พวกเขาสองคนล้วนรู้สึกว่า ความจริงแล้วซูชีกับท่านหญิงซูซูเป็นคู่รักคู่แค้นกัน!
ซูซูไม่ได้ถามซูชีว่า จุดหมายปลายทางในครั้งที่ของพวกเขาคือที่ไหน
เขาไปที่ไหน นางก็ไปที่นั่น เหมือนกับจอกแหนเกาะกันแน่ในมหาสมุทร
การเดินทางสามวัน จะว่าไกลก็ไม่ไกล ใกล้ก็ไม่ใกล้
รอรถม้าจอดนิ่งอีกครั้ง หลังจากซูซูตามซูชีลงมาจากรถม้า และได้เห็นป้ายที่มีพื้นหลังที่ดำ ตัวอักษรสีแดงที่อยู่ตรงข้ามกับภัตตาคารหงจี้ นางก็รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน
แม้ว่าจะไม่มีใครในพวกเขาเคยบอกนาง
นางเดินไปข้างกายซูชี เงยหน้ามองป้ายตัวอักษรขนาดมหึมาบนป้ายตรงข้ามด้วยกันกับเขา ทั้งสองคนล้วนนิ่งเงียบ
โรงงานเครื่องปรุงเซียนมั่ว
เมื่อเห็นตัวอักษรตรงหน้าแล้ว นางยังมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจอีก
ที่นี่…คาดว่าคงเป็นหมู่บ้านหวังจยาที่ทำให้พวกเขาเคยโหยหาและใช้ชีวิตมาก่อนสินะ?
ดีจริงๆ…พวกเขาเคยมีความทรงจำที่งดงามด้วยกัน
“ซูชี นั่นคือร้านที่เชียนเสวี่ยเปิดหรือ” แม้ว่าจะดูเหมือนหาเรื่องเอ่ยทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนตรงนี้ แต่นางไม่อยากให้ซูชีจมอยู่กับความเศร้าเสียใจที่ไม่มีที่ไปที่มาเช่นนี้
อย่างไรเสียถึงเชียนเสวี่ยจะดีเพียงใด แต่ก็ไม่ได้เป็นของเขา
บางที จะเอ่ยให้ดูโหดร้ายกว่านี้อีกหน่อย ก็คือมั่วเชียนเสวี่ยไม่เคยเป็นของซูชี
ซูชีไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองรู้สึกเช่นไร เพียงแต่อยากระลึกถึงอดีตตรงนี้สักพักหนึ่ง และไม่อยากให้ใครมารบกวนเขา
ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ตอบคำถามซูซู กระทั่งสายตาก็ไม่ได้แบ่งมาให้นาง แต่หมุนตัวเดินตรงเข้าไปในภัตตาคารหงจี้แทน
นับตั้งแต่ที่โรงงานซีอิ๊วเชียนมั่วเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ เขาก็ให้คนเปิดภัตตาคารหงจี้แห่งนี้ที่นี่ นี่คือทรัพย์สินส่วนตัวของเขา
ที่นี่มีห้องพักของเขาตลอดปี
“ซูชี…” ซูซูยอมรับว่า ตอนที่เห็นเงาร่างที่หมุนตัวจากไปอย่างไม่แยแสของเขา นางถูกทำร้ายจิตใจเข้าแล้วจริงๆ นางหันกลับไปอย่างคิดจะเรียกเขา แต่สุดท้ายวาจานั้นกลับถูกกลืนกลับลงไปในท้อง
ตอนนี้อารมณ์ของเขาคงไม่ดีเป็นอย่างมากสินะ? ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาพบกันในครั้งแรก มีโชคชะตาต่อกันที่นี่ ทว่าน่าเสียดายที่สุดท้าย…
“ท่านหญิงซูซู เชิญตามข้าน้อยมาได้เลยขอรับ คุณชายเตรียมห้องไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว”
ตอนนี้เองที่อาจ้าวปรากฏตัวตรงหน้าซูซู เขาค้อมกายเล็กน้อย น้ำเสียงเคารพนบนอบ
เขายินยอมเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ท่านหญิงซูซูสามารถทำให้นายท่านของตนเองสนใจนางได้ แล้วช่วยนายท่านออกมาจากความรู้สึกสิ้นหวัง ให้หวนกลับไปเป็นคุณชายเจ้าปัญหาผู้มีอิสรเสรีคนนั้น
ซูซูยังคงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของบุรุษ เมื่อได้ยินวาจาของอาจ้าว นัยน์ตาที่เดิมมืดมนก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที!
“เจ้าบอกว่าซูชีเตรียมห้องพักไว้ให้ข้าเรียบร้อยแล้วหรือ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงดีใจขนาดนี้ของท่านหญิงซูซู อาจ้าวกลับไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามอย่างไร
นี่เป็นคำสั่งของนายท่านจริงๆ แต่ตอนนั้นน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก แล้วจะให้เขาตอบท่านหญิงซูซูอย่างไร แน่นอนว่าเขาไม่มีทางบอกกับท่านหญิงซูซู
ไม่เพียงไม่บอก แต่ยังจะทำตัวเป็นคนกลางเชื่อมความสัมพันธ์กับให้กำลังใจอีกด้วย!
“ใช่แล้วขอรับ คุณชายตั้งใจให้ข้าน้อยเตรียมเอาไว้”
ได้ยินคำตอบเช่นนี้ ท่านหญิงซูซูพลันรู้สึกพอใจแล้ว!
“ตกลง พวกเราไปกันเถอะ!” ท่านหญิงซูซูเอ่ยจบ ก็ห้อตะบึงนำไปยังภัตตาคารหงจี้ก่อน
นางก็เป็นเช่นนี้ อารมณ์ความรู้สึกมาเร็วและไปเร็ว
การเดินทางท่องเที่ยวของพวกเขาได้หยุดลงที่นี่
ซูชีใช้เวลาหนึ่งวันระลึกความรู้สึกในจิตใจของตนเอง เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากนั้น ก็กลับมาเป็นคุณชายมากความสามารถที่ไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ใดๆ อย่างน้อยภายนอกดูแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทางหดหู่และเฉยเมยเหมือนเมื่อวาน
เดิมนี่เป็นเรื่องที่ซูซูควรจะดีใจ แต่นางกลับรู้สึกใจไม่สงบ
ซูชีที่ไม่ถูกสิ่งใดผูกมัดเอาไว้ เต็มไปด้วยอิสรเสรี และเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนนั้น ทำให้ซูซูไม่ชิน
นางเข้าใจซูชีมากเกินไป รู้ว่าเขาสวมหน้ากากให้ตนเองอีกแล้ว นางยอมให้ซูชีโศกเศร้า เผยความรู้สึกตนเอง แต่กลับไม่อยากให้เขาสวมหน้ากากจอมปลอมเช่นนี้
หากว่าเป็นแบบนั้น ไม่แน่ว่าเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง คิดได้ก็ดีไป ขังตนเองไว้แบบนี้ เกรงว่าตนเองอยากจะเกลี้ยกล่อมก็หาโอกาสไม่ได้!
คืนวันสิ้นปีใกล้จะมาถึงแล้ว
ตอนนี้แต่ละร้านแต่ละครอบครัวล้วนกำลังเตรียมของฉลองปีใหม่ เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นการใช้ชีวิตปกติของชาวบ้าน แต่สำหรับซูซูนั้นแปลกใหม่มาก
“ซูชี พวกเราก็ไปซื้อของมาเตรียมฉลองปีใหม่กันเถอะ!”
พวกเขาในตอนนี้นั่งกินอาหารเช้าอยู่ในห้องโถงชั้นล่าง ซูชีกำลังกัดซาลาเปาในมือ หลังจากได้ยินประโยคเหลวไหลของซูซู ก็แค่มองนางนิ่งๆ แวบหนึ่ง แล้วกินซาลาเปาในมือเงียบๆ ต่อไป
สำหรับเขาแล้ว วาจาเช่นนี้ของซูซู เอ่ยออกมาโดยไม่ผ่านการไตร่ตรอง เชื่อเป็นจริงเป็นจังไม่ได้
จ้าวเฟยลู่กับอาจ้าวก็นิ่งเงียบ ก้มหน้ากินโจ๊ก พยายามลดการมีตัวตนของตนเองให้มากที่สุด…
ซูซูกะพริบตาปริบๆ แสดงให้เห็นว่าไม่เข้าใจเรื่องนี้ยิ่ง
“ซูชี เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าเอ่ยหรือ”
“ได้ยินแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าว่าดีหรือไม่”
ซูชีวางซาลาเปาในมือลง หยิบผ้าที่อยู่อีกด้านขึ้นมาเช็ดนิ้วมือ การกระทำนั้นสง่างามมาก
“กูเสี่ยวซู เจ้ากำลังหยอกข้าเล่นอย่างนั้นหรือ”
ซูซูไม่เข้าใจ เหตุใดซูชีถึงได้กล่าววาจาเช่นนี้ออกมา
“ซูชี เจ้าหมายความว่าอะไร ข้าจะหยอกเจ้าเล่นได้อย่างไร ข้าก็แค่บอกว่าจะฉลองวันปีใหม่กับเจ้า เจ้าต้องถึงขั้นแสดงท่าทีเช่นนี้ด้วยหรือ”
ช่วงนี้ซูซูอารมณ์ไม่ดีมาก
ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่คืนวันสิ้นปีกำลังจะมาถึง นางไม่เคยห่างจากบิดามารดาตั้งแต่เยาว์วัย จึงรู้สึกคิดถึงบ้านเล็กน้อย และท่าทีเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายที่ซูชีมีต่อนางในระยะนี้ ก็ทำให้สภาพจิตใจของนางเริ่มจะฉุนเฉียวแล้ว!
ชอบนางก็บอกมาตามตรง
ไม่ชอบนาง ก็สามารถเอ่ยออกมาให้ชัดเจน
ความสามารถในการต้านการโจมตีของนางยังคงแข็งแกร่งมาก
แต่ซูชีมักจะใช้หน้ากากหยิ่งยโส ตัดรอนกับนาง แม้ว่านางจะมีนิสัยเป็นแม่พระ ก็ถูกกระตุ้นให้โมโหได้เหมือนกันเข้าใจไหม
สงครามเริ่มแล้ว!
อาจ้าวกับจ้าวเฟยลู่รู้สึกได้ถึงแนวโน้มสถานการณ์ที่จะระเบิดอย่างเลือนราง พวกเขาเลือกที่จะหลบเลี่ยงอย่างชาญฉลาด
นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้เป็นเจ้านาย ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาซึ่งเป็นบ่าวสมควรเข้าไปยุ่งด้วย
“คุณชาย ข้าน้อยไปดูสถานการณ์ข้างนอกสักครู่นะขอรับ”
“ท่านหญิง ข้าน้อยไปตลาดซื้อของให้สหายก่อนนะขอรับ”
ทั้งสองคน หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับเรื่องนี้ ซูชีกับซูซูไม่ได้มีสีหน้าท่าทางอื่นใด พวกเขาชินกับการดูทิศทางลมของสองคนนี้นานแล้ว
ทั้งสองคนสบตากัน ล้วนไม่ยอมก้มศีรษะสูงศักดิ์ให้กับความดื้อดึงสักนิดเดียว
มองจากที่ไกลๆ คงนึกว่าเป็นคู่รักที่ความรักไม่แปรผันคู่หนึ่ง
สุดท้าย ซูชีก็ปฏิบัติตามแนวคิดที่ว่าบุรุษที่ดีไม่สู้กับสตรี เขาถอนสายตาตนเองกลับมา แล้วกินซาลาที่ถูกกินไปครู่ลูกเมื่อจะกี้ต่อไป