อีกอย่างซูชีก็มีแผนการของตนเอง คนที่อยู่เบื้องหลังแอบซ่อนตัวไว้ลึกมากไม่ใช่หรือ ไม่ยอมออกมาไม่ใช่หรือ เช่นนั้นวันนี้พวกเขาจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตสักหน่อย! ดูสิว่าคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังจะสามารถนิ่งอยู่ได้อีกไหม!
เสี่ยวเอ้อร์เห็นสภาพเหตุการณ์ที่ยากเกินจะควบคุม ก็ร้อนรนทันที! และไม่ได้มีท่าทางการใช้อำนาจบาตรใหญ่อีก! แต่รีบหมุนตัววิ่งไปยังลานด้านหลังแทน!
สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เขาที่เป็นบ่าวคนหนึ่งจะควบคุมได้! ต้องเชิญเจ้าของภัตตาคารมาแล้ว!
ซูชีจับตามองความเคลื่อนไหวของเสี่ยวเอ้อร์ตลอด เมื่อเห็นเสี่ยวเอ้อร์หมุนตัวห้อตะบึงไปยังลานด้านหลัง ซูชีก็ให้ซูซูหยุดมือ
ซูซูเบ้ปาก นางกำลังสนุกกับการพังข้าวของ ทำไมถึงได้บอกให้หยุดเสียล่ะ?
แต่กลับไม่ลืมเดินไปร้องขอความดีความชอบตรงหน้าซูชี!
“ซูชี เจ้าว่าข้าลงมือเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อต้องเผชิญกับสตรีที่ยิ้มสดใสตรงหน้า ในใจซูชีก็รู้สึกซับซ้อนมาก
จะบอกว่าไม่ซาบซึ้งใจ เช่นนั้นเขาคงกลายเป็นเดรัจฉานแล้วจริงๆ
แต่ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อซูซูนั้นซับซ้อนมาก
มีทั้งมิตรภาพของการร่วมสงครามต้านศัตรู แต่กลับไม่อยากพัฒนาความสัมพันธ์กับนางมากเกินไปกว่านี้ ทุกครั้งเขาล้วนเตือนตนเองว่าอย่าให้ตนเองก้าวเท้าเข้าไปจนต้องตกอยู่ในสภาพที่ถอนตัวออกมาไม่ได้ อีกทั้งสตรีเฉกเช่นท่านหญิงซูซูก็คู่ควรที่จะมีคนที่ดีกว่านี้มาดูแล ส่วนเขา ซูชี…
ส่วนเขา ซูชีนั้นไร้หัวใจที่สมบูรณ์ดวงหนึ่งแล้ว จะคู่ควรกับท่านหญิงซูซูได้อย่างไร
“อืม…” เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา ถือว่าเป็นการตอบรับ
ซูซูพลันหดหู่ใจ…
นางก็แค่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนซูชีเท่านั้นเอง!
เพราะสมองของนางไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก ไม่รู้ว่าจะใช้สติปัญญามาแบ่งเบาความทุกข์ซูชีอย่างไร ที่ทำได้ก็มีเพียงแค่เฝ้าอยู่ข้างกายเขาเงียบๆ แบบนี้เท่านั้น
แต่…ซูชีดูเหมือนว่าจะไม่ต้องการให้นางทำแบบนี้
ท่านหญิงซูซูที่ยืนอยู่อีกด้าน ก้มหน้ามองปลายเท้าตนเองด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
นางไม่เคยคิดจริงๆ ว่าจะรีบร้อนทำให้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้น! ในใจท่านหญิงซูซู ก็รู้ว่าซูชี คนผู้นี้เป็นคนที่รักลึกซึ้งยาวนาน เมื่อมีคนที่ชอบในใจแล้ว บางทีชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจลบออกไปได้!
นาง..นาง…
“เจ้าทำได้ดีมาก!” ในตอนที่ซูซูรู้สึกแย่ เหนือศีรษะก็มีเสียงอบอุ่นของซูชีดังลอยมา นางเงยหน้าขึ้นอย่างอดไม่ได้ จึงเห็นซูชีมองมาทางนางด้วยใบหน้าอ่อนโยน
ในใจพลันอบอุ่นเบิกบาน!
ซูชี…
ซูชีก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอันใดไป
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าในใจบอกกับตนเองว่า อย่าได้ไม่อาจฝืนทน ต้องปฏิบัติต่อซูซูอย่างใจร้าย แบบนี้ถึงจะทำให้ซูซูตัดใจ ทำให้นางเบนความสนใจไปจากตนเอง
แต่กลับทนเห็นใบหน้าเศร้าโศกเสียใจของนางไม่ได้อย่างน่าประหลาด กระทั่งนางรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เขาก็ไม่อาจทนได้
หลังจากส่งเสียงปลอบใจซูซูไป เขาก็อดด่าตนเองว่าเลอะเลือนไม่ได้!
ในตอนที่จะแข็งใจเตรียมทำสีหน้าเฉยชาใส่ซูซูอีกครั้ง ก็พลันได้ยินเสียงตะคอกด้วยความโมโหที่ดังมาจากลานด้านหลัง!
“พวกเลวทรามต่ำช้าที่ไหนถึงกับกล้ามาก่อเรื่องในภัตตาคารตระกูลซูของข้า! ไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่หรือไม่”
ซูชีได้ยิน ใบหน้าเย็นชาที่เดิมจะทำใส่ซูซู ก็แสดงต่อคนที่มาปรากฏตัวแทน!
เห็นเพียงแค่บุรุษวัยกลางคนสวมชุดหวาฝูทอจากผ้าดิ้นสีน้ำเงินดำคนหนึ่งเดินเข้ามาจากลานด้านหลัง รูปร่างสูงใหญ่ สามารถกล่าวได้ว่าอุดมสมบูรณ์ ใบหน้าเจ้าเนื้อนั่นมองดูแล้วเหมือนไม่ใช่เจ้าของภัตตาคาร แต่เหมือนคนฆ่าสัตว์ยิ่งกว่า!
ถูกต้อง! นี่ก็คือเจ้าของภัตตาคาร!
ซูชีเดาไม่ผิดเลย ก่อนที่เขาจะรับช่วงต่อภัตตาคารแห่งนี้ บุรุษผู้นี้เป็นคนฆ่าสัตว์ที่ค้าขายสุกรจริงๆ! ทว่าเป็นเพราะว่าอาศัยสายสัมพันธ์ทางญาติพี่น้องที่เป็นพ่อบ้านของตระกูลซูในอำเภอเฟ่ย ถึงได้คว้าตำแหน่งที่หาผลประโยชน์ใส่ตัวมากมายขนาดนี้มาได้!
คนผู้นี้แซ่จู!
เจ้าของภัตตาคารจูเดินเข้ามาในโถงด้านหน้าด้วยสีหน้าโมโห หลังจากเห็นสภาพของที่ระเกะระกะทั่วพื้น ก็ปวดใจจนแทบจะเป็นลมไปทันที!
เพื่อที่จะแสดงความร่ำรวยและวิสัยทัศน์ของตนเอง สิ่งของที่เขาจัดแสดงไว้ในห้องโถงใหญ่ทั้งหมดร้อยทั้งร้อยล้วนเป็นของจริง!
ของล้ำค่าในสายตาเขาพลันถูกคนทำเสียหาย จนถึงขั้นที่บางส่วนไม่เหลือแม้แต่ซาก แล้วจะให้เจ้าของภัตตาคารจูรับได้อย่างไร
“พวกเจ้า…พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว! พวกเจ้า! คุมตัวพวกเขาเอาไว้ให้หมด แล้วส่งไปคุกใหญ่ของอำเภอ! ข้าจะทำให้พวกเขาออกมาไม่ได้ชั่วชีวิต!”
เจ้าของภัตตาคารจูตะคอกด้วยความโมโห โบกมือให้อันธพาลและองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังก้าวเข้าไปจับพวกซูชี!
ลิ่วล้อพวกนั้นช่างเชื่อฟังเสียจริง หลังจากได้รับคำสั่งจากเจ้าของภัตตาคารจูแล้ว ก็กรูกันเข้ามาทั้งหมด โดยล้อมซูชี ซูซู และจ้าวเฟยลู่ ทั้งสามคนเอาไว้ตรงกลาง!
“เจ้าของภัตตาคาร! เดิมพวกเขามีกันสี่คน! แต่ตอนนี้เหลือแค่สามคน! หนีไปแล้วคนหนึ่ง!” เสี่ยวเอ้อร์ที่วิ่งไปรายงานที่ลานด้านหลังเห็นจำนวนคนไม่ถูกต้อง ก็มองไปทางเจ้าของภัตตาคารด้วยสีหน้าตระหนกใจ!
เพี๊ยะ!
สิ่งที่ได้รับกลับเป็นฝ่ามือของเจ้าของภัตตาคารจู!
พลังเยอะมากจนถึงขั้นทำให้เสี่ยวเอ้อร์หงายหลัง เลือดรินไหลออกมาจากมุมปาก ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมเป่งทันที!
เหตุการณ์นี้ไม่ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากคนอื่น ท่านหญิงซูซูถึงขั้นซ้ำเติมอย่างรุนแรง! “สมน้ำหน้า!”
จะไม่สมน้ำหน้าได้อย่างไร เมื่อครู่ยังมีสีหน้าหยิ่งผยอง แสดงท่าทีว่าข้าเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าอยู่เลย? ตอนนี้เสี้ยวพริบตาก็กลายเป็นสุนัขเสียแล้ว ความแตกต่างนี้ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์เกือบจะตบมือชื่นชม!
หลังจากเจ้าของภัตตาคารจูสะบัดฝ่ามือใส่เสี่ยวเอ้อร์แล้ว ก็หันไปมองพวกซูชี นัยน์ตาที่ถูกเนื้อบนใบหน้าอวบอูมเบียดจนเหลือขีดหนึ่งเต็มไปด้วยความร้ายกาจ!
“หากว่าวันนี้ข้าไม่จัดการพวกเจ้า พวกเจ้าก็ไม่รู้ว่าไม่สมควรมีเรื่องกับผู้อื่น!”
วาจานี้ทำให้ท่านหญิงซูซูทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา…
“เจ้าของภัตตาคารสามารถบอกกับพวกข้าหรือไม่ว่า อย่ามีเรื่องกับผู้ใดกันแน่?”
เจ้าของภัตตาคารจูหัวเราะเสียงเย็น “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องอวดอ้างความสามารถกับข้าที่นี่! อีกครู่หนึ่งข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็น ความเก่งกาจของข้า! ลุย!”
สิ้นเสียง อันธพาลที่ล้อมอยู่ตรงหน้าทุกคนก็กรูกันเข้ามา!
ลิ่วล้อกับจอมยุทธ์ ผลลัพธ์ที่ได้คืออันใด
ภายในระยะเวลาอันสั้น พวกซูชีสามคนยังคงยืนอยู่ตรงกลางด้วยท่วงท่าสง่างาม ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยขยับเลย!
ส่วนกลุ่มคนที่บอกว่าเป็นอันธพาล ทั้งหมดล้วนนอนโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น!
ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เสี่ยวเอ้อร์ที่จะรู้สึกว่าพวกเขาเจอของแข็งเข้าแล้ว กระทั่งเจ้าของภัตตาคารก็คิดแบบนั้นเช่นกัน!
นับตั้งแต่เขารับช่วงต่อภัตตาคารจนถึงตอนนี้ หลอกคนมานับไม่ถ้วน! แต่ส่วนใหญ่ล้วนยอมรับความพ่ายแพ้ จ่ายเงินเป็นอันจบเรื่อง! แม้ว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งคนสองคนเคยต่อต้าน และดิ้นรน แต่สุดท้ายกลับยังคงพ่ายแพ้ในเงื้อมมือพวกเขา!
ทว่าตอนนี้…เรื่องนี้จัดการได้ยากอยู่บ้าง!
“พวกเจ้า…พวกเจ้าบังอาจยิ่งนัก! กลางวันแสกๆ ถึงกับกล้าทำร้ายร่างกาย!”
ซูชียิ้มเย็น “ข้าขึ้นเหนือล่องใต้ ไปมาจนทั่วมานานหลายปีขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินประโยคกลับผิดเป็นถูกแบบนี้! ทำไม? เอ่ยไปเอ่ยมาหากพวกเจ้าทำร้ายพวกข้านั่นเป็นเรื่องถูกต้อง พวกข้าโต้กลับเป็นการทำชั่ว ทำร้ายร่างกายเช่นนั้นหรือ?”