ตอนที่ 664 ทริปครอบครัวที่ภูเขาเซียงซาน
ในที่สุดรถแท็กซี่ที่จองไว้ก็มาถึง และทุกคนก็ขึ้นรถทันที
สมาชิกสามคนของครอบครัวหลินม่าย พ่อไป๋ พี่น้องไป๋ลู่และไป๋เซี่ยต่างก็นั่งรถเบนซ์ของหลินม่าย
แม้ว่าผู้ใหญ่ห้าคนและเด็กอีกหนึ่งคนจะดูเป็นจำนวนที่มากเกินไป แต่สุดท้ายก็สามารถนั่งในรถได้พอดี
ส่วนแม่ไป๋และไป๋ซวงนั่งรถแท็กซี่ที่พ่อไป๋จองไว้
เมื่อรถทั้งสองคันขับออกจากตรอกเสี่ยวหยาง แม่ไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าไป๋ซวง โดยบอกว่าหล่อนคิดมากเกินไป
หลินม่ายยังคงเลี้ยงดูโต้วโต้วสม่ำเสมอ แต่หล่อนกลับยังเอะอะเรื่องการแต่งงานเพื่อทำให้หลินม่ายเสียชื่อเสียง
ไป๋ซวงโกรธมากจนรู้สึกตายด้านไปครึ่งหนึ่ง แต่ยังคงยอมรับความผิดพลาดของตัวเองอย่างจริงใจ
แต่หล่อนก็ยอมรับแค่เรื่องที่ตัวเองพูดผิด ต่อให้ขู่ว่าจะฆ่า หล่อนก็ไม่มีทางยอมรับว่าจงใจทำ โดยบอกว่าตนแค่พูดเล่น
แม่ไป๋พูดออกไปด้วยความทุกข์ใจ “ในอนาคตก็ควรคิดทบทวนก่อนจะพูดมันออกมาเสียบ้าง”
ไป๋ซวงพยักหน้ารับซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นสวมกอดแม่ไป๋และพูดว่า “หนูคิดไม่ถึงเลยว่าศาสตราจารย์ฟางจะไม่ให้ความเคารพแม่ เขานำของขวัญมาด้วยมากมาย แต่กลับไม่ได้เตรียมให้แม่เป็นพิเศษเลย”
แม่ไป๋รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็อดกลั้นไว้
เมื่อไป๋ซวงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง หล่อนก็ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม
ไป๋ซวงสังเกตเห็นท่าทางของอีกฝ่าย จึงพูดต่อ “ศาสตราจารย์ฟางจะต้องได้รับคำสั่งจากม่ายจื่อให้ทำแบบนี้แน่ ม่ายจื่อไม่พอใจเพราะแม่ชอบหนูมากกว่า และจงใจที่จะไม่เชื่อฟังแม่”
สีหน้าของแม่ไป๋หมองมัวลงอย่างเห็นได้ชัด
ไป๋ซวงยังคงยั่วยุด้วยคำพูดโป้ปด “พ่อบอกว่าเขาดำเนินเรื่องการเดินทางครั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่เขากลับทิ้งเราสองคนให้ขึ้นรถแท็กซี่ตามลำพัง ส่วนคนอื่นต่างก็นั่งรถเบนซ์ แน่ใจหรือคะว่าพ่ออยากกระชับความสัมพันธ์จริงๆ?”
แม่ไป๋มีสีหน้าดำมืดราวกับก้นหม้อ “เอาล่ะ หยุดพูดได้แล้ว! ถ้าพวกเขาไม่ได้เต็มใจที่จะรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวกับเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องทำดีเพื่อโดนตำหนิอย่างเย็นชาแบบนี้”
เมื่อเห็นว่าทำให้แม่ไป๋โกรธสุดขีดได้ ไป๋ซวงก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น
กว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา คนกลุ่มหนึ่งก็มาถึงภูเขาเซียงซาน
ภูเขาเซียงซานช่วงปลายเดือนกันยายนเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงและสวยที่สุด ภูเขาทั้งลูกถูกฉาบด้วยสีแดงราวกับอยู่ท่ามกลางแสงอรุณ
หลินม่ายพาโต้วโต้วกับพี่น้องไป๋เซี่ยและไป๋ลู่ออกไปวิ่งเล่นในที่ราบบนภูเขา ขณะที่ฟางจั๋วหลานเดินตามเพื่อถ่ายรูปพวกเขา
พ่อไป๋ดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก เขารีบเดินตามลูกๆ ของตนและลูกเขยในอนาคตออกไป
กว่าจะรู้ตัวก็เป็นเวลาเที่ยงวัน ถึงเวลากินอาหารเที่ยงแล้ว
แม้ว่าบริเวณโดยรอบจะมีร้านอาหาร แต่หลินม่ายได้เตรียมอาหารแห้งไว้มากมาย เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง รวมถึงไข่ต้ม
การกินบะหมี่สำเร็จรูปจำเป็นต้องมีน้ำร้อน และหลินม่ายก็ได้เตรียมน้ำสำหรับต้มไว้ในท้ายรถเบนซ์แล้ว
ฟางจั๋วหรานอาสาลงจากภูเขาเพื่อไปเอาขวดน้ำท้ายรถ
ไป๋ซวงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ และแอบตามฟางจั๋วหรานลงไป
ฟางจั๋วหรานหยิบน้ำต้มออกจากท้ายรถและกำลังเดินกลับขึ้นไปบนภูเขา ก่อนเห็นว่าไป๋ซวงยืนด้านหลังเขาห่างออกไปไม่กี่เมตร สายตาที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ราวกับว่าเขาไปหักอกหล่อนอย่างไรอย่างนั้น
ฟางจั๋วหรานรู้สึกขยะแขยงมากจนไม่อยากสนใจอีกฝ่าย และรีบเดินกลับไปหาทุกคน
ไป๋ซวงเดินตามหลังเขาอย่างใกล้ชิดราวกับภรรยาตัวน้อย เอ่ยคำกล่าวอย่างเสียใจว่า “ศาสตราจารย์ฟาง ฉันไม่ได้สาดชาร้อนใส่ม่ายจื่อจริงๆ นะคะ”
ฟางจั๋วหรานตอบกลับเสียงหนักแน่น “ม่ายจื่อของผมไม่มีทางโกหก”
ที่จริงหลินม่ายได้บอกเล่าความจริงกับเขาและพ่อไป๋ในรถก่อนหน้าแล้ว
ทัศนคติของเขาเหมือนกับพ่อไป๋ แม้ไป๋ซวงจะเป็นฝ่ายถูกหลินม่ายและไป๋ลู่รุมจัดการ แต่นั่นคือสิ่งหล่อนสมควรได้รับ!
แต่เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของไป๋ซวง ฟางจั๋วหรานจึงยืนยันว่าไป๋ซวงเป็นคนทำผิดต่อหลินม่ายและไป๋ลู่ และปล่อยให้หล่อนทุกข์ทรมานจนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งนั่นดูน่าสนใจกว่า
แม้ไป๋ซวงจะพยายามพูดความจริง แต่ฟางจั๋วหรานกลับไม่เชื่อคำพูดหล่อนเลย นั่นทำให้หล่อนรู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย
หล่อนเดินตามฟางจั๋วหรานกลับไปหาพ่อไป๋และคนอื่นๆ เหมือนกับสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง
ทุกคนนั่งลงบนพรมผืนบางที่ใช้สำหรับปิกนิกโดยเฉพาะ
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานนำผ้าสักหลาดบางส่วนกลับมาเมื่อคราวที่ไปมองโกเลีย มันมีราคาถูกและสามารถนำมาใช้งานได้จริง
ฟางจั๋วหรานต้องการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับพ่อไป๋ก่อน
แต่พ่อไป๋ปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม และขอให้เขาทำให้โต้วโต้วก่อน จากนั้นก็เป็นของหลินม่าย
โต้วโต้วตัวน้อยต้องการดูแลหลินม่ายที่ได้รับบาดเจ็บ แม้จะเป็นการบาดเจ็บที่เท้า แต่ก็ถือเป็นคนเจ็บและต้องการคนดูแล
แม้จะเป็นคนสูงอายุ แต่ยังคงอยู่ในช่วงวัยทองเท่านั้น มือเท้ายังคงแข็งแรงและทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเองได้
ฟางจั๋วหรานแสดงน้ำใจ ช่วยทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กับหลินม่ายและลูกสาว
แม่ไป๋โกรธมาก เพราะหล่อนเองก็มีอายุมากแล้ว แต่ฟางจั๋วหรานกลับเมินเฉยใส่
นี่ควรจะเป็นการเดินทางเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวนะ!
แม้ไป๋ซวงจะยังคงสีหน้าเรียบเฉย แต่หัวใจของหล่อนกลับสั่นคลอน!
ถึงหลินม่ายจะสวย แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไร เธอแต่งงานแล้วและยังมีลูกบุญธรรม
แต่ฟางจั๋วหรานกลับรักเธออย่างสุดหัวใจ คอยปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับเจ้าหญิง มันน่าอิจฉายิ่งนัก!
โรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปช่างจิงเพิ่งก่อตั้งขึ้นไม่ถึงสองปีและมีราคาค่อนข้างแพง คนส่วนใหญ่มักลังเลที่จะซื้อ
แต่พูดตามตรงก็คือรสชาติของมันค่อนข้างดีสำหรับในยุคสมัยนี้
หลินม่ายกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง จะมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติดียี่ห้อไหนอีกที่เธอไม่เคยกิน?
หลังจากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปช่างจิงไปสองคำ เธอก็พบว่ามันฝืดคอไม่น้อย จึงยกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองให้ฟางจั๋วหราน ก่อนจะไปกินบะหมี่โบราณกับซอสพริกและผักดองที่ผลิตโดยโรงงานอาหารติ่งเซียงของเธอเอง
ไป๋ซวงนั่งกินบะหมี่สำเร็จรูปอย่างเงียบๆ แกล้มกับผักดอง แต่หลังจากเห็นแล้วหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากกินอิ่มและดื่มสังสรรค์พอสมควร พวกเขาเริ่มเก็บข้าวของ เมื่อเห็นฟางจั๋วหรานเก็บขยะทั้งหมดและเดินไปยังถังขยะที่ห่างออกไปไม่ไกล ไป๋ซวงจึงเดินตามพร้อมนำขยะในมือไปด้วย
หล่อนเดินตามหลังฟางจั๋วหรานจนอยู่ในระยะใกล้ ก่อนพูดขึ้นว่า “ม่ายจื่อไม่ควรทำแบบนั้นเลย คุณทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้หล่อน แต่หล่อนกลับไม่เห็นค่า กินไปเพียงสองคำก็หยุดกินต่อ ถ้าฉันมีคู่หมั้นที่ยอดเยี่ยมเหมือนคุณ ฉันจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน และคงจะทะนุถนอมเขาเป็นอย่างดี”
ฟางจั๋วหรานชำเลืองมองหล่อนด้วยความรังเกียจ “ผมเคยบอกไปแล้วนี่ว่าคุณน่ารังเกียจและมีจิตใจเลวทราม เป็นไปไม่ได้หรอกที่ผู้ชายดีๆ จะมาตกหลุมรักคุณ นี่คุณยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?”
ไป๋ซวงหน้าแดงด้วยความอับอาย
ฟางจั๋วหรานเดินกลับไปหาพ่อไป๋และคนอื่นๆ ชี้นิ้วไปทางไป๋ซวงและบอกกล่าวทุกคนในสิ่งที่ไป๋ซวงเพิ่งพูดกับเขา
ทุกคนพากันจ้องมองมาที่หล่อนด้วยความขุ่นเคือง รวมถึงแม่ไป๋ด้วย
แต่ความขุ่นเคืองของแม่ไป๋ พ่อไป๋ และคนอื่นๆ แตกต่างกันออกไป
พ่อไป๋และคนอื่นๆ โกรธที่ไป๋ซวงพยายามยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างหลินม่ายและฟางจั๋วหราน
แต่สิ่งที่ทำให้แม่ไป๋โกรธก็คือ ไป๋ซวงพูดเพียงไม่กี่คำและล้วนเป็นความจริง แต่ฟางจั๋วหรานกลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แม้จะมีภาพลักษณ์ของปัญญาชน แต่สิ่งที่เขาทำเรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษได้เหรอ?
หล่อนตะคอกใส่ฟางจั๋วหรานทันที
ถ้าคิดจะทะเลาะกับหล่อน ก็ควรมาทะเลาะกันตรงๆ
หลินม่ายดึงฟางจั๋วหรานไว้ด้านหลัง พูดกับแม่ไป๋อย่างเย็นชาว่า “ซวงเอ๋อร์ลูกของคุณไปกรอกหูเรื่องโป้ปดอะไรอีกคะ? แค่ฉันไม่อยากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็หมายความว่าฉันไม่รักษาน้ำใจจั๋วหรานแล้วเหรอ? ต่อให้ฉันจะไม่ทะนุถนอมจั๋วหราน แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร้ความผิดชอบแบบนี้!”
แม่ไป๋ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองแล้วด้วยซ้ำ หล่อนทะเลาะกับหลินม่ายด้วยความโกรธ
พ่อไป๋และคนอื่นๆ ยืนด้านข้างหลินม่าย โดยกล่าวหาว่าแม่ไป๋หาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล
จู่ๆ ไป๋ซวงก็กระทำสิ่งที่เกินความคาดหมาย หล่อนคุกเข่าลงตรงหน้าพ่อไป๋และคนอื่นๆ พร้อมยกมือขึ้นตบหน้าตัวเอง กล่าวคำออกมาขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม “ถ้าอยากจะดุด่าหนู ก็ทำที่หนูโดยตรง อย่ามาว่าแม่ของหนูนะ”
พ่อไป๋และคนอื่นๆ มองการแสดงของไป๋ซวงด้วยสายตาอันซับซ้อน
หญิงสาวคนนี้ควบคุมแม่ไป๋ไว้ได้ชะงัด ที่สำคัญคือแม่ไป๋มักถูกหล่อนหลอกด้วยคำลวงอยู่เสมอ!
แม่ไป๋รู้สึกซาบซึ้งอย่างมากจนต้องทรุดตัวลงกอดไป๋ซวง
ทุกคนเริ่มโต้เถียงกันไปมา ขณะที่โต้วโต้วไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากเล่นสนุกอีกต่อไป
พ่อไป๋จึงโบกมือบอกให้ทุกคนกลับบ้าน
เมื่อพวกเขาขึ้นรถ ยังคงเป็นแม่ไป๋และลูกสาวของหล่อนที่นั่งรถแท็กซี่กลับตามลำพัง ขณะที่ฟางจั๋วหรานและคนอื่นๆ นั่งรถเมอร์เซเดส
ไป๋ซวงมองทิวทัศน์ที่เลื่อนผ่านหน้าต่างรถ ในใจกังวลเกี่ยวกับหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขา
ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะหาเงินสดและสมุดบัญชีเงินฝากในบ้านทั้งหมดได้หรือไม่ รวมถึงตราประทับส่วนตัวที่ใช้เบิกเงินในสมุดบัญชีด้วย
หลังจากที่ได้มาแล้วต้องรีบไปธนาคารให้ทันเวลา เพื่อเอาเงินในสมุดบัญชีเงินฝากและหลบหนีไป
หลินม่ายและคนในรถของเธอมาถึงบ้าน หลังจากที่พวกเขาจอดรถ ป้าโหยวก็วิ่งเข้ามาพร้อมตะโกนว่า
“โอ้ ในที่สุดพวกคุณก็กลับมาเสียที! เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับบ้านของพวกคุณแล้ว!”
พ่อไป๋พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม “เกิดอะไรขึ้นครับ?”
“หลังจากที่ครอบครัวของคุณออกไปได้ไม่นาน มีโจรบุกเข้าไปในบ้านของคุณ แล้วตำรวจก็จับกุมโจรพวกนั้นไว้ได้และยึดของกลางที่ขโมยไปทั้งหมด”
เมื่อไป๋ซวงที่เพิ่งลงจากรถแท็กซี่ได้ยินสิ่งเหล่านี้ หัวใจของหล่อนก็พลันดิ่งวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่เอาน่ายัยไป๋ซวง อย่าหาเรื่องพี่หมอเลย เธอคงไม่อยากโดนมีดผ่าตัดกรีดจนไม่เหลือซากหรอกนะ?
แผนการจับขโมยสำเร็จแล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)