วันที่สอง…
วันที่สาม…
วันที่สี่…
หลังจากระบบส่งมอบภารกิจอายุขัย หลินเยวียนจึงเริ่มพิมพ์หนังสืออย่างสบายใจ แน่นอนว่าสถานที่พิมพ์หนังสือก็คือสตูดิโอวาดการ์ตูน เพื่อที่เขาจะสามารถใช้เวลาว่างปล่อยการ์ตูนของตนออกมาได้ สถานการณ์ของการ์ตูนนั้นไม่ซับซ้อน เพราะหลังจากได้รับการชี้แนะภายใต้เอฟเฟ็กต์อาจารย์ หลัวเวยพอจะสามารถคัดลอกลายเส้นของหลินเยวียนได้แล้ว กอปรกับความช่วยเหลือจากผู้ช่วยวาดการ์ตูน จึงไม่ต้องเปลืองแรงมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นทักษะการวาดภาพระดับปรมาจารย์ไม่ได้ยกระดับเพียงภาพวาด คุณภาพยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย เทียบกับเวลาเดียวกันเมื่อก่อน ความเร็วของหลินเยวียนเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า
พรึบๆๆ
ฉับๆๆ
ทั้งการ์ตูนและนิยายล้วนเหมือนกัน จะต้องคว้าไว้ทั้งสองมือ และต้องจับไว้ให้มั่น เวลาที่มีอยู่นี้นับว่าเพียงพอ เขาง่วนอยู่จนถึงวันที่ห้าของสัปดาห์ถึงได้หยุดพัก เขาต้องขบคิดเรื่องเพลงในการแข่งขันสัปดาห์ที่สี่ ปรากฏว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ โทรศัพท์ของหลินเยวียนก็ดังขึ้น ผู้ที่โทรมาคือผู้กำกับรายการ ถงซูเหวิน
“มีอะไรเหรอครับ”
“มีข้อเสนอครับ”
ถงซูเหวินเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “สมาคมวรรณศิลป์อยากให้รอบที่สี่เป็นเวทีของคณะกรรมการตัดสิน แน่นอนว่าเรายึดหลักความสมัครใจของนักร้อง ดูว่านักร้องยินดีเลือกผลงานเพลงของคณะกรรมการทั้งสี่ท่านมาใช้ไหม คุณเป็นนักร้องท่านแรกที่ผมติดต่อมา เพราะนักร้องท่านอื่นเคยส่งลิสต์เพลงมาแล้ว แต่กรณีของคุณค่อนข้างพิเศษ เพราะใช้เพลงที่เขียนเอง ไม่ทราบว่าคุณยินดีไหมครับ?”
หลินเยวียนชะงัก
เดิมทีเขาคิดว่าจะปล่อยเพลงใหม่ต่อไปในรอบที่สี่ นึกไม่ถึงว่าทางทีมงานรายการจะมีแผนเช่นนี้ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงลังเล ทว่ายามนี้เขาซึ่งมีความสามารถในการร้องเพลงเพิ่มขึ้น จึงไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้
“ไม่มีปัญหาครับ”
หลินเยวียนเคยฟังเพลงของคณะกรรมการตัดสินทั้งสี่ มีบางเพลงที่หลินเยวียนชื่นชอบมาก นักร้องสองคนร้องเพลงปลายักษ์ของตนบนเวทีได้ แน่นอนว่าตนก็สามารถขับร้องผลงานของนักร้องหรือนักประพันธ์เพลงท่านอื่นได้เหมือนกัน เขาถึงขั้นรู้สึกว่าทีมงานรายการจัดการได้น่าสนใจมาก
“ดีเลยครับ!”
ถงซูเหวินเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “งั้นผมขอตัวไปติดต่อนักร้องท่านอื่นก่อน ที่สำคัญคือตอนแข่งแบบทีม ไลน์อัปของคณะกรรมการตัดสินจะเปลี่ยนไป ดังนั้นพวกเราจึงนับว่าเซอร์ไพรส์ผู้ชม”
“ครับ”
หลังจากวางสาย หลินเยวียนยิ้มบาง เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต้องขบคิดว่าในสัปดาห์ที่สี่จะใช้เพลงจากโลกเพลงไหนดี คิดซะว่าตนขอแอบอู้เป็นบางครั้งคราวก็แล้วกัน บทเพลงคลาสสิกมากมายของคณะกรรมการตัดสินสามารถนำมาเป็นตัวเลือก มีตัวเลือกสำหรับนักร้องเต็มไปหมด โดยเฉพาะนักร้องซึ่งมีสามเสียงอย่างหลินเยวียน ถึงขั้นที่ท้ายที่สุดแล้วจะเลือกเพลงของใคร หลินเยวียนไม่จำเป็นต้องขบคิด ในใจเขามีคำตอบอยู่แล้ว นี่คือเหตุผลที่หลินเยวียนคิดว่าการจัดการเช่นนี้น่าสนใจ
พ่อเพลงหยางจงหมิง!
เหตุผลที่เลือกหยางจงหมิงนั้นมีหลายประการ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดอันที่จริงคงจะเกี่ยวข้องกับความเห็นแก่ตัวของหลินเยวียน เพราะสำหรับหลินเยวียนแล้ว หยางจงหมิงเป็นกึ่งอาจารย์สอนประพันธ์เพลงของเขา เขาใช้การ์ดตัวละครหยางจงหมิงซึ่งระบบมอบให้ ร่ำเรียนการประพันธ์เพลงมาไม่น้อยจากหยางจงหมิงในมิติเสมือน ต่อให้หยางจงหมิงจะไม่รู้ แต่หลินเยวียนก็เคารพอีกฝ่ายมาก ถึงขั้นที่มองอีกฝ่ายเป็นกึ่งอาจารย์ การขับร้องเพลงของอีกฝ่ายบนเวทีนับว่าเป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง
“อืม…”
ในเมื่อตัดสินใจขับร้องผลงานของหยางจงหมิง งั้นควรเลือกเพลงออกมาสักเพลง ในฐานะหนึ่งในนักประพันธ์เพลงระดับยอดพีระมิดของบลูสตาร์ หยางจงหมิงมีบทเพลงสุดคลาสสิกมากมาย นอกจากนั้นเวอร์ชันต้นฉบับยังขับร้องโดยราชาราชินีเพลงทั้งนั้น
“ได้แล้ว!”
จู่ๆ หลินเยวียนก็นึกถึงเพลงหนึ่งขึ้นมา เพลงนั้นมีชื่อว่า ‘จากไป’ เป็นผลงานเพลงในยุคแรกของหยางจงหมิง นับว่าเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบแดงในยุคแรกๆ ของหยางจงหมิงขณะเดียวกันเพลงนี้ก็เหมาะสมแก่การขับร้องบนเวที ตอนนี้แนวโน้มในการแข่งขันของหลินเยวียนนั้นแน่นอนมาก เขาคิดว่าหากเลือกเพลงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ติดสามอันดับแรก สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ ผู้ที่ขับร้องเพลงต้นฉบับคือเฟ่ยหยาง ในช่วงนั้นสตาร์ไลท์และเซวี่ยนล่านร่วมงานกัน ฉะนั้นเพลงของหยางจงหมิงจึงยกให้นักร้องแถวหน้าอย่างเฟ่ยหยางเป็นผู้ขับร้อง
“เพลงนี้แหละ”
หลังจากเลือกเพลงแล้ว หลินเยวียนก็ไม่ได้ขบคิดเรื่องนี้อีก เขาไม่มีความทะเยอทะยานในอันดับของการแข่งขันรอบถัดไป ไม่จำเป็นต้องได้อันดับหนึ่ง ขอเพียงไม่ตกรอบก็พอแล้ว ถึงอย่างไรการแข่งขันในรอบถัดไปจะมีคนตกรอบเพียงคนเดียว อันตรายคงไม่มาถึงหลินเยวียนผู้ซึ่งมีพัฒนาการด้านการร้องเพลงอย่างก้าวกระโดด
ทว่าบนโลกออนไลน์
แน่นอนว่าเสียงตำหนิติเตียนหลานหลิงอ๋องยังคงไม่จบลงง่ายๆ ขณะที่ตอนที่สามของรายการใกล้จะออนแอร์ กระแสถึงกับย่ำแย่ลงกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อมีการโจมตีจากแฟนคลับของหยวนซี
สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ
เหลิ่งเฉวียนคล้ายว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหว?
ทำไมเหลิ่งเฉวียนซึ่งก่อนหน้านี้วิพากษ์วิจารณ์หลานหลิงอ๋องเพื่อเรียกกระแสกลับเงียบลง เขาเข้าร่วมการบันทึกเทปรายการในสัปดาห์ที่สามไม่ใช่หรือ ตอนนี้ที่เงียบเกิดจากมาตรการรักษาความลับในการบันทึกเทปของรายการ?
ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน
ไม่มีใครคิดมากกับเรื่องนี้ และท่ามกลางสารพัดความคิดเห็น ในที่สุดก็มาถึงวันอาทิตย์ และในที่สุดราชาหน้าการนักร้องตอนที่สามที่หลายคนตั้งตารอคอยก็ออกอากาศอย่างเป็นทางการแล้ว!
พรึบๆๆ!
ผู้ชมนับไม่ถ้วนเริ่มรับชม และภาพแรกที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนก็คือหลังจากที่หลานหลิงอ๋องลงจากรถ ได้รับเสียงเชียร์จากแฟนๆ ซึ่งตามมารอด้านนอกเวที และความเงียบสุดขีดหลังจากหลานหลิงอ๋องเดินเข้าประตูมา…
คอมเมนต์กระสุน
บนอินเทอร์เน็ต
หลายคนรับชมรายการพลางแสดงความคิดเห็น ‘รู้สึกว่ารอบนี้หลานหลิงอ๋องแปลกๆ สองรอบแรกถึงจะพูดน้อย แต่อย่างน้อยก็ไม่เงียบแบบนี้’
‘น่าสงสาร’
‘รูดซิปปากตัวเองไปแล้ว’
‘กริบสุดๆ’
‘คงจะเป็นเพราะโดนด่าในเน็ตล่ะมั้ง ถึงฉันจะไม่ได้ชอบหลานหลิงอ๋อง แต่ก็ไม่ได้เกลียดคนคนนี้ คำพูดของเขาเหมือนกับที่คณะกรรมการตัดสินพูด แต่ความแตกต่างก็แค่เขาไม่ได้เป็นคณะกรรมการตัดสินแค่นั้นเอง’
‘สมน้ำหน้า!’
‘เขาต่อว่าหยวนซีของพวกเรากลางรายการ จะไม่ให้พวกเราด่าเขาในเน็ตได้ยังไง หลานหลิงอ๋องคนนี้ก็เหมือนกับพวกฝีมือกากแต่ปากเก่งในเกมนั่นแหละ’
‘หนาวเหน็บเลยสิ!’
‘ค่ำคืนเหน็บหนาวถวิลหาเพียงแต่เจ้า กลางอ้อมกอดสายน้ำความทรงจำ เพลงแรกของหลานหลิงอ๋องพยากรณ์จุดจบของตัวเขาเอง คำทำนายของเหลิ่งเฉวียนยังน้อยไป นี่ต่างหากนักพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริง!’
‘…’
มีคนสงสาร
มีคนหัวเราะเยาะ
มีคนกังวล
มีคนเฝ้าสังเกตการณ์
ก่อนหน้านี้ทีมงานตัดต่อใส่เอฟเฟ็กต์ลมหนาวในห้องของหลานหลิงอ๋อง ทว่าวันนี้กลับเพิ่มเอฟเฟ็กต์น้ำค้างแข็งไปด้วย ห้องรับรองของนักร้องคนอื่นๆ ยังคงครึกครื้น อบอุ่น หรือไม่ก็มีชีวิตชีวาเฉกเช่นที่ผ่านมา มีเพียงห้องรับรองของหลานหลิงอ๋องซึ่งแลดูประหนึ่งถ้ำน้ำแข็ง ถึงแม้จะดูผ่านหน้าจอยังทำให้ผู้ชมสัมผัสความรู้สึกเย็นยะเยือกตามไปด้วย!
“กึกๆ”
แม้แต่แฟนคลับของหยวนซีบางส่วนยังรู้สึกสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ทันใดนั้นก็พลันหัวเราะลั่น เพราะหลานหลิงอ๋องจับสลากได้หมายเลขหนึ่ง หมอนี่ขึ้นเปิดเวทีในสัปดาห์ที่สาม!
‘สบายใจแล้ว!’
‘สบายใจแล้ว!’
แฟนคลับของหยวนซีปั่นคอมเมนต์ แฟนคลับของจ้าวอิ๋งเก้อบางส่วนก็ปั่นคอมเมนต์เช่นกัน ปรากฏว่าขณะที่แฟนคลับทั้งสองกลุ่มกำลังปั่นคอมเมนต์กันอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ เสียงของหลานหลิงอ๋องก็ดังกึกก้องราวกับระเบิดครังใหญ่!
ตูม!
กอปรกับอาการหงอยขั้นสุดก่อนหน้านี้ของหลานหลิงอ๋อง เหล่าผู้ชมหน้าจอนับไม่ถ้วนต่างขนลุกขนพอง ส่วนแฟนคลับของหยวนซีและจ้าวอิ๋งเก้อก็ตกตะลึงไปตามกัน
กลางเวที!
หน้ากากอันน่ากลัวจนงดงามของหลานหลิงอ๋องหันประจันหากล้อง เสียงแหบระคนความสากดังสนั่นบนเวทีราชาหน้ากากนักร้อง!
ระเบิดในชั่วพริบตา!
………………………………………………