัก​ฟัง​ดู​ไม่​เข้าที​ ​ใบหน้า​ของ​เขา​เริ่ม​เปลี่ยนสี​ด้วย​ความโกรธ​ ​ทุกอย่าง​เป็น​เพราะ​ใต้เท้า​เก๋อ​ ​เมื่อกี้​เขา​ทำให้​พวกเขา​เสียเปรียบ​ ​และ​ทำให้​คู่ต่อสู้​นำหน้า​ไป​ก้าว​หนึ่ง

ทูต​ทั้งสอง​หัวเราะ​เสียงดัง​ ​และ​กำลังจะ​พูด​อะไร​ขึ้น

แต่​ทันใดนั้น​ ​พวกเขา​ก็ได้​ยิน​ใครคนหนึ่ง​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​”​เจ้า​เจ็ด​ ​บอก​พวกเขา​ที​สิว​่า​ทำไม​เวลานี้​บน​ถนนหนทาง​ใน​เมืองหลวง​จึง​ไม่​ค่อย​มี​คน​มาก​นัก​”

เมื่อ​เหล่า​เสนาบดี​ได้ยิน​ดังนั้น​ ​พวกเขา​ก็​หันหน้า​ไป​มอง​ยัง​ต้นเสียง​ทันที​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​เท้าคาง​อยู่​ตรงนั้น​ ​นาง​ยิ้ม​ออกมา​อย่าง​เกียจคร้าน​พร้อมกับ​ดวงตา​ดำทะมึน

เด็กชาย​ตัว​น้อย​ถือ​ซาลาเปา​เนื้อ​เอาไว้​ใน​มือ​พลาง​ตอบ​อย่างเป็นธรรม​ชาติ​ว่า​ ​”​อากาศ​หนาว​เช่นนี้​ใคร​จะ​ยังอยู่​ข้างนอก​ได้​ล่ะ​ขอรับ​ ​พวกเขา​ล้วนแต่​ทำการค้า​กัน​อยู่​ใน​หอน​้ำ​ชาต​่าง​หาก​ ​เรื่อง​ง่ายๆ​ ​เช่นนี้​พวกเขา​ก็​ยัง​ไม่รู้​หรือ​ขอรับ​ ​เสียเวลา​พวกเรา​จริงๆ​”

เมื่อ​ได้ยิน​ดังนั้น​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ก็​รีบ​แสร้งทำ​เป็น​ดุ​คน​ตัวเล็ก​ ​นาง​เอ่ย​ว่า​ ​”​เจ้า​เจ็ด​ ​ข้า​สอน​เจ้า​กี่​ครั้ง​แล้ว​ว่า​อย่า​ดูถูก​เมือง​อื่น​เพียง​เพราะ​พวกเขา​เป็น​เมือง​เล็ก​กว่า​ ​อ่อนแอ​กว่า​ ​และ​ด้อย​ความรู้​กว่า​เรา​ ​เรา​ควร​หัด​ใจกว้าง​ให้​มากกว่า​นี้​”

“​ข้า​รูปหล่อ​และ​ใจกว้าง​อยู่​แล้ว​ขอรับ​”​ ​องค์​ชาย​เจ็ด​ตัว​น้อย​พยักหน้า​ตอบ​ ​เขา​ดู​ว่าง่าย​ยิ่งนัก​ระหว่าง​ที่​กล่าวว่า​ ​”​ข้า​จะ​ไม่​ล้อ​พวกเขา​ขอรับ​”

ทูต​ทั้งสอง​พูดไม่ออก​เพราะ​ไม่​อยาก​เชื่อ​ใน​สิ่ง​ที่​ได้ยิน

คน​พวก​นี้​อ้างว่า​ตัวเอง​เป็น​คน​ใจกว้าง​ด้วย​การ​บอกว่า​เมือง​ของ​พวกเรา​เป็น​เมือง​เล็ก​ๆ​ ​และ​อ่อนแอ​หรือ

พวกเขา​กำลัง​ดูถูก​พวกเรา​ทางอ้อม​อยู่​มิใช่​หรือ

แต่​พวกเขา​กลับ​ยัง​บอกว่า​ไม่ได้​ล้อเลียน​เรา​อย่างนั้น​หรือ​!

ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​ทุกคน​โมโห​จน​แทบจะ​ลุกขึ้น​ยืน

ทูต​ทั้งสอง​ห้าม​พวกเขา​เอาไว้​ก่อน​ ​และ​สั่ง​ด้วย​น้ำเสียง​ทุ้ม​ลึก​ว่า​ ​”​อย่า​ทำ​อะไร​บุ่มบ่าม​”

“​เรา​จะ​ปล่อย​ให้​พวกเขา​พูด​เช่นนั้น​ตามอำเภอใจ​หรือ​ขอรับ​”​ ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​โกรธ​จน​ควัน​ออก​หู​เพราะ​พวกเขา​ไม่เคย​ได้รับ​การปฏิบัติ​เช่นนี้​จาก​ใคร​มาก​่อน

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​มอง​ภาพ​นั้น​จาก​จุด​ที่สูง​ที่สุด​ ​นาง​หัวเราะ​เสียง​เบา​พลาง​ถาม​อย่าง​เสียดสี​ว่า​ ​”​ทูต​ทั้งสอง​เป็น​อะไร​ไป​หรือ​ ​ทำไม​ทุกคน​ถึง​จะ​ยืน​ขึ้น​ล่ะ​”

เหล่า​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​กัดฟัน​กรอด​อย่าง​เดือดดาล​ ​แล้ว​คิด​กับ​ตัวเอง​ว่า​ ​เห็น​ไหม​!​ ​ท่าน​เห็น​แล้ว​นี่​ว่า​เป็น​อย่างไร​!​ ​ผู้หญิง​คน​นี้​มาจาก​ไหน​ ​นาง​กล้า​พูดจา​กวนประสาท​เช่นนี้​ได้​อย่างไร​!

“​มีปัญหา​อะไร​กับ​สิ่ง​ที่​เจ้า​เจ็ด​พูด​ไป​เมื่อครู่นี้​อย่างนั้น​หรือ​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​หยิบ​ถ้วย​ชา​ที่อยู่​ข้าง​มือขึ้น​มา​ ​แล้ว​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​สบาย​ๆ​ ​ว่า​ ​”​เขา​ยัง​เด็ก​และ​ไร้เดียงสา​ ​เมือง​ของ​พวก​ท่าน​รับมือ​กับ​ทุก​ปัญหา​ด้วย​การ​ใช้​ขันติ​ ​พวก​ท่าน​คง​ไม่​คิด​ที่จะ​โต้เถียง​กับ​เด็ก​เพียง​คนเดียว​หรอก​ใช่ไหม​”

“​ไม่​ ​ไม่มีทาง​อยู่​แล้ว​!​”​ ​ทูต​ทั้งสอง​เอ่ย​ขึ้นเสียง​ลอด​ไรฟัน

แต่​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​เหล่านั้น​กลับ​ไม่​คิด​ที่จะ​ปล่อย​ให้​เรื่อง​นี้​ผ่าน​ไป

ทูต​ตำหนิ​พวกเขา​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​”​เจ้า​คิด​จะ​หาเรื่อง​กับ​เด็ก​จริงๆ​ ​หรือ​ ​พวก​เจ้า​ไม่ได้​ยิน​หรือว่า​นาง​จงใจ​ใช้​คำ​ว่า​ ​’​ขันติ​’​ ​กับ​เรา​ ​หาก​ยัง​เป็น​เช่นนี้​ต่อไป​ ​คนที​่​จะ​ต้อง​ขายหน้า​ก็​คือ​พวกเรา​เอง​!​”

มือ​ของ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​กำ​แน่น​ ​แต่​พวกเขา​ทำได้​เพียงแค่​นั่ง​กลับ​ลง​ไป​ด้วย​สีหน้า​ไม่พอใจ​อย่างมาก

ผู้แทน​ทั้งสอง​ก็​รู้สึก​ไม่สบายใจ​เช่นกัน​ ​เดิมที​นั้น​พวกเขา​ต้องการ​ใช้​โอกาส​นี้​เพื่อ​ดูถูก​อีก​ฝ่าย​ ​แต่​พวกเขา​ไม่เคย​คิดมาก​่อน​เลย​ว่า​สุดท้าย​ฝ่าย​ที่​โดน​ดูถูก​จะ​เป็น​พวกเขา​เอง​!

แต่​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​เรื่อง​จะ​ยัง​ไม่​จบ

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​มอง​หนึ่ง​ใน​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​ ​และ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​”​เมื่อครู่นี้​เจ้า​จ้องหน้า​เจ้า​เจ็ด​ของ​พวก​ข้า​หรือ​”

ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คน​นั้น​ทำเป็น​ไม่ได้​ยิน​นาง​ ​เขา​แค่น​เสียง​ออกมา​อย่าง​เย็นชา

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​เหยียด​ยิ้ม​อย่าง​ช้าๆ​ ​จากนั้น​จึง​บอกว่า​ ​”​ขอโทษ​เขา​เสีย​”

“​ท่าน​ว่า​อะไร​นะ​…​”

ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คน​นั้น​กำลังจะ​ขึ้นเสียง​ใส่​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ ​แต่​นาง​กลับ​ขัด​เขา​ขึ้น​เสียก่อน​ ​”​ใต้เท้า​หวัง​ ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คน​นี้​เป็น​พลเมือง​ของ​เมือง​หวง​จื่อ​ ​เมือง​ของ​ท่าน​ไม่ได้​อบรม​เขา​หรือว่า​เขา​ควรจะ​แสดง​กิริยามารยาท​ให้​เหมาะสม​เมื่อ​พบ​คนที​่​มี​ฐานะ​ต่าง​จาก​เขา​ ​เจ้า​เจ็ด​เป็น​องค์​ชาย​ลำดับ​ที่​เจ็ด​ของ​จักรวรรดิ​จ้าน​หลง​ ​ดังนั้น​ฐานะ​ของ​เขา​ย่อม​สูง​กว่า​เขา​มาก​ ​แต่​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คน​นี้​กลับ​ทำตัว​ยโส​โอหัง​ยิ่งนัก​ ​คนที​่​ไม่​ประพฤติ​ตัว​ตาม​กฎระเบียบ​ใน​จักรวรรดิ​จ้าน​หลง​ย่อม​มี​จุดจบ​เพียง​อย่าง​เดียว​เท่านั้น​ ​นั่น​ก็​คือ​…​ ​ความตาย​”

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​พูด​คำ​สุดท้าย​ออกมา​ด้วย​รอยยิ้ม

ทูต​จาก​เมือง​หวง​จื่อ​ตกตะลึง​จน​ทำ​อะไร​ไม่​ถูก

ดวงตา​ของ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คน​นั้น​ลุกโชน​ด้วย​เพลิง​โทสะ

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​พูด​ต่อ​อย่าง​ไม่แยแส​ว่า​ ​”​แน่นอน​ว่า​กฎระเบียบ​ใน​แต่ละ​เมือง​ย่อม​มี​ความแตกต่าง​กัน​ ​ในเมื่อ​ท่าน​มาที​่​นี่​ใน​ฐานะ​แขก​ ​ข้า​จึง​ไม่รู้​ว่า​เมือง​ของ​ท่าน​อบรมสั่งสอน​พลเมือง​ของ​ตัวเอง​เช่นใด​ ​แต่​อย่างน้อย​ประชาชน​ใน​จักรวรรดิ​จ้าน​หลง​ก็​ไม่​รังแก​เด็ก​”

ทูต​คน​นั้น​ตอบ​ว่า​ ​”​เมือง​หวง​จื่อ​ของ​เรา​ก็​ไม่​…​”

“​เจ้า​เจ็ด​ของ​พวก​ข้า​เป็น​คน​ขี้กลัว​ ​ช่วยไม่ได้​ถ้า​เขา​จะ​รู้สึก​กลัว​พวก​ท่าน​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ไม่​คิด​ที่จะ​ฟัง​เขา​ ​หลังจากที่​นาง​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​เหลือบมอง​ไป​ทาง​เด็กชาย​ตัว​น้อย

เด็กชาย​ตัว​น้อย​ก้ม​ศีรษะ​ลง​อย่างรวดเร็ว​พลาง​ใช้​มือ​เล็ก​ๆ​ ​นั้น​ขยี้ตา​ตัวเอง​ ​ไหล่​ของ​เขา​เริ่ม​สั่น​น้อย​ๆ​ ​ท่าทาง​ราวกับว่า​ ​‘​โลก​ทั้ง​ใบ​ทำร้าย​ข้า​’​ ​ของ​เขา​ดู​น่าสงสาร​ทีเดียว

ดวงตา​ของ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​เบิก​กว้าง​ ​เมื่อ​..​ ​เมื่อครู่นี้​เด็ก​คน​นี้​ยัง​ไม่เห็น​กลัว​เขา​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​เขา​จะ​เปลี่ยนสี​หน้า​เร็ว​เกินไป​แล้ว​!

“​เฮ้อ​ ​ดูเหมือน​เขา​จะ​ร้องไห้​เสีย​แล้ว​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ถอนหายใจ​ยาว​ ​แล้ว​อุ้ม​เด็กชาย​ขึ้น​พร้อมกับ​ปลอบ​เขา​ว่า​ ​”​อย่า​ร้องไห้​ไป​เลย​ ​เจ้า​เจ็ด​ ​ใต้เท้า​หวัง​รู้ดี​ว่า​เขา​ต้อง​ทำ​เช่นใด​”

ใบหน้า​ของ​ใต้เท้า​หวัง​ซีด​จน​ไร้​สี​ ​กล้ามเนื้อ​ที่​ขากรรไกร​ล่าง​ของ​เขา​กระตุก​อย่างรุนแรง​ ​พร้อมกันนั้น​เขา​ก็​กำมือ​แน่น​ ​แล้ว​คำราม​ลั่น​ด้วย​น้ำเสียง​ทุ้ม​ลึก​ว่า​ ​”​เยว​่​ลู่​!​ ​ขอโทษ​องค์​ชาย​เจ็ด​ซะ​!​”

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก นักรบหญิงย้อนเวลามาเจอสังคมอุดมพลังปราณ…และองค์ชายสายคลั่งรัก!

“เจ้าต้องรับผิดชอบ”

“ก็ได้ ท่านต้องการให้ข้ารับผิดชอบอย่างไรหรือ อย่าบอกนะว่าท่านอยากให้ข้าแต่งงานด้วย”

“แต่งงานหรือ…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจับคางของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างหยอกล้อ

“ไหนๆ เราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ลองมาตรวจสอบเรื่องนี้กันก่อนดีไหม…

ไปเตรียมห้อง!”

เฮ่อเหลียนเวยเวย ราชินีนักรบแห่งศตวรรษที่ 21 ย้อนเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูใหญ่ชื่อเดียวกัน

ย้อนมาวันแรกก็พบว่านางถูกยกเลิกงานแต่งงาน ทั้งยังเจอแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาหมายหัวเอาชีวิต

ทั้งยังต้องพบว่า โลกนี้วัดค่าของคนด้วยพลังลมปราณ ทว่าร่างนี้ไม่มีลมปราณ จึงถูกเรียกว่า ‘นังคนไร้ค่า’

แต่จู่ๆ โชคชะตาให้นางได้บังเอิญพบหนังสือโบราณ ทำพันธะสัญญากับคนหูหมาป่า ทั้งยังมีหนังสือเรียกตัวจากสำนักไท่ไป๋

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบุรุษรูปงามที่ใครต่างก็เกรงใจ นาม ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ไล่ตามนางไปทุกที่

เพราะในเมื่อนางเคยขโมยจูบแรกเขามา และเขาก็คือบุรุษหน้ากากเงินที่นางเคยพบมาก่อน

ชีวิตใหม่นี้มีของดีอยู่ในมือ จะแกร่งขึ้น จะแก้แค้น จะร้ายกว่าเดิมจนทั่วหล้าต้องตกตะลึง นางไม่เคยกลัว!

กลัวเพียงอย่างเดียว… เขาคนนั้นจะไม่คืนชีวิตสุขสงบให้นาง เล่นไล่จับมันเหนื่อยมากนะรู้ไหม?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท