บทที่ 635 ทำเป็นผีหลอกเจ้า ขอกระชากหน้ากากลึกลับของหลี่จิ่วเต้า!
เซียวฮุ่ยมิได้เอ่ยวาจา
หมายความว่าอย่างไร นางมีรสนิยมเช่นนี้?
เฟ่ยชงไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางผ่านสิ่งใดมาบ้าง!
หากเฟ่ยชงรู้ เฟ่ยชงคงไม่พูดเช่นนี้
ถูกผู้อื่นขืนใจถึงหนี่งร้อยรอบเชียวนะหนึ่งร้อยรอบ ความทรงจำเยี่ยงนี้ ขยะแขยงเกินจะระลึกถึง!
“ข้าขอให้เจ้าช่วยข้าอีกสักอย่างได้หรือไม่ ขอข้าเชือดสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนฝอก่อน!” เซียวฮุ่ยเอ่ย จิตสังหารแรงกล้า
“อยู่เฉย ๆ เสียเถิด ข้าไม่ต้องการให้มีเรื่องราวใหญ่โต” เฟ่ยชงส่ายหัวปฏิเสธ
เขาอยากรู้มากกว่าว่า เซียวฮุ่ยประสบเรื่องใดในอาณาจักรนี้มาบ้าง ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้
สั่งให้วัวตัวผู้ขืนใจพระเก้าประทีปพุทธเจ้าไม่พอ ยังตั้งใจสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในดินแดนฝออีก เซียวฮุ่ยในภาพจำของเขา มิได้กระหายเลือดปานนี้
ดูท่าชีวิตของเซียวฮุ่ยในอาณาจักรนี้คงจะอนาถาอย่างมาก
“ก็ได้”
เซียวฮุ่ยมิได้เอ่ยมากไปกว่านั้น นางมิได้มีสัมพันธ์ใดกับเฟ่ยชง อีกฝ่ายยอมให้นางจัดการพระเก้าประทีปพุทธเจ้าด้วยตนเองนับว่าดีมากแล้ว
หากนางยังดึงดันต้องการมากกว่านั้น ออกจะไม่รู้จักแยกแยะ รนหาที่ตายไปหน่อย
“เล่ามาสิ เหตุใดเจ้าถึงมาปรากฏตัวในอาณาจักรนี้ อย่าได้คิดปิดบังข้า เจ้าคงรู้ดีว่าด้วยสถานการณ์ของเจ้าในยามนี้ เจ้าปิดบังมิได้”
เฟ่ยชงหันมองเซียวฮุ่ย
“ได้”
เซียวฮุ่ยเล่าทุกอย่างโดยไม่ปกปิด และนางก็ตระหนักดีว่าปกปิดมิได้
“จากที่เจ้าเล่ามา กล่องสี่เหลี่ยมอยู่กับซีอย่างนั้นหรือ”
เฟ่ยชงหรี่ตาลง “เช่นนั้นแล้วหยวนอีเกี่ยวข้องอันใดกับซี”
“แม้ข้าจะมิรู้ว่าพวกนางเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่ต้องเกี่ยวข้องกันแน่นอน! หลังเจอตัวหยวนอี ก็หาตัวซีได้ง่ายขึ้น”
เซียวฮุ่ยเอ่ยบอก
“เจ้ารู้จักหยวนอีแค่ไหน”
เฟ่ยชงถาม
“ไม่ได้รู้จักมากเท่าไหร่ แต่ข้ารู้ว่ามีคนผู้หนึ่งรู้จักหยวนอีอยู่บ้าง!”
เซียวฮุ่ยกล่าว “หลังพบคนผู้นี้ ก็หาตัวหยวนอีไม่ยากแล้ว!”
“ผู้ใดกัน”
“ต้าเต๋อ!”
เซียวฮุ่ยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ต้าเต๋อผู้นี้หาตัวง่าย ที่นี่คือถิ่นของต้าเต๋อ!”
ลูกประคำในมือต้าเต๋อแทบถอดแบบสี่กระบี่ประหารเซียนในมือหยวนอี มีความสูงของระดับขั้น และความสูงส่งของจังหวะแห่งเต๋าที่ไหลเวียนอยู่ล้วนเหมือนกันหมด
นางมั่นใจว่าต้าเต๋อมีความเกี่ยวข้องกับหยวนอี!
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเราไปถามจากต้าเต๋อผู้นี้กันเถิด”
เฟ่ยชงพาเซียวฮุ่ยออกจากที่นี่ ด้วยคำบอกของเซียวฮุ่ย เขาพาเซียวฮุ่ยตรงมายังวิหารต้าสยงแห่งเขาญาณ
“อามิตาพุทธ!”
‘ญาณ’ พระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเจ้าตื่นขึ้นมาทันที ประกายพุทธะแผ่ขยาย กีดขวางเฟ่ยชงและเซียวฮุ่ยไว้
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเฟ่ยชง พระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเจ้าปวกเปียกต้านมิได้แม้แต่การโจมตีเดียว เฟ่ยชงถล่มฝ่ามือข้างหนึ่งลงมา พระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเจ้าพลันถูกกำราบในบัดดล
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่พวกเจ้าสักการะทุกวี่วันเป็นเพียงข้ารับใช้ผู้หนึ่งของตระกูลเฉิน?”
เฟ่ยชงสั่นศีรษะ เขารู้จักพระอมิตาภะพุทธเจ้า พระอมิตาภะพุทธเจ้ามีโอกาสได้เข้าไปยังภพเซียน ครานั้น เก้ามหาตระกูลเคยต่อสู้กันดุเดือดเพื่อชิงตัวพระอมิตาภะพุทธเจ้า สุดท้าย พระอมิตาภะพุทธเจ้าถูกตระกูลเฉินพาตัวไป
“เข้าภพเซียนได้หรือ”
เซียวฮุ่ยผงะ ทว่าเพียงไม่นานก็เข้าใจ นางพยักหน้าพลางกล่าว “ก็จริง ด้วยความสามารถและพลังระดับเขา เข้าภพเซียนได้นับว่าปกติ”
นางยอมรับในความสามารถและพลังของพระอมิตาภะพุทธเจ้ามาก เขาคือยอดวีรชนคนหนึ่ง คิดค้นพลังความศรัทธาขึ้นด้วยตนเอง บุกเบิกเส้นทางขึ้นมาใหม่ หากมิใช่ว่าเกิดผิดยุค พระอมิตาภะพุทธเจ้าย่อมต้องประสบความสำเร็จยิ่งกว่านั้น
นางตระหนักถึงสถานการณ์ของภพเซียนดี ภพเซียนขาดแคลนทรัพยากรณ์อย่างยิ่งยวด ตระกูลเฉินไม่มีทางทุ่มทุนทรัพยากรในตัวพระอมิตาภะพุทธเจ้ามากนัก ต่อให้พระอมิตาภะพุทธเจ้าทรงพลังเพียงใด ก็ไม่มีทางบรรลุจักรพรรดิภายใต้สถานการณ์ขาดแคลนทรัพยากรณ์เช่นนี้
เมื่อครั้งนางยังอยู่ที่ภพเซียน นางไม่เคยได้เจอพระอมิตาภะพุทธเจ้า คิดแล้ว พระอมิตาภะพุทธเจ้าคงเข้าไปถึงภพเซียนหลังนางจากมา
“แม้ว่าเขาเป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่งของตระกูลเฉิน แต่ต้องยอมรับว่า เขามีความสามารถจริง ๆ ชื่อเสียงลือนามไม่น้อยในภพเซียน”
เฟ่ยชงกล่าว
เขาเคยประมือกับพระอมิตาภะพุทธเจ้ามาบ้าง อีกฝ่ายเป็นคนแข็งแกร่งมากจริง ๆ ก่อนนี้เขายังพอเอาชนะพระอมิตาภะพุทธเจ้าได้บ้าง ทว่าบัดนี้เกรงว่าคงไม่ไหวแล้ว
พระอมิตาภะพุทธเจ้าก้าวหน้าในภพเซียนได้ว่องไว ข้อนี้ ถึงแม้เขาไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ
“พระอมิตาภะพุทธเจ้า! พระท่านเข้าไปถึงภพเซียนแล้วหรือ”
“พระอมิตาภะพุทธเจ้าของเราตรัสรู้ถึงสัจธรรมแห่งวิถี บรรลุเซียนโพธิสัตว์แล้ว!”
“อามิตาพุทธ!”
ทางนี้มีสิ่งมีชีวิตดินแดนฝออยู่ไม่น้อย หลังพวกเขาได้ยินคำกล่าวของเฟ่ยชง ก็พากันท่องพระนาม สุดท้ายพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ก้าวไปถึงขั้นนั้นสำเร็จ ไปยังภพเซียน กลายเป็นเซียนโพธิสัตว์
“มีประโยชน์อันใด เขาเป็นเพียงข้ารับใช้ผู้หนึ่งเท่านั้น!”
เฟ่ยชงแค่นเสียงเย็น ราวกับไม่พอใจอย่างยิ่งที่พุทธสาวกทั้งหลายท่องพระนามพระอมิตาภะพุทธเจ้า เขาโบกมือ ปิดปากพุทธสาวกทั้งหมดในที่แห่งนี้จนสิ้น
เฟ่ยชงกำราบพระสังฆราชลง นิ้วหนึ่งแตะไปบนหน้าผากของพระสังฆราช สืบค้นความทรงจำทั้งหมด
เรื่องของคุณชายนั้น พระสังฆราชหาได้รู้ไม่ เพราะต้าเต๋อปากหนัก มิเคยเผยข้อมูลของคุณชายให้พระสังฆราชทราบ
กระนั้นเฟ่ยชงยังระแคะระคายถึงบางอย่างได้อย่างเฉียบแหลม
“เขาหยงหมิง…”
เขาพึมพำเสียงเบา รับรู้จากความทรงจำของพระสังฆราชได้ว่า จุดเปลี่ยนของต้าเต๋อมาจากเขาหยงหมิง ตั้งแต่ต้าเต๋อกลับจากเขาหยงหมิง ก็เผยให้เห็นถึงฝีมือน่าทึ่งระคนน่าเหลือเชื่อ ที่พระเก้าประทีปพุทธเจ้าล้มเหลวก็เพราะเหตุนี้
“หลี่จิ่วเต้า”
เขาเรียกชื่อนั้นเบา ๆ รู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ดูมีพิรุธยิ่ง
เมื่อครั้งอยู่ที่เขาหยงหมิง หลี่จิ่วเต้ามิได้เผยวิชาอันใด ดูภายนอกเสมือนปุถุชนธรรมดา ทว่าผู้คนรอบกายเขาล้วนแต่ไม่ธรรมดา กระทั่งเด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบปีอย่างพวกอ้ายฉาน ยังมีพลังฝีมืออัศจรรย์อย่างยิ่ง!
ซ้ำคนเหล่านี้ยังเคารพนับถือชายผู้นี้กันทั้งหมด!
ครานั้น กองกำลังต่าง ๆ เคยแคลงใจในตัวหลี่จิ่วเต้ามาก รู้สึกว่าเขาอำพรางพลัง หรืออาจเป็นผู้อาวุโสที่แกร่งกล้าสุดยอด
ทว่าด้วยเหตุผลนานัปการ มิมีกองกำลังใดสืบทราบตื้นลึกหนาบางของหลี่จิ่วเต้า กระทั่งท้ายที่สุด ยังไม่สามารถแม้แต่จะสืบค้น เพราะมีพลังนิรนามบางอย่างเข้าขัดขวาง
พระสังฆราชมิได้รู้เรื่องหลี่จิ่วเต้าผู้นี้เท่าใด รู้เพียงข้อมูลฉากหน้าเท่านั้น
หลังต้าเต๋อกลับมา ก็สั่งให้พุทธศาสนาหยุดทุกการสืบสาวเรื่องราวของหลี่จิ่วเต้า
“น่าสนใจดีนี่!”
เฟ่ยชงหรี่ตาลง สนอกสนใจในตัวหลี่จิ่วเต้าผู้นี้เป็นอย่างมาก เขาสังหรณ์ราง ๆ ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อาจเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้า
“ไปหาหลี่จิ่วเต้า!”
เขาก้าวออกไป พาเซียวฮุ่ยออกจากเขาญาณ
ต้าเต๋อไม่อยู่ที่เขาญาณ เห็นว่าออกไปฝึกตนเคี่ยวกรำตัวเอง ทั้งยังบอกอีกว่าคงมิได้กลับมาในเร็ว ๆ นี้ เฟ่งชงรู้สึกว่าต้าเต๋ออาจอยู่กับหลี่จิ่วเต้าผู้นี้!
“ลึกลับถึงเพียงนี้ ข้าขอดูหน่อยเถิดว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าเป็นอย่างไร!”
เฟ่ยชงยิ้มเย็น พลังระดับเขา สังหรณ์มักไม่ผิด เป็นไปได้สูงว่าหลี่จิ่วเต้าคือคนสำคัญ และคือตัวการ
เขาต้องไปพบหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ กระชากหน้ากากลึกลับของอีกฝ่ายออกมาให้ได้!