บทที่ 640 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้าก็พอมีความสามารถปกป้องตัวเองบ้างแล้ว!’
หลี่จิ่วเต้าทดสอบของวิเศษชิ้นอื่น ทั้งหมดล้วนไม่เลว เป็นเฉกเช่นที่ชายชราว่า ทุกอย่างเป็นความจริง
เขาคลี่ยิ้ม ก่อนจะถามขึ้น “เซี่ยเหยียน พวกเจ้าต้องการหรือไม่”
“ไม่ต้องการ ไม่ต้องการ!”
เซี่ยเหยียนรีบบอก “พวกเรามีศาสตราชิ้นอื่นติดตัว คุณชายเก็บไว้เถิด”
นางมองออกแต่แรกว่าคุณชายชื่นชอบของเหล่านี้มาก อยากจะเก็บเอาไว้ ถึงแม้นางจะไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดคุณชายถึงต้องเก็บของเหล่านี้ไว้ ด้วยพลังฝีมือระดับคุณชาย ของเหล่านี้หาได้จำเป็นไม่
ทว่าทุกการกระทำ ทุกห้วงความคิดของคุณชาย หาใช่สิ่งที่พวกเขาเดาได้ นางจึงตอบโดยตามน้ำในความต้องการของคุณชาย
“ก็จริง”
หลี่จิ่วเต้าเก็บของทั้งหมดไว้
เขานึกในใจว่า ที่ตัวเองถามไปแบบนั้นช่างไร้สาระนัก ถึงอย่างไรสำนักไท่หัวก็แข็งแกร่งออกปานนั้น เซี่ยเหยียนซื้อของเหล่านี้ได้ง่าย ๆ โดยมิต้องต่อรองราคาด้วยซ้ำ บนตัวนางเองย่อมต้องมีของวิเศษที่ดีกว่านี้ และแน่นอนว่าไม่เห็นของเหล่านี้อยู่ในสายตา
“พวกเรากลับเมืองกันเถิด!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ แบมือออก พลันจิ้งจอกน้อยก็กระโดดขึ้นมา
จากนั้นเขา ลั่วสุ่ย และพวกเซี่ยเหยียนก็กลับเมืองด้วยกัน เดินเล่นในเมืองต่อ
อย่าให้พูดเลยว่าหลี่จิ่วเต้ามีความสุขมากแค่ไหน
เมื่อมีของวิเศษเหล่านี้ อย่างน้อย ๆ เขาก็พอมีพลังให้ปกป้องตัวเองบ้าง เมื่อได้พานพบผู้ฝึกตน ก็ไม่ถึงกับถูกฆ่าง่าย ๆ
“ไม่ได้ ๆ ข้าต้องชิงของวิเศษกลับมา!”
ในมุมมืดซึ่งห่างออกไปไกล ชายชราแทบจะเป็นบ้าแล้ว ยอดศาสตรากองพะเนินจากเขาไปง่าย ๆ เช่นนี้ จะให้เขาทนได้อย่างไร?
เขาทนไม่ได้!
“โง่เง่า!”
เวลานั้นเอง เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวชายชราเพื่อต่อว่าเขา
ชายชราสะดุ้งตกใจ หน้าตาหวาดผวา มองซ้ายมองขวา “ผู้ใดกัน?!”
“ผู้ใดอะไร! ข้าก็คือเจ้า!”
เสียงนั้นดังขึ้นในหัวชายชราอีกครั้ง
“เจ้าก็คือข้ารึ หมายความว่าอย่างไร?!”
ชายชรามึนงงไปหมด
“ทุกอย่างยังไม่ฟื้นคืนเป็นปกติ ข้าคือจิตใต้สำนึกของเจ้า!”
เสียงนั้นดังขึ้น “หากมิใช่ว่ารับรู้ถึงพฤติกรรมรนหาที่ตายของเจ้า ข้าไม่มีทางปรากฏตัว เจ้าลองตรึกตรองให้ดีเถิด ต่อให้สิ่งของเหล่านั้นสูงส่งอัศจรรย์จริง ด้วยพลังฝีมือของเจ้า เจ้าสามารถรังสรรค์ออกมาเป็นยอดศาสตราชั้นเลิศได้ทั้งหมดหรือ?!”
ชายชราชะงัก
จริงสิ
ต่อให้สิ่งเหล่านั้นเป็นของสูงส่ง เขาก็ไม่มีความสามารถพอจะรังสรรค์พวกมันให้เป็นยอดศาสตรา!
คิดมาถึงนี่ เหงื่อเย็นผุดพรายออกจากหน้าผากเขา ขนตามตัวลุกชัน
ที่สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นยอดศาสตรา น่ากลัวว่าอาจเกี่ยวข้องกับปุถุชนนามหลี่จิ่วเต้าผู้นั้น!
ปุถุชนอะไรกัน หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่เกินหยั่งท่านหนึ่งแน่นอน!
โชคดีที่เขามิได้เข้าไปเรียกร้องอันใด มิฉะนั้น เขาอาจไม่ได้กลับมาอีก!
“นับว่าพอฉลาดอยู่ คิดจุดสำคัญออก!”
เสียงนั้นดังขึ้นในหัวชายชราอีกครั้ง
“เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
ชายชรานึกกลัวจากใจจริง เหตุใดเรื่องที่เขาคิดในใจถึงถูกล่วงรู้ทั้งหมด หรือนี่คือ…จิตใต้สำนึกของเขาจริง ๆ?
“บอกแล้วมิใช่หรือ ข้าคือจิตใต้สำนึกของเจ้า เจ้ายังไม่ตื่นขึ้นเต็มที่ จึงยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้”
ชายชรายากจะเชื่อได้ลง จิตใต้สำนึกของเขา…พูดได้ด้วยหรือ
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
“ไยจึงเป็นไปไม่ได้ เจ้าแตกต่างจากคนปกติ หลังจากตื่นขึ้นแล้ว เจ้าจะเข้าใจทุกอย่างเอง!”
เสียงนั้นดังขึ้นในหัวชายชราอีกครั้ง
“ไอ้…บ้าเอ๊ย!”
ชายชราเด้งตัวขึ้นจากตรงนั้น นี่ยังเป็นจิตใต้สำนึกของเขาอยู่จริงหรือ ทุกความคิดของเขามันล่วงรู้ได้หมด!
“ไม่ต้องคิดอันใดไปมากกว่านี้ ข้าคือจิตใต้สำนึกของเจ้าจริง ๆ!”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “คนผู้นั้นน่ากลัวจริง ๆ ถึงขั้นบีบเค้นจิตใต้สำนึกของเจ้าออกมาได้ รู้หรือไม่ ไม่ถึงคราวสูญสิ้นจริง ๆ จิตใต้สำนึกของเจ้าไม่มีทางถูกบีบให้ออกมา!”
ชายชราผู้นี้มีภูมิฐานไม่ธรรมดา ความเป็นความตายทั่วไปไม่อาจทำอันตรายชายชราได้สักนิด ชายชราไม่มีทางตายไปจริง ๆ ชีวิตของเขาจะอยู่รอดต่อไป
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหลี่จิ่วเต้ากลับมิใช่!
หากว่าตายด้วยน้ำมือหลี่จิ่วเต้า เขาก็จะถึงคราวจบสิ้นจริง ๆ แตกดับไปอย่างสมบูรณ์ สลายหายไปจากใต้หล้า
เพราะเหตุนี้ จิตใต้สำนึกของชายชราถึงได้ถูกบีบให้ออกมาห้ามปรามชายชรา
“ข้า…เป็นใครกันแน่”
ชายชราถามอย่างอดไม่ได้ จิตใต้สำนึกของเขาส่งเสียงเตือนเขาได้เชียวหรือ เขาต้องเก่งกาจปานใดเชียว
“เจ้าในตอนนี้ยังแบกรับทุกอย่างไว้ไม่ไหว บ่วงกรรมนี้ใหญ่หลวงนัก เจ้าจำต้องปลุกตัวตนให้ตื่นขึ้นมาก่อน!”
เสียงนั้นดังขึ้น “ทว่าครั้งนี้ถือว่าเจ้ามีโชคช่วย ข้าออกมาได้ ตัวตนของเจ้าจะตื่นขึ้นได้ไวกว่าเดิม และฟื้นพลังกลับมา!”
มันกล่าวต่อ “ทำตามที่ข้าบอก ไปขุดหาบางอย่าง ใช้เวลาอีกไม่นาน ตัวตนของเจ้าก็จะตื่นในขั้นต้น”
“ขุด…อะไร”
“ขุดศพมาจำนวนหนึ่ง!”
…
ภายในแดนบรรพโกลาหล
ซีเริ่มคุ้นชินขึ้นเรื่อย ๆ นางเรียนรู้ภาษาบรรพโกลาหลจนแตกฉาน
นี่คือภาษาที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน ยามเรียนภาษานี้ นางรู้สึกคล้ายตระหนักรู้ในวิถี ทุกตัวอักษรของภาษานี้คือภาชนะของมหาเต๋า นางได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย ระดับความเข้าใจในมหาเต๋าก็เพิ่มพูนทวีคูณ!
ลำพังภาษายังวิเศษล้ำเลิศเช่นนี้ ทุกอย่างในแดนบรรพโกลาหลช่างน่าเหลือเชื่อนัก!
และเรื่องที่นางสะท้อนใจที่สุดเห็นจะเป็นตัวนางเอง!
ภาษาแดนบรรพโกลาหล แฝงไว้ซึ่งเจตจำนงเต๋าโกลาหล การจะเรียนรู้ให้แตกฉานมิใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มิมีผู้สอน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่าจะเรียนรู้ได้เลย
แต่นางเล่า?
ฟังเพียงรอบเดียวเท่านั้น ก็เรียนรู้ได้อย่างแตกฉาน เข้าใจในภาษาบรรพโกลาหลได้อย่างถ่องแท้ ไม่อึกอักยามพูดแม้แต่น้อย ลื่นไหลเป็นที่สุด เสมือนว่าเป็นสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในแดนบรรพโกลาหลเสียอย่างนั้น!
นางตะลึงงันจริง ๆ ระหว่างทางมายังแดนบรรพโกลาหล นางผ่านอันใดมากันแน่ แล้วกายเนื้อของนางถูกเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน
นางรู้ดีว่า ที่นางทำได้ถึงระดับนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางกายของนางที่ถูกเปลี่ยนไป และเพราะพลังกายเนื้อนี้ ส่งผลให้นางได้ครอบครองความสามารถอันน่าเหลือเชื่อ
อนิจจา ครานั้น นางอยู่ในสภาวะหมดสติ ไม่รู้เลยว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
ซีสั่นศีรษะ ไม่ไปคิดเรื่องนี้อีก ตอนนี้คิดไปก็เปล่าประโยชน์ นางไม่มีทางได้คำตอบ
“ช่วงนี้ตำหนักตงชิวเปิดรับลูกศิษย์ ข้าจะไปลองดูสักตั้ง…”
หญิงสาวหรี่ตาลงพลางกล่าว
บัดนี้ นางพอทราบข้อมูลของแดนบรรพโกลาหลคร่าว ๆ แล้ว อาณาบริเวณที่อยู่ในตอนนี้คือตงชิว และตำหนักตงชิวเป็นกองกำลังใหญ่ที่สุดในตงชิว มีประมุขตำหนักเป็นจ้าวแห่งตงชิว อันเป็นหนึ่งในผู้ทรงอำนาจแห่งแดนบรรพโกลาหล!
หากนางได้เข้าไปในตำหนักตงชิว ด้วยสมรรถภาพร่างกายของนางในยามนี้ ย่อมเรียนรู้มหาวิชาโกลาหลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ขอบเขตพลังก็จะยกระดับอย่างบ้าคลั่ง
ถึงครานั้น นางก็จะมีความสามารถมากพอให้ตามหากล่องสี่เหลี่ยมในแดนบรรพโกลาหล
“ต้องหาทางเข้าไปให้ได้!”
นางตัดสินใจกับตนเอง การเข้าไปในตำหนักตงชิวนับเป็นโอกาสอันดีของนาง นางต้องคว้าไว้ให้อยู่
…
ณ ดินแดนหยิน
เหยียนโจว
เฟ่ยชงกับเซียวฮุ่ยมาที่นี่
และทันทีที่พวกเขามาถึง คิ้วเฟ่ยชงก็เลิกขึ้นจนเกือบเป็นแนวตั้ง ทอดสายตาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง!
“ที่ตรงนั้นไม่ธรรมดา!”
เฟ่ยชงเอ่ยเสียงเบา สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังในที่แห่งนั้น
“คลื่นพลังเช่นนี้มิได้เกิดจากพวกธรรมดาเป็นแน่ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ นอกจากพวกหลี่จิ่วเต้าน่ากลัวว่าคงมิมีผู้ใดมาถึงระดับนี้ได้!”
เขาหรี่ตาลง “หลี่จิ่วเต้าน่าจะอยู่ที่นั่น!”
หากเป็นจ้าวแห่งเซียนจุติลงมาจากภพเซียนย่อมไม่มีทางปล่อยคลื่นพลังระดับนี้ออกมา ซ้ำแล้วสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอ่อนแอปานนั้น คลื่นพลังเช่นนี้เหนือกว่าขอบเขตความสามารถของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ไปไกลแล้ว
เขาคาดการณ์ว่าคลื่นพลังนี้อาจเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้า!
“ไปเถิด”
จากนั้น เขาพาเซียวฮุ่ยมุ่งหน้าไปทางนั้น
และทางนั้น ก็คือเมืองจิ่งเทียน!