ตอนที่ 666 พ่ายแพ้อย่างราบคาบ
แม่ไป๋เงียบไปเป็นเวลานาน ก่อนจะพึมพำ “ซวงเอ๋อร์หล่อนดูน่าสงสาร.…..”
แสงแห่งความหวังในดวงตาของพ่อไป๋ดับวูบอย่างรวดเร็ว
เขาโบกมือใหญ่โตของเขา “เอาล่ะ ผมรู้คำตอบแล้ว พวกเราหย่าเถอะ”
แม่ไป๋รู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางเย็นชาของพ่อไป๋ยิ่งนัก
หล่อนกัดฟันพูดออกมา “ฉันไม่หย่า ดูซิว่าคุณจะทำอะไรฉันได้!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต่างคนต่างอยู่ ผมจะไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอกแล้วย้ายออกไปอยู่กับไป๋เซี่ยและไป๋ลู่”
เขามองบ้านที่เขาอยู่มาเป็นเวลาห้าถึงหกปีแล้วก็รู้สึกตัดใจไม่ได้เล็กน้อย “บ้านหลังนี้องค์กรเป็นคนจัดสรรให้ผม ผมจะคืนให้องค์กร คุณและลูกเลี้ยงสุดรักของคุณจงจำไว้ว่าต้องย้ายออกไปให้เร็วที่สุด”
สีหน้าของแม่ไป๋ซีดเผือดด้วยความโกรธ “หมิงหยวน คุณมันใจจืดใจดำ!”
พ่อไป๋ถามกลับ “แล้วคุณไม่ใจดำกับเสวี่ยเป่ากับผมหรอ? คุณใจดำได้ ทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้!”
แม่ไป๋เถียงข้างๆ คูๆ “ม่ายจือออกจะมีคนรักมากมายขนาดนั้น แต่ซวงเอ๋อร์มีแค่ฉัน~”
ไป๋เซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ม่ายจื่อมีคนรักมากขนาดนั้น ก็เพราะหล่อนทำให้คนรักนะครับ แม่จะใจร้ายกับหล่อนเพราะหล่อนมีแต่คนรักคนชอบไม่ได้!”
ไป๋ลู่ก็ไม่เข้าใจท่าทางที่แม่ไป๋มีต่อหลินม่ายและไป๋ซวงเหมือนกัน
หล่อนจึงต่อว่าแม่ไป๋ “ไม่ว่าพวกเราจะดีกับเสวี่ยเป่าแค่ไหน ก็ทดแทนความรักของแม่ไม่ได้หรอกนะคะ”
แม่ไป๋พูดอย่างหมดความอดทน “ม่ายจื่อโตขนาดนี้แล้ว ยังจะต้องการความรักจากแม่อะไรอีก?”
พ่อไป๋พูดขึ้นด้วยความโมโห “ลูกสาวบุญธรรมของคุณอายุมากกว่าเสวี่ยเป่าไม่กี่วัน ทำไมคุณยังถึงมอบความรักของแม่ให้หล่อนได้ล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าฉันบอกพวกคุณแล้วหรือไง? ซวงเอ๋อร์มีแค่ฉัน แต่ม่ายจื่อมีพวกคุณทุกคน”
“ได้ๆๆ ในเมื่อคุณชอบลูกเลี้ยงมากขนาดนั้น ก็ไปอยู่กับหล่อนซะ ผมจะหย่า!”
หลินม่ายเห็นพ่อไป๋ดูเหมือนจะตัดสินใจแน่วแน่ที่จะหย่ากับแม่ไป๋แล้ว เธอก็รู้สึกโล่งใจ จึงพาโต้วโต้วและฟางจั๋วหรานออกมาด้วยกัน
พ่อไป๋และไป๋เซี่ยกับน้องสาวส่งครอบครัวของเธอกลับเรือนสี่ประสาน
หลินม่ายไม่อยากให้พ่อไป๋และไป๋ลู่กับไป๋เซี่ยต้องเช่าบ้าน เพราะการเช่าบ้านไม่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง
เธอนึกถึงเรือนสี่ประสานเล็ก ๆ หลังหนึ่งที่มีคนแนะนำให้เธอ ซึ่งเธอซื้อให้พ่อไป๋และคนอื่น ๆ อยู่ไปก่อนได้
ดังนั้นจึงพูดกับพ่อไป๋ “พ่อไม่ต้องรีบร้อนเช่าบ้านหรอกค่ะ ฉันกำลังจะซื้อบ้านสักหลังภายในสองสัปดาห์นี้ พ่อกับพี่ชายและพี่สาวค่อยย้ายเข้าไปอยู่”
พ่อไป๋คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกเธอ “ลูกจัดการเรื่องซื้อขายบ้านให้พวกเราได้เลย เงินพ่อจะออกเอง พ่อมีเงินอยู่”
หลินม่ายไม่เคยคิดเรื่องซื้อบ้านเป็นของขวัญให้พ่อไป๋ แต่เธอไม่อาจให้พ่อไป๋ออกเงินซื้อบ้านในตอนนี้ จึงบอกไปว่า “เงินซื้อบ้านเดี๋ยวฉันจะออกเองค่ะ พ่อกับคุณนายไป๋ยังไม่หย่าร้างกัน บ้านที่พ่อซื้อจะกลายเป็นสินสมรสของสามีภรรยา คุณนายไป๋จะย้ายเข้ามาอยู่กับลูกสาวของหล่อนได้ แต่ถ้าเป็ฯบ้านที่ใช้เงินฉันซื้อ พวกพ่อเข้ามาอยู่ก็ถือว่าเป็นการอยู่อาศัยชั่วคราว ตราบใดที่ฉันไม่ให้คุณนายไป๋กับลูกสาวของหล่อนเข้ามาอยู่ พวกเขาก็เข้ามาอยู่ไม่ได้”
พ่อไป๋คิดอยู่สักพักหนึ่งจึงพยักหน้า “อย่างนั้นก็ได้ ทำตามที่ลูกจัดการเถอะ รอพ่อกับแม่ของลูกหย่ากันแล้ว พ่อถึงจะซื้อบ้านสักหลัง”
หลินม่ายพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อกลับไปถึงบ้านของตัวเอง ก็ล่วงเลยเวลาหกโมงเย็นไปแล้ว
คุณย่าฟางเตรียมอาหารเย็นไว้ให้แล้ว รอให้ครอบครัวของหลินม่ายทั้งสามคนกลับมากินข้าวด้วยกัน
ทุกคนกินไปพลางพูดคุยไปพลาง แล้วหลินม่ายก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวไป๋ให้ทุกคนฟัง
พวกคุณปู่ฟางคิดว่าแม่ไป๋คงเสียสติไปแล้ว
ลูกเลี้ยงนิสัยต่ำทรามแบบนั้น หล่อนยังจะปกป้องอีก
หรือต้องรอให้ลูกเลี้ยงทำร้ายจนตายก่อน หล่อนถึงจะมีสติขึ้นมา?
หลินม่ายบอก “ไม่ใช่เพราะสมองของหล่อนกลวงหรอกค่ะ แต่หล่อนรักไป๋ซวงจริง ๆ อีกอย่างไป๋ซวงก็เป็นลูกที่หล่อนให้การเลี้ยงดูมามากที่สุด”
ย่าฟางเบ้ปาก “น่าเสียดายนะที่หล่อนเลี้ยงงูพิษ”
หลินม่ายทำตามที่พูดไว้ เธอใช้เวลาว่างแค่ไม่กี่วันก็ดูเรือนสี่ประสานขนาดเล็กไปแล้วหลายหลัง
สุดท้ายจึงเรือนเรือนสี่ประสานเล็ก ๆ หลังหนึ่งมา
แม้ว่าเรือนสี่ประสานหลังนี้จะไม่ใหญ่ ไม่มีห้องอาหารและห้องรับรองแขก มีเพียงสี่ห้องเท่านั้น แต่ก็เพียงพอสำหรับพ่อไป๋ ไป๋เซี่ยและไป๋ลู่
ถึงแม่พี่ไป๋เหยียนจะพาเถียนเถียนกลับมาพักที่บ้านเดิมเป็นเวลาสั้น ๆ หล่อนก็มีห้องของหล่อนเอง
เรือนสี่ประสานหลังนี้อยู่ในตรอกเดียวกับเรือนสี่ประสานที่นายตู้อยากขายให้เธอครั้งก่อน
หลินม่ายเดินผ่านเรือนสี่ประสานของนายตู้ ก็เห็นหน้าบ้านมีกลอนล็อกอยู่ จึงถามเพื่อนบ้านแถวนั้นอย่างสงสัย
จึงได้รู้ว่านายตู้เอาเรือนสี่ประสานหลังนี้ไปจำนองไว้นานแล้ว แต่ก็ยังนำมันมาขาย และหลอกผู้ซื้อบ้านไปหลายราย
นายตู้โกงเงินและหนีไปโดยไร้ร่องรอย ตำรวจกำลังตามจับเขา
แต่ในยุคนี้ เนื่องจากการข้อมูลข่าวสารยังย่ำแย่ ผู้หลบหนีจึงซ่อนตัวได้อย่างง่ายดาย
ไม่เหมือนอีกไม่กี่ทศวรรษต่อไปที่มีคลังข้อมูลขนาดใหญ่ ตำรวจจึงสามารถหาคน ๆ หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
หลินม่ายลอบรู้สึกยินดีอยู่ในใจที่เธอระแวดระวังตั้งแต่ต้น ไม่ถูกราคาที่ถูกแสนถูกล่อลวงเอาได้ ไม่เช่นนั้นชื่อของเธอคงไปแปะอยู่ในรายชื่อของเหยื่อ
หลังจากหลินม่ายซื้อบ้านแล้ว ก็นำกุญแจไปให้พ่อไป๋ แล้วบอกเขาให้หาคนมาทำความสะอาดแล้วย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย
บ้านหลังนี้นับว่าไม่เก่ามาก พ่อไป๋ใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถทำให้มันกลับมาดูใหม่เอี่ยม พร้อมที่จะเข้าอยู่อาศัยได้ตลอดเวลา
ไป๋ซวงสมรู้ร่วมคิดกับพ่อแม่แท้ ๆ ของหล่อน ก่อคดีขโมยทรัพย์สินของครอบครัวไป๋ ไม่ถึงสองสัปดาห์ก็กลายเป็นฝุ่นผงที่ร่วงลงบนพื้น[1]
เพราะไป๋ซวงยืนกรานว่าหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาขู่เข็ญบังคับหล่อน ถ้าหล่อนไม่ยอมตกลงร่วมมือกับพวกเขาขโมยทรัพย์สินของครอบครัวไป๋ พวกเขาจะพาหล่อนกลับไปยังครอบครัวหลิน
ไป๋ซวงไม่อยากกลับไปที่บ้านหลิน กลัวว่าหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาจะทำร้ายหล่อนเหมือนกับที่ทำร้ายหลินม่ายในอดีต
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกได้แต่จำยอมร่วมมือกับพวกเขา และให้ข้อมูลพวกเขา
บอกพวกเขาว่า ตอนที่ครอบครัวไป๋ไปเที่ยวข้างนอก พ่อไป๋และแม่ไป๋จะเก็บสิ่งของมีค่าและสมุดบัญชีธนาคารไว้ที่ไหน
เธอยังจงใจเปิดหน้าต่างห้องของตัวเองไว้ เพื่อให้สะดวกต่อการขโมยทรัพย์สินของหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยา
ไป๋ซวงแสดงเก่งมาก หล่อนร้องห่มร้องไห้ราวกับจะเป็นจะตายต่อหน้าตำรวจ
บวกกับบทที่แม่ไป๋แต่งให้ ยืนยันว่าหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาก่อนหน้านี้ได้ขอค่าเลี้ยงดูหลินม่ายจากพ่อไป๋
ดังนั้นตำรวจจึงเชื่อคำให้การของไป๋ซวงที่ว่าหล่อนถูกหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาบีบบังคับ และคำให้การนี้เป็นความจริง
ท้ายที่สุดไป๋ซวงถูกตัดสินให้รอทัณฑ์บนแค่สามเดือน ไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียว
แม่ไป๋มีความสุขมาก หล่อนให้แม่บ้านทำอาหารเย็นมื้อใหญ่ จงใจจะยั่วโมโหพ่อไป๋และลูกทั้งสอง โดยการเรียกพวกเขาทุกคนมากิน
พ่อไป๋พูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อมีของกินอร่อยแล้ว คุณกับลูกสาวสุดที่รักของคุณก็กินให้มากหน่อยเถอะ ผมจะพาเซี่ยเซี่ยกับน้องสาวสองคนย้ายออกไปวันนี้ แม่บ้านที่บ้านจะตามพวกเราไปด้วย ต่อไปผมก็ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคุณกับลูกสาวของคุณแล้ว”
แม่ไป๋ตะลึงงันทันที หล่อนเห็นว่าเกือบสองสัปดาห์แล้วพ่อไป๋ก็ยังไม่ย้ายออกไป จึงคิดว่าตอนนั้นเขาแค่พูดทำร้ายน้ำใจเฉย ๆ
นึกไม่ถึงว่าวันนี้กลับบอกว่าจะย้ายออกไปแล้ว
เสียงรถแล่นดังเข้ามาจากข้างนอกประตูบ้าน พ่อไป๋เดินไปเปิดประตูบ้าน แล้วชายแข็งแรงกำยำสิบคนที่เขาพามาย้ายบ้านก็เดินเข้ามา
พ่อไป๋สั่งชายตัวใหญ่เหล่านั้นให้ย้ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดรวมถึงกระทะหม้อรามชามไหในห้องครัวออกไปให้หมด
ตอนที่พวกเขาแต่งงาน ของในบ้านทั้งหมดล้วนเป็นของที่ครอบครัวไป๋ซื้อทั้งหมด ดังนั้นในเมื่อพวกเขากำลังจะหย่ากัน แน่นอนว่าเขาต้องเอาออกไปด้วย
ด้วยฝีมือคนร่างกายแข็งแรงจำนวนมาก บวกกับความช่วยเหลือของไป๋เซี่ยและน้องสาว ของในบ้านเกือบทั้งหมดจึงถูกย้ายออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือแค่ของที่อยู่ในห้องนอนของแม่ไป๋
ชายตัวใหญ่คนหนึ่งเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วมองเข้าไปข้างใน แล้วถามพ่อไป๋ “ให้ผมทำยังไงกับของในตู้ครับ?”
พ่อไป๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วบอก “ปูหนังสือพิมพ์ไว้บนพื้นแล้วเอาของข้างในทั้งหมดออกมาวางบนหนังสือพิมพ์”
ถึงอย่างไรเป็นสามีภรรยาเพียงวันเดียวก็ผูกพันกันไปตลอดชีวิต พ่อไป๋ไม่อยากทำร้ายแม่ไป๋มากเกินไป เสื้อผ้าของหล่อนจึงได้รับการห่อด้วยหนังสือพิมพ์
เมื่อสักครู่ตอนที่เขาขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องของไป๋ซวง พ่อไป๋ออกคำสั่งให้ชายตัวใหญ่เหล่านั้นโยนของที่ไป๋ซวงใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าลงบนพื้น
แม่ไปเห็นของตัวเองถูกโยนลงบนพื้น ถึงแม้จะมีหนังสือพิมพ์คอยรองรับ ก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
ชี้หน้าพ่อไป๋บอกว่าเขาใจไม้ไส้ระกำเกินไป
แต่พ่อไป๋ไม่สนใจ
ไม่นาน ของทั้งหมดในบ้านก็ถูกย้ายไปยังรถบรรทุกคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าประตูบ้าน
ก่อนที่จะจากไป พ่อไป๋พูดกับแม่ไป๋ “บ้านหลังนี้ผมทำเรื่องคืนให้องค์กรแล้ว องค์กรจะมายึดบ้านภายในสามวัน คุณและลูกสาวสุดที่รักของคุณก็รีบหาที่อยู่แล้วย้ายออกไปโดยเร็วซะ”
พูดจบ เขากับไป๋เซี่ยและไป๋ลู่สองพี่น้องก็ออกไปพร้อมกับรถบรรทุกคันใหญ่คันนั้น
ไป๋ซวงเห็นแบบนี้ก็ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด พลางบอกขอโทษแม่ไป๋ซ้ำๆ ว่าถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน พ่อไป๋ก็คงไม่หย่ากับแม่
ลึกลงไปในใจ แม่ไป๋รู้สึกไม่พอใจไป๋ซวงเล็กน้อย
แต่เมื่อเห็นหล่อนร้องไห้อย่างน่าสงสาร ความไม่พอใจเล็กน้อยนั่นก็หายไป
กลับกันหล่อนยังปลอบใจไป๋ซวง ว่าการที่หล่อนหย่ากับพ่อไป๋ไม่เกี่ยวข้องกับหล่อน ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของหลินม่าย
ไป๋ซวงภูมิใจในตัวเองนัก แค่หล่อนแกล้งทำเป็นหลั่งน้ำตานิดหน่อย แม่ไป๋ก็ถูกคนชั่วคนนี้หลอกเอาแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
[1] เปรียบเทียบกับเรื่องราวที่สิ้นสุดลงแล้ว
สารจากผู้แปล
เออ ในเมื่อไม่รับโอกาสสุดท้ายก็แยกย้ายค่ะ เชิญอยู่กับงูพิษไปแล้วกันนะยัยแม่ไป๋ รอโดนฉกตายสักวันแล้วจะรู้สึก
ท้อแท้ใจเหลือเกินค่ะเวลาแปลแล้วเจอตัวละครโง่บัดซบขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)