ซูชีหงุดหงิด ขมวดคิ้ว จ้องมองนาง น้ำเสียงก็ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนตอนที่นางเพิ่งเข้ามา แต่กลับมีความเย็นชาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
“กูเสี่ยวซู อย่าก่อเรื่อง!”
ซูซูถูกทำให้โมโหยิ่ง!
อันใดที่เรียกว่าอย่าก่อเรื่อง ทำเหมือนว่านางพาลหาเรื่องอย่างไรอย่างนั้นแหละ!
แต่นี่นางกำลังงี่เง่าหรือ นางก็แค่อยากสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับซูชีเท่านั้นเอง!
“ซูชี! พวกเราเคยต้านทัพ สังหารศัตรูในสนามรบด้วยกันมาแล้ว กับแค่การซุ่มโจมตีเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ ข้าก็ต้องทิ้งสหายร่วมรบของข้าแล้วจากไปเช่นนั้นหรือ สมองเจ้าคิดอันใดอยู่กัน”
ซูซูบันดาลโทสะจนยากจะควบคุม!
หากว่าเป็นเมื่อก่อน นางไม่มีทางกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาแน่นอน เป็นเพราะว่าซูซูเข้าใจซูชี แม้ภายนอกซูชีจะสุภาพอ่อนโยน แต่ความจริงแล้วบุรุษผู้นี้กลับมีแนวคิดที่ว่าบุรุษเป็นใหญ่รุนแรงมาก!
แต่สิ่งที่ทำให้ซูซูยอมรับไม่ได้ก็คือ ความเผด็จการเช่นนี้ของเขา!
คนที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมล้วนรู้ว่า คืนวันนี้จะต้องไม่ใช่คืนที่สงบเงียบแน่นอน ทิ้งเรื่องที่นางชอบซูชีไป ไม่ต้องกล่าวถึง นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะหนีไปก่อน จากนั้นก็ให้ซูชีแบกรับอันตรายอยู่คนเดียวเช่นกัน!”
แม้ว่า อันตรายที่ว่านี้จะไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงในสายตาซูชีก็ตาม
ซูชีมีสีหน้าอดกลั้น ถลึงตาโมโหใส่ท่านหญิงซูซู
ซูซูถลึงตากลับไปอย่างไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า สีหน้านางดื้อดึงไม่ยอมแพ้!
สุดท้าย ก็ยังคงเป็นซูชีที่ยอมแพ้ก่อน
“ช่างเถอะ ตามใจเจ้า! แต่ถึงตอนที่มีอันตรายจริงๆ เจ้าจะต้องปกป้องตนเองให้ได้ เข้าใจไหม
ซูซูยิ้ม พยักหน้าอย่างแรง โดยเมินน้ำเสียงเคร่งขรึมและสีหน้าเอาจริงเอาจังของซูชีไป!
“ซูชี เจ้าวางใจได้! ข้าไม่มีทางเป็นตัวถ่วงเจ้าแน่นอน!”
“เจ้า…เฮ้อ ช่างเถอะ!”
ตั้งใจจะด่านางสักสองประโยค แต่เห็นสีหน้าท่าทางยิ้มแย้มเบิกบานที่ตนเองเห็นด้วยกับการให้นางอยู่ต่อของนางแล้ว สุดท้ายซูชีก็ใจร้ายบ่นนางไม่ลง
อย่างมากอีกครู่หนึ่งเขาก็ให้ความสนใจกับซูซูมากหน่อย คงไม่อาจให้นางได้รับอันตรายขณะอยู่ข้างกายตนเองหรอกใช่ไหม
แต่เห็นได้ชัดว่า พวกซูชีมีความคิดในเรื่องของจิตใจคนเรียบง่ายเกินไป!
พวกเขามักจะคิดว่า เคยผ่านการลงสนามรบมาแล้ว บนโลกใบนี้ ยังจะมีสิ่งใดที่อันตรายยิ่งกว่าสนามรบอีก แต่ซูชีท่องยุทธภพมานานหลายปี กลับลืมไปว่า จิตใจมนุษย์นั้นโหดเหี้ยมที่สุด!
กลางดึก ในตอนที่พวกซูชีผ่อนคลาย สบายใจ พวกซินซื่อชิวก็มาเยือนท่ามกลางความรู้สึกตึงเครียดและตื่นเต้น
ซูชียังคงทำเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หลังกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว ก็ตรงไปนั่งสมาธิพักผ่อนในห้อง ส่วนท่านหญิงซูซูก็เอนตัวพลิกซ้ายพลิกขวานอนไม่หลับอยู่บนเตียง
จ้าวเฟยลู่ คนผู้นี้ยิ่งไม่ต้องเป็นห่วง เขาขึ้นเตียงหลับไปนานแล้ว เพราะเขารู้ว่า หลังเที่ยงคืนจะมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดเกิดขึ้น!
ยามที่หลังเที่ยงคืนมาเยือน เจ้าของโรงเตี๊ยมกับเสี่ยวเอ้อร์ล้วนจากไปเงียบๆ
ฟู่!
เสียงเบามาก และเล็กน้อยมาก แต่กลับยังคงไม่รอดหูของซูชี! ทันใดนั้น ซูชีก็ลืมตาขึ้น
ซูชีมองไปยังที่มาของเสียง โดยอาศัยแสงจันทร์ส่องสว่างนอกหน้าต่าง ก็ค้นพบธูปยาสลบดอกหนึ่งที่เพิ่งจะจุดขึ้น
มุมปากซูชีโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
ดูท่า เขาจะประเมินระดับความเลวทรามของคนที่เจริญเติบโตในเมืองต่ำไป ถึงกับใช้กระทั่งยาสลบพวกนี้ด้วย เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดาเลย!
คาดว่า ซินซื่อชิวคงตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้ตนเองอยู่ที่อำเภอเฟ่ยไปตลอดชีวิต!
ซูชีลุกขึ้นเงียบๆ แล้วใช้กำลังภายในปิดกั้นประสาทรับกลิ่น ให้ยาสลบไม่เกิดผลอันใดกับตนเอง สุดท้ายก็เดินเข้าไปขยี้ธูปนั้นให้ดับ
เขาไม่เคยเป็นห่วงตนเอง แต่ตอนนี้กลับเป็นห่วงความปลอดภัยของซูซู!
แม้ว่านังหนูนั่นจะเคยไปสนามรบกับตนเอง แต่ทหารในสนามรบล้วนมีความทะนงตนของพวกเขา จึงไม่มีทางทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่านางไม่เคยผ่านเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่ว่าตอนนี้…
ซูชึใจสั่น ถึงกับเป็นห่วงซูซูเล็กน้อย กลัวว่าซูซูจะเผชิญกับการมาเยือนของพวกเขา!
เขารีบเร่งฝีเท้าตนเอง คิดจะไปเตือนซูซูที่ห้องข้างๆ ทว่ากลับได้ยินเสียงดังปังลอยมาจากห้องตรงข้ามกะทันหัน!
ปัง!
เสียงดังมาก! โดยเฉพาะในค่ำคืนอันเงียบสงัด ก็ยิ่งดังขึ้นไปอีก!
หัวใจซูชีสั่นอย่างคาดไม่ถึง!
“ซูซู!”
เขาตะโกนเรียก เร่งฝีเท้าตนเอง เปิดประตู แล้วห้อตะบึงไปยังห้องข้างๆ โดยไม่สนใจเรื่องอะไรอีก!
สถานการณ์ในตอนนี้ ซูซูเป็นคนที่เขาต้องปกป้อง! ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร เขารับปากซูซูไว้แล้วว่าจะให้เวลานางอยู่ข้างกายตนเองหนึ่งเดือน เช่นนั้นตอนนี้เขาต้องแบกรับความรับผิดชอบที่จะปกป้องไม่ให้ซูซูได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!
ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าได้คิดจะแตะต้องซูซูแม้แต่ผมเส้นเดียว!
พลั่ก!
เสียงนี้มาจากใต้เท้าซูชี เพราะซูชีรีบร้อนยกเท้าถีบประตูห้องซูซูให้เปิดออก!
“ซูซู!”
“เจ้า…”
ชั่วขณะหนึ่งที่ไม่มีใครเอ่ยวาจาใดอีก ท่ามกลางสถานการณ์อันตึงเครียด มีบรรยากาศคลุมเครือปะปนอยู่เล็กน้อย!
ซูชีรู้สึกว่าแก้มตนเองร้อนผ่าว หลังจากกระแอมไอเสียงเบาแล้ว ถึงได้หันหลังกลับไป
“ซูซู สวม…สวมเสื้อผ้าเสีย”
ตอนนี้สีหน้าของซูซูก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก! แดงเหมือนกับแก้มก้นลิงอย่างไรอย่างนั้น!
เมื่อได้ยินวาจาของซูชี นางก็รีบวิ่งไปที่เตียง แล้วสวมเสื้อผ้าด้วยความเร็วแสง
“…เสร็จแล้ว”
ซูซูมีความคิดที่อยากจะขุดหลุม มุดเข้าไป แล้วไม่ออกมาอีกเลยชั่วชีวิตจริงๆ!
ความจริงแล้วนางก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเปิดเผยอะไรมากนัก ก็แค่สวมเสื้อตัวในเท่านั้นเอง ทว่าคนยุคโบราณน่ะ แม้ว่าจะสวมเสื้อตัวใน ก็รับไม่ได้เช่นกัน
ซูชีหลับตาลง พยายามลบภาพเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อครู่ในห้วงความคิดไป หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ แล้ว ถึงได้หันกลับมา แต่ก็ไม่ค่อยกล้ามองซูซู จึงเบนสายตามองไปยังคนที่อยู่บนพื้นแทน
“นี่คือ…” เสียงที่เขาได้ยินเมื่อครู่นี้ ก็คือเสียงที่คนผู้นี้ร้องออกมาเช่นนั้นหรือ
เอ่ยถึงเรื่องนี้ ซูซูก็ลืมที่จะแสดงอาการกระบิดกระบวนไป แล้วรีบก้าวขึ้นไปเตะคนผู้นั้นระบายความแค้น
“เมื่อครู่ข้ารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรที่หน้าต่าง จึงลงจากเตียงไปดูแวบหนึ่ง ก็เห็นว่ามีคนเป่ายาสลบที่นั่นพอดี ข้าจึงเปิดหน้าต่าง กระชากคนออกมา แล้วเหวี่ยงลงไป…”
เอ่ยถึงตรงนี้ ซูซูก็รู้สึกอายเล็กน้อย
บุรุษล้วนชอบสตรีที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ แต่นางเหมือนจะมีแรงมากไปหน่อย ถึงกับเหวี่ยงคนข้ามไหล่จนเขาสลบไป! ไม่รู้จริงๆ ว่าในใจซูชีจะคิดกับตนเองอย่างไร
ซูชีได้ยินวาจาของซูซูแล้ว ก็รู้สึกว่าปวดหนึบไปทั้งร่าง…