ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์ไม่ได้หวาดกลัวต่อคำพูดของนางเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะนางเตรียมตัวมาล่วงหน้าแล้ว! แม้ในดวงตาคู่นั้นจะมีน้ำตาคลอหน่วย แต่นางก็ยืนหลังเหยียดตรงและไม่คิดที่จะถอย ”ข้าชอบเขา และข้ารับได้เจ้าค่ะที่เขามีท่านอยู่แล้ว หากเพื่อเขาแล้ว ข้ายินยอมทำทุกอย่างเจ้าค่ะ!”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ ผู้คนส่วนมากที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้สึกประทับใจอย่างยิ่งกับความรักอันลึกซึ้งของหญิงสาว
สำหรับองค์หญิงพระองค์หนึ่งแล้ว การยอมลดตัวลงมาถึงขั้นนี้ไม่ต่างอะไรไปจากการยอมสังเวยตัวเอง
ยิ่งกว่านั้น ในเวลานี้น้ำตาที่อยู่ในดวงตาของซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์ก็จวนจะร่วงลงมาเต็มที ภาพนี้ยิ่งทำให้หัวใจของหลายคนอ่อนยวบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจของบุรุษทั้งหลาย
เฮ่อเหลียนเวยเวยกวาดสายตามองผู้ชมเหล่านั้นคร่าวๆ นางเข้าใจความคิดของพวกเขาได้ทันที มุมปากของนางกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา ”เจ้าคิดจะใช้คำว่ารักมาพูดกับข้าหรือ โลกเรามีความรักอยู่หลายรูปแบบ บางคนเต็มใจสังเวยตัวเองเพื่อความรัก บางคนเพียงแรกพบสบตากับใครคนหนึ่งก็สามารถตกอยู่ในห้วงแห่งรักได้ชั่วชีวิต อีกทั้งยังมีบางคนที่พยายามทำทุกสิ่งเพื่อปกป้องคนคนนั้นโดยไม่สนใจว่าใครคนอื่นจะพูดอย่างไร แต่รูปแบบความรักเหล่านี้ไม่เคยกล่าวถึงการทำลายความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วของใคร หรือการเข้ามาแทรกแซงความสุขของผู้อื่น”
“ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์ ข้าจะช่วยทำให้เจ้าตื่นเต็มตาแทนที่พี่ชายที่คงไม่ได้ช่วยอบรมเจ้าอย่างเหมาะสมผู้นั้นก็แล้วกัน สิ่งที่เจ้าเรียกว่าความรักนั้น แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่าการพยายามเข้าไปแทรกแซงความสัมพันธ์ของคนอื่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก ฮ่าๆ เจ้าบอกว่าเจ้ารับได้ที่เขามีข้าอยู่แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้าจริงๆ ที่กล้าประกาศเรื่องนั้นออกมาได้อย่างหน้าด้านๆ ว่าเจ้าไม่คิดว่าการทำลายครอบครัวคนอื่นเป็นสิ่งผิด!”
ประโยคสุดท้ายของเฮ่อเหลียนเวยเวยจี้ใจดำของซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์เข้าอย่างจัง และความอับอายก็ค่อยๆ กระจายไปทั่วใบหน้าของนาง ตัวของนางเริ่มสั่นจากความเดือดดาลที่ก่อตัวอยู่ภายใน มันทำให้นางรู้สึกเหมือนกับปอดทั้งสองกำลังจะระเบิด นางรู้สึกเหมือนกับถูกรังแก
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายของเมืองเซวียนหยวนไม่คิดที่จะรักษามารยาทอีกต่อไป พวกเขาผุดลุกขึ้นแล้วขึ้นเสียงว่า ”พระชายาสาม โปรดระวังคำพูดของท่านด้วย!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มเล็กน้อย ”อะไรหรือ หน้าด้านพอที่จะทำ แต่หน้าไม่ด้านพอที่จะฟังคนอื่นเอ่ยถึงมันหรือ”
“พระชายาสาม…” ใต้เท้าเฉินยืนอยู่ใกล้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยที่สุด เขาเตือนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงขอร้องว่า ”องค์ชายยังมิได้ตรัสอันใดเลยพ่ะย่ะค่ะ รอดูกันก่อนเถิดว่าเขาคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วสวยของตัวเองขึ้นข้างหนึ่ง ท่าทางของนางเหมือนคนที่เพิ่งจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ ดังนั้นนางจึงหันไปหาเขาพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา ”ใต้เท้าเฉินหมายความว่าองค์ชายควรจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือ”
ใต้เท้าเฉินอยู่ในราชสำนักมาหลายปี และเข้าใจความคิดของเหล่าพระชายาเป็นอย่างดี พวกนางเพียงแค่ต้องการที่จะครอบครองความรักความโปรดปรานทั้งหมดเอาไว้เพียงผู้เดียวด้วยการเกลี้ยกล่อมไม่ให้สามีพาอนุภรรยาคนอื่นเข้ามาในวังหลวง
แต่นางก็ไม่ได้คิดถึงความจริงที่ว่าองค์ชายจะต้องพิจารณาถึงภาพรวมทั้งหมดเช่นกัน ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์เป็นองค์หญิงของเมืองเซวียนหยวน และแม้จะไม่นับรวมถึงเรื่องนี้ นางก็ยังเป็นสาวงามหายากที่มีความรู้สึกอันซื่อตรงต่อองค์ชาย ชายใดเล่าจะสามารถต้านทานนางได้
ใต้เท้าเฉินเปลี่ยนท่าระหว่างที่คิดเช่นนั้น ”การมอบเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้องค์ชายสามเป็นผู้ตัดสินใจย่อมเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ซงเจิ้งเหวินเหรินชำเลืองมองเฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วจึงหันไปสบตากับผู้อาวุโสซวีอู๋ตรงๆ
เมื่อได้รับสัญญาณนั้น ผู้อาวุโสซวีอู๋จึงยิ้มกว้างออกมาทันที เขาก้าวออกมาก้าวหนึ่งพร้อมกับเพิ่มเสียงขึ้นพูดกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าว่า ”องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ หากท่านยอมรับการแต่งงานนี้ ก็ขอทรงได้โปรดแสดงท่าทียินยอมออกมาให้เราเห็นด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินมาว่าแม้การอภิเษกสมรสของท่านจะผ่านมานานแล้ว แต่พระชายาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีทายาทแต่อย่างใด หากท่านชอบสตรีเช่นนาง แน่นอนว่าท่านย่อมสามารถให้นางอยู่เคียงข้างท่านต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ก็อย่างที่ท่านเห็น องค์หญิงอวี้เอ๋อร์คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ดังนั้นนางจึงไม่เคยรับใช้ใครมาก่อน องค์หญิงผู้ทรงเกียรติเช่นนางจะเป็นเพียงแค่พระสนมได้อย่างไร เรายกตำแหน่งพระสนมให้กับคนอื่นจะมิสมเหตุสมผลกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”
คิ้วของเด็กชายตัวน้อยที่นั่งอยู่บนนั้นค่อยๆ ขมวดเข้าหากันขณะที่ฟัง ตาแก่นี่หมายความว่าพี่สะใภ้สามควรเป็นอนุภรรยาหรือ ช่างน่าขันเสียจริง!
“แน่นอนว่าเมื่อได้รับคำตกลงจากองค์ชายสาม ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่านทันทีพ่ะย่ะค่ะ” ผู้อาวุโสซวีอู๋ยิ้มกว้างจนตาหยี เขาเชื่อว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยย่อมไม่ปฏิเสธหากเขาพูดเช่นนี้ เพราะอย่างไรจักรวรรดิจ้านหลงก็คงไม่สามารถเอาตัวรอดได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากเมืองเซวียนหยวน
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เอียงศีรษะพร้อมกับกระตุกยิ้มขึ้น นางใช้นิ้วสางผมยาวของตัวเองงเล่นราวกับไม่ได้กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์ที่ตอนแรกกำลังมีความสุขรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง ความเดือดดาลคุกรุ่นอยู่ในหัวใจของนางพร้อมกับความไม่พอใจนั้น
ดวงตาของนางหม่นแสงลงยามเมื่อจ้องมองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวย ความเย็นชาจากภายในเริ่มแทรกซึมไปทั่วอากาศ นางเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วจะทำไม
นางเป็นถึงองค์หญิงของเมืองเซวียนหยวน ดังนั้นฐานะของนางย่อมสูงกว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นธรรมดา
ยิ่งกว่านั้นนางก็ยังชื่นชมคนคนนั้นมานานแสนนาน ครั้งแรกที่นางได้เห็นเขา นางเห็นเขาจากระยะไกล เท่านั้น และเขาก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ แต่นางก็ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบ
นางรอคอยโอกาสมานานหลายปี
ตอนนี้เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว นางย่อมไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน
อีกอย่าง… ตราบใดที่นางสามารถเข้าไปใกล้ชิดกับคนคนนั้นได้ นางมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่านางจะสามารถทำให้เขาเห็นสิ่งดีๆ ที่อยู่ในตัวนางได้!
ทันทีที่คิดได้เช่นนั้น ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายของนางจับจ้องอยู่ที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่เพิ่งเริ่มจะขยับตัว
ดูเหมือนว่า… ดูเหมือนว่าเขากำลังเดินตรงมาทางนาง…
หัวใจของนางเต้นแรงจนนางได้ยินเสียงของมันอย่างชัดเจน อีกทั้งยังรู้สึกถึงความร้อนปริมาณมากที่กระจายตัวไปทั่วใบหน้าของตัวเองได้ ฟันเฟืองในสมองของซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์เริ่มหมุนระหว่างคิดว่าจะตอบเขาอย่างไรหากเขาพูดกับนาง
ใต้เท้าเฉินที่อยู่ข้างนางหัวเราะขึ้นน้อยๆ แล้วกล่าวว่า ”ดูเหมือนว่าองค์ชายคงจะประทับใจในตัวองค์หญิงเช่นกัน มิฉะนั้นเขาคงไม่เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาท่านด้วยตัวเองเช่นนี้”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา สีแดงบนใบหน้าของซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์ก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้นางรู้สึกว่าความพยายามทั้งหมดของตัวเองช่างคุ้มค่ายิ่งนัก
และไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เดินเข้ามาทางนางจริงๆ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำที่ได้รับการตัดเย็บมาเป็นอย่างดี บนเสื้อตัวนั้นมีดิ้นสีเงินปักเป็นรูปก้อนเมฆอยู่ที่บริเวณแขนเสื้อ มันยิ่งขับเน้นให้เห็นถึงความสง่างามและฐานะสูงส่งแต่กำเนิดของเขา ในมือของเขามีเสื้อคลุมอยู่อีกตัวหนึ่ง ทุกย่างก้าวที่เขาเดินผ่านกลุ่มเสนาบดีเหล่านั้น เสียงพูดคุยของพวกเขาก็พลันเงียบหายไป
บรรดาผู้แทนและผู้ขับไล่วิญญาณร้ายจากเมืองต่างๆ ล้วนแต่รู้สึกได้ถึงน้ำหนักอันหนักอึ้งของอำนาจที่ชายผู้นี้ได้รับสืบทอดมา พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าหากหลุดปากพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว มันจะกลายเป็นการดูหมิ่นชายผู้เป็นดั่งเทพบุตรผู้นี้เอาได้
แต่สิ่งที่แผ่ออกมาจากร่างของเขากลับไม่ใช่บรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว ทว่ากลับมีร่องรอยบรรยากาศแห่งความมืดเต้นเป็นจังหวะอยู่ภายใน
บรรยากาศนี้ที่แผ่ออกมาจากชายผู้หล่อเหลาราวกับปีศาจยิ่งทำให้ทุกคนยากจะละสายตาออกจากเขาได้…
“องค์- องค์ชายสามเพคะ” ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์เอ่ยตะกุกตะกัก น้ำเสียงของนางหวานล้ำ ใบหน้าของนางขึ้นสีแดงก่ำ แต่ทันทีที่นางช้อนตาขึ้นและกำลังจะสบตากับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย...
เสียงเหมือนอะไรหักก็ดังลั่นไปทั่วท้องพระโรง
เสียงนั้นฟังดูเหมือนมีอะไรถูกหักเป็นชิ้นๆ ที่ข้างหูของนาง
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น กลิ่นเลือดก็พลันโชยคลุ้งในอากาศ
“อ๊าก!” ใต้เท้าเฉินร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มือซ้ายของเขากดอยู่บนบริเวณแขนขวาที่ถูกกระชากออก เหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ”อะ องค์ชาย ทำไมกัน? กระหม่อมทำอะไรผิดหรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดท่านถึงได้ทำกับขุนนางผู้ซื่อสัตย์เช่นนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหยียดยิ้ม สายลมพัดชายเสื้อคลุมของเขาสะบัดขึ้น คอเสื้อตั้งตรงที่อยู่บนเสื้อคลุมสีดำของเขาทำมาจากขนสุนัขจิ้งจอกสีเงินเปล่งประกายระยิบระยับยามเมื่อต้องแสงไฟ และขับให้ใบหน้าขาวซีดและงดงามชวนตะลึงของเขายิ่งดูเย็นชายากจะเข้าใกล้ได้มากกว่าปกติ เขาดูเหมือนผู้สูงศักดิ์ที่เพิ่งตื่นขึ้นจากความมืด ทุกการกระทำของเขาล้วนแต่เต็มไปด้วยความสง่างาม ”ขุนนางผู้ซื่อสัตย์หรือ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องเงินหนึ่งล้านตำลึงที่ทูตเมืองเซวียนหยวนให้เจ้าเป็นสินบนเมื่อวานนี้หรือ”
“อะไรนะ?! ใครจะไปคิดว่าใต้เท้าเฉินจะ…” เสียงวิจารณ์เผ็ดร้อนดังขึ้นเบาๆ จากบรรดาเสนาบดีที่จับกลุ่มกันอยู่นั้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีสันบนใบหน้าของใต้เท้าเฉินก็เลือนหายไปทันที ริมฝีปากของเขาเริ่มสั่นระริกด้วยความตกใจ ”องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอธิบายได้ ได้โปรดฟังกระหม่อมก่อนพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย!”
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำเพียงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวของตัวเองออกมาเช็ดเลือดที่เปรอะอยู่บนนิ้วเท่านั้น รอยยิ้มชั่วร้ายของเขายังคงเต็มไปด้วยความสง่างาม จากนั้นเขาจึงเอ่ยว่า ”เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรหรอก สาเหตุที่ข้าจะฆ่าเจ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเงินจำนวนนั้น แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะเจ้ายื่นจมูกเข้ามาในที่ที่ไม่ควรต่างหาก”