บทที่ 642 ปะทะศึกผู้ฝึกตนครั้งแรก หลี่จิ่วเต้าพึงพอใจมาก!
สายลมยามค่ำคืนหนาวเย็นนิดหน่อย หลี่จิ่วเต้าเดินอยู่ท่ามกลางขุนเขา พริบตาเดียวก็สร่างเมาขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่รู้สึกเมามากเช่นเดิม
อย่างที่คิด ลงมาเดินเล่นหน่อยเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม กลับไปคราวนี้ เขาไม่ต้องกังวลว่าจะเข้าห้องใครผิดอีกแล้ว
ฟึ่บ!
ประกายยะเยือกวาววับ ดาบยาวสีแดงฉานเล่มหนึ่งทะลวงออกมากลางอากาศ ฟาดฟันใส่หลี่จิ่วเต้า
เฟ่ยชงรอบคอบอย่างยิ่ง ไม่ได้ประมาทแม้แต่น้อย เขามองหลี่จิ่วเต้าเป็นศัตรูตัวฉกาจอย่างแท้จริง มิได้เผยตัวสู้กันซึ่งหน้า หากแต่เลือกวิธีลอบโจมตี!
ทว่ายามดาบยาวสีแดงฉานเล่มนั้นฟาดฟันมาเกือบถึงหลี่จิ่วเต้า กลับเกิดเสียงดัง ‘ปัง’ ดาบยาวสีแดงฉานเล่มนั้นระเบิดแหลกลาญ เศษดาบกระจัดกระจายเต็มพื้น
หลี่จิ่วเต้าได้ยินเสียงจึงหันกลับไปมอง เขารู้สึกตกใจนิดหน่อย
จู่ ๆ ก็มีดาบยาวสีแดงฉานเช่นนี้โผล่ออกมา เห็นได้ชัดว่ามีผู้ฝึกตนลงมือกับเขา!
‘โชคดีที่ข้าพกของวิเศษเหล่านั้นติดตัวมาด้วย!’
หลี่จิ่วเต้าสงบสติ ครุ่นคิดในใจ คาดการณ์ว่าคงเป็นของวิเศษในตัวเขาที่ช่วยเขาไว้ มิฉะนั้น ดาบยาวสีแดงฉานเล่มนั้นคงฟันโดนตัวเขาแล้วเป็นแน่
แม้ว่าเขามิใช่ผู้ฝึกตน ไม่เคยบำเพ็ญ เป็นเพียงปุถุชน กระนั้นเขาก็ไม่ใช่ปุถุชนธรรมดาแน่นอน
ครั้งหนึ่งเพื่อให้มีทักษะการต่อสู้ เขาห้ำหั่นกับสัตว์ป่าต่าง ๆ ในเขาชิงซานอยู่ทุกวี่วัน จิตใจจึงค่อนข้างเข้มแข็ง มิได้แตกตื่นลนลาน ทำตัวไม่ถูกยามประสบเคราะห์ภัย
‘นี่ข้าถูกหมายตาหรือนี่’
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะในใจ วิเคราะห์สถานการณ์ด้วยความสุขุม
คิดแล้วเขาเป็นเพียงปุถุชนผู้หนึ่ง ไฉนเลยจะต้องให้ผู้ฝึกตนลอบโจมตีเขาอย่างนั้น
ทว่าก็นึกถึงของวิเศษในตัวขึ้นมาได้ฉับพลัน
เดิมเขาไม่มีความผิด หากแต่ผิดที่มีสมบัติในการครอบครอง เมื่อครั้งพวกเขาทำการแลกเปลี่ยนกับชายชรา คงถูกผู้ฝึกตนบางกลุ่มเพ่งเล็งไว้แล้ว
นี่จะมาฆ่าเขาชิงทรัพย์ชัด ๆ!
โลกแห่งการฝึกตนโหดร้ายมากอย่างที่คิด!
ฟึ่บ!
หลี่จิ่วเต้าตั้งจิต แหวนที่มือเปล่งแสง ธงฮุ่นหยวนปรากฏในมือ ร่างของเขาและธงฮุ่นหยวนพลันหายลับไป
แหวนนี้เขาซื้อจากชายชราเช่นกัน เป็นแหวนบรรจุของ จากที่ชายชรากล่าวมา นี่คือยอดศาสตราจากยุคอนันตกาล สามารถบรรจุได้ทุกสิ่งในใต้หล้านี้
น่าเสียดาย แม้ว่าจะเขามีสมบัติในตัวมาก ทว่าอย่างไรก็มิใช่ผู้ฝึกตน ไม่รู้ว่าศัตรูอยู่แห่งหนใด เพราะเหตุนี้ เขาถึงเลือกใช้ธงฮุ่นหยวนอำพรางร่างของตนในทันที
เช่นนี้ อย่างน้อยศัตรูก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาปลอดภัยขึ้นอีกมาก
ธงฮุ่นหยวนไม่เพียงแต่อำพรางตนได้ ทั้งยังสามารถทะลวงห้วงมิติ เขาสามารถใช้พลังจากธงฮุ่นหยวนกลับไปถึงรถลากทันที ให้เซี่ยเหยียนจัดการศัตรูที่เร้นกายในมุมมืด
ทว่าเขามิได้ทำเช่นนั้น
ด้านหนึ่งเพราะศัตรูในมุมมืดอาจหนีไปได้ ถึงอย่างไรไวแค่ไหนก็ยังต้องใช้เวลา ขืนศัตรูฉวยโอกาสนี้หนีไปคงไม่รู้จะไปไล่ตามที่ไหน
อีกด้านเพราะ ตัวเขาอยากลองปะทะศึกกับศัตรูในมุมมืดดูสักตั้ง!
เขายังมิเคยต่อสู้กับผู้ฝึกตนมาก่อน!
ความรู้สึกนี้ส่งผลให้หลี่จิ่วเต้าเลือดร้อนขึ้นมาทันที เขาอยากลองยืมพลังจากของวิเศษเหล่านี้เพื่อดูว่าพอจะประมือกับผู้ฝึกตนได้หรือไม่
ถึงอย่างไรก็มีธงฮุ่นหยวนอยู่ เขาล่าถอยได้ทุกเมื่อ!
บวกกับพวกเซี่ยเหยียนอยู่ไม่ไกล เขาไม่มีทางเป็นอะไรไป
ตนจะหวังพึ่งคนอื่นอยู่ตลอดไม่ได้ ต้องมีช่วงเวลาที่ต้องอยู่ตามลำพังบ้าง อย่างเช่นยามนี้ ก็ควรจะเรียนรู้วิธีต่อสู้กับผู้ฝึกตนสักหน่อย!
อีกด้าน หลังจากร่างของหลี่จิ่วเต้าอันตรธานหายไป ขนของเฟ่ยชงก็ลุกชันไปทั้งตัว หัวใจหวาดผวาเหลือแสน!
เขาหนาวสะท้านไปทั้งตัว ประหวั่นพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง หลี่จิ่วเต้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาแผ่ประสาทสัมผัสจ้าวแห่งเซียนของตนถึงขีดสุด ก็ยังจับสัมผัสร่องรอยหลี่จิ่วเต้าไม่ได้เลยสักนิด ราวกับหลี่จิ่วเต้าไม่เคยปรากฏตัวออกมา!
การสูญเสียร่องรอยศัตรูไปอย่างสิ้นเชิง นับเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดในการต่อสู้ เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าหลี่จิ่วเต้าจะบุกออกมาตอนไหน สถานการณ์แบบนี้เขาเป็นรองเกินไป!
เขามิได้ลังเล หันหลังคิดจะหนีไปจากที่นี่ทันที หลี่จิ่วเต้าน่ากลัวกว่าที่เขาคิดเสียอีก เขาไม่กล้าสู้ต่อแล้ว!
นี่ก็เพราะเขาออกจากภพเซียนเร็วเกินไป
หากว่าเขาออกจากภพเซียนช้ากว่านี้หน่อย ยามนั้นเขาก็จะได้พบหลี่จิ่วเต้าและคงได้กลัวจนขี้หดตดหาย
หลี่จิ่วเต้าเคยออกอาละวาดในภพเซียนมาก่อน จักรพรรดิเซียนทั้งสิบเจ็ดออกโรงกันพร้อมหน้ายังไม่ไหว มีค่าเพียงธุลีเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า หากว่าเฟ่ยชงได้รู้เรื่องนี้ ให้ตายอย่างไรเขาก็มิกล้าหมายหัวหลี่จิ่วเต้า
ครืน!
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงฟ้าร้องดังครืนครานอยู่บนนภา ก่อนที่เม็ดฝนจะสาดลงมาอย่างบ้าคลั่งในบริเวณนี้
หลี่จิ่วเต้าเรียกใช้ไข่มุกคุมวารี!
เขาไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของศัตรู จึงคิดใช้หยาดฝนไล่ต้อนศัตรูให้เผยตัว
เฟ่ยชงถูกบีบบังคับให้ออกมา ไม่เหลือที่ให้หนีอีกต่อไป เขาเรียกโล่เซียนออกมาบดบังไว้เหนือหัว กีดขวางเม็ดฝนที่ตกลงมา!
“เกิดอันใดขึ้น!”
“คุณชายออกโรงหรือ?!”
ภายในรถลาก พวกเซี่ยเหยียนรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังด้านนอก แต่ละคนรีบเหินออกจากรถลาก มุ่งหน้าไปหาคุณชาย
ส่วนเซียวฮุ่ยหนีไปนานแล้ว
แม้ว่านางจะอยู่รอที่นั่น ทว่านางก็คอยจับตาดูสถานการณ์ด้านเฟ่ยชงอยู่ตลอด ทันทีที่เห็นร่างของหลี่จิ่วเต้าหายลับไป ก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ดีแล้ว เฟ่ยชงอาจถึงคราวจบเห่ ด้วยเหตุนี้ นางจึงหนีไปโดยไม่ลังเล!
ซ่า!
ฝนสาดลงมา เฟ่ยชงป้องกันด้วยโล่เซียนก็ไม่ไหว เม็ดฝนกระทบโล่เซียน เพียงเสี้ยวพริบตา โล่เซียนก็มีรูพรุน ปัดป้องฝนที่สาดลงมาไม่ได้อีกต่อไป!
หลี่จิ่วเต้าเป็นใครกันแน่!
เฟ่ยชงว้าวุ่นใจเป็นหนักหนา รู้สึกแย่เป็นที่สุด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าในอาณาจักรนี้จะยังมีตัวตนที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ดำรงอยู่!
นี่คือโล่จ้าวแห่งเซียนที่ตีขึ้นด้วยสมบัติวิเศษนานัปการ โล่จ้าวแห่งเซียนที่จ้าวแห่งเซียนสูงสุดผนึกกำลังยังไม่อาจทลาย!
บัดนี้กลับเปราะบางถึงเพียงนี้ ป้องกันเม็ดฝนยังมิได้ เขาแทบคุมสติไม่อยู่
“ออกมาแล้ว!”
หลี่จิ่วเต้าสายตาเย็นเยียบ ลงมือเด็ดขาด ยกมือเรียกพัดห้าเพลิงเจ็ดวิหคออกมา โหมกระหน่ำไปทางเฟ่ยชง
ก่อนหน้านี้ที่เขาได้ฝึกทักษะการต่อสู้ เคยห้ำหั่นกับสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ รู้ดีว่าการต่อสู้ไม่ควรยืดเยื้อ และไม่ควรละล้าละลัง ควรต้องตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายแม้แต่น้อย มิฉะนั้น ตนเองอาจต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบมหันต์!
ภาพวิหคทั้งเจ็ดพุ่งทะยานปรากฏ เปลวเพลิงห้าสีพวยพุ่ง สีหน้าเฟ่ยชงซีดเผือดลงในพริบตา!
“ไม่!”
เขาร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว สายตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
รู้สึกได้ถึงพลังสยดสยองที่แฝงไว้ในเปลวเพลิงห้าสีนี้ ไม่สงสัยเลยว่า ต่อให้จักรพรรดิเซียนจุติ ก็ต้องสลายเป็นจุณเมื่อเผชิญกับเปลวเพลิงห้าสีเช่นนี้!
เฟ่ยชงร่ำไห้ออกมา อยากบอกเหลือเกินว่า เขามีค่าตรงไหนให้จัดการด้วยพลังเช่นนี้ ประเมินเขาสูงเกินไปแล้ว!
อนิจจา เปลวเพลิงห้าสีพุ่งปราดมาอยู่ตรงหน้าเขาในพริบตาเดียว เฟ่ยชงถูกเผาจนสิ้นซากในเสี้ยวอึดใจ ไม่เหลือแม้แต่ผงขี้เถ้า
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนหนึ่ง ดับสูญลงทั้งอย่างนี้!
‘หืม?! ปวกเปียกเกินไปแล้ว!’
หลี่จิ่วเต้าคิดในใจอย่างอดไม่ได้ เผยร่างออกมา
เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าการต่อสู้จะจบไวเช่นนี้ และคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเฟ่ยชงจะอ่อนแอปานนี้ เพิ่งได้ใช้พัดห้าเพลิงเจ็ดวิหค เฟ่ยชงก็ถูกจัดการเสียแล้ว
‘หรือว่าพัดห้าเพลิงเจ็ดวิหคจะทรงพลังเกินไป’
หลี่จิ่วเต้ามองพัดห้าเพลิงเจ็ดวิหคในมือ แล้วคิดในใจอีกครั้ง
‘ใช้ได้!’
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็พึงพอใจในศึกนี้มาก นี่คือการต่อสู้ครั้งแรกระหว่างเขากับผู้ฝึกตน ซ้ำเขายังเผด็จศึกได้สบาย ๆ
ระดับความน่ากลัวของผู้ฝึกตนในใจเขาลดลงไปไม่น้อย
‘หลังจากนี้ก็สามารถต่อสู้จริง ๆ ได้บ่อย ๆ แล้ว!’
เขาคิดในใจ เริ่มตั้งตารอโอกาสที่จะปะทะศึกผู้ฝึกตนให้มากกว่านี้ในภายหน้า