วันรุ่งขึ้น
หลินเยวียนมายังสตูดิโอรายการ เพื่อบันทึกเทปรายการ
เมื่อเข้ามาถึงหน้าประตู เขาเคยชินกับการหยุดลงชั่วขณะ และโบกมือให้กับกลุ่มคนภายนอกซึ่งตะโกนว่า ‘สู้ๆ’ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่
“แฟนคลับของอาจารย์หลานหลิงอ๋องเพิ่มขึ้นมากเลยละค่ะ”
ถงถงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม เธอได้ยินว่าเสียงเชียร์หลานหลิงอ๋องนั้นดังแค่ไหน
วันนี้คนที่ส่งเสียงเชียร์หลานหลิงอ๋อง มีมากกว่าในสัปดาห์ที่สามมาก
“อื้ม”
วันนี้จิตใจของหลินเยวียนอยู่ในสภาพดี “ไปซ้อมเถอะ”
ถงถงพยักหน้า “งั้นพวกเราไปกันค่ะ”
การซ้อมใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะจบลง หลินเยวียนนับว่ารับมือกับเพลงนี้ได้อย่างสบายๆ
เพลง ‘ลาจาก’ นี้มีทำนองที่ไพเราะเป็นหลัก ความยากในการขับร้องอยู่ในระดับกลาง จัดเป็นบทเพลงบาริโทนตามแบบฉบับ
หลินเยวียนเป็นบาริโทนก่อนที่เสียงจะเสียหาย นี่คือช่วงเสียงที่เขาขับร้องได้สบายๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่จับสลาก เรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งก็เกิดขึ้น
ถงถงช่วยหลินเยวียนจับสลาก และจับได้หมายเลขหนึ่งอีกครั้ง!
“เหอะๆ!”
ตากล้องรู้สึกขบขันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ถงถงคนนี้มือตกจริงๆ!
เวทีแรก ถงถงจับได้หมายเลขสาม รับเวทีต่อจากหงส์ขาวพอดี!
เวทีที่สาม ถงถงจับได้หมายเลขหนึ่ง เปิดเวที!
เวทีที่สี่ ถงถงจับได้หมายเลขหนึ่ง เปิดเวทีต่อไป!
มีเพียงเวทีที่สองซึ่งได้ลำดับที่ไม่เลว หลานหลิงอ๋องขึ้นเวทีเป็นลำดับสุดท้าย
แต่ปัญหาก็คือ!
สลากในเวทีที่สอง หลานหลิงอ๋องเป็นคนจับด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับถงถง!
“อ๊าาาาาา!”
ถงถงแทบล้มทั้งยืน “ทำไมฉันถึงโชคไม่ดีขนาดนี้ ครั้งต่อไปอาจารย์หลานหลิงอ๋องจับสลากเองดีกว่าค่ะ!”
หลินเยวียน “…”
ในแง่หนึ่ง ถงถงนั้นโชคร้ายจริงๆ เขาไม่เคยเห็นคนที่โชคร้ายขนาดนี้มาก่อน แต่เขาไม่ได้ใส่ใจว่าจะขึ้นเวทีเป็นลำดับที่เท่าไหร่
ไม่นาน
การบันทึกเทปรายการเริ่มต้นขึ้นแล้ว
หลินเยวียนเดินขึ้นเวทีไปพร้อมกับถงถง
สายตาของผู้ชมจับจ้องไปยังหลานหลิงอ๋อง ทุกคนต่างสงสัยว่าเวทีนี้หลานหลิงอ๋องจะร้องเพลงอะไร
ปรากฏว่าเมื่อหลานหลิงอ๋องเริ่มร้องเพลง ทุกคนล้วนรู้สึกประหลาดใจ…
เป็นเพลงของหยางจงหมิง?
ในตำแหน่งคณะกรรมการตัดสิน
เหมาเสวี่ยวั่งและคนอื่นๆ คลี่ยิ้ม หันไปมองยังหยางจงหมิง “เพลงของคุณ”
หยางจงหมิงพยักหน้า ฟังอย่างตั้งใจ
“ให้ฉันอยู่ต่อ แต่เธอเองกลับจากไป”
“กล้าบอกว่ารักไม่ได้ ทิ้งลงน้ำรอจางหาย”
“จากไปให้ไกล เก็บความรักเธอกลับไป วางบนผืนทราย รอลมหนาวพัดสลาย สิ่งที่ฝันใฝ่ สำหรับเธอไร้ความหมาย เฝ้ารอทั้งใจ หวนรอวันเริ่มต้นใหม่…ที่จากกันไป เธอคิดไว้ไม่เสียดาย…”
เพลงจากไปนี้นับว่าเป็นเพลงที่ผู้คนบนบลูสตาร์คุ้นหูกันดี
หลินเยวียนดัดแปลงเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะสมกับบรรยากาศบนเวที แต่ทำนองโดยภาพรวมไม่เปลี่ยนแปลง หลินเยวียนยังคงใช้วิธีสลับเสียงหญิงชาย
ลูกเล่นนี้ใช้ได้ผลชะงัดกับผู้ชม
ขณะนั้นในห้องส่งก็พลันปรากฏเสียงเชียร์ไม่น้อย
เมื่อร้องจบ
เสียงปรบมือดังขึ้น
เวทีนี้ไม่ได้ทรงพลังเท่าเพลงผืนน้ำเย้ยเยาะ แต่ผู้ชมก็ไม่ได้ต้องการให้หลานหลิงอ๋องระเบิดเวทีทุกสัปดาห์
ฟังดูแล้วรื่นหู
เพลงคู่ชายหญิงเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
พิธีกรมองไปยังคณะกรรมการตัดสิน “เวทีนี้ควรให้อาจารย์หยางจงหมิงเริ่มให้ความเห็นก่อนเลยครับ”
หยางจงหมิงพยักหน้า รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก “ผมคิดว่าไม่เลวเลย หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทักษะในการร้องเพลงของคุณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงนี้ คุณเหนือกว่าต้นฉบับ ผมคิดว่าร้องได้ดีกว่าต้นฉบับของเฟ่ยหยาง…”
ทั้งห้องส่งพลันฮือฮาขึ้นทันที!
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ต่อให้คณะกรรมการคิดว่าหลานหลิงอ๋องร้องได้ดี ก็จะกล่าวอย่างอ้อมค้อมประโยคเดียวว่า ‘เทียบได้กับต้นฉบับ’
หรือไม่ก็คำพูดประเภท ‘ดีคนละแบบ’
ถึงอย่างไรเฟ่ยหยางก็เป็นถึงราชาเพลง ในรายการอื่นล้วนเป็นบุคลากรระดับคณะกรรมการตัดสิน เมื่อกล่าวว่ามีคนร้องดีกว่าเวอร์ชันต้นฉบับของเขา ก็เท่ากับล่วงเกินเฟ่ยหยางถึงขั้นสุด
ทว่ารายการนี้ต่างออกไป!
พ่อเพลงหยางจงหมิงพูดอย่างไรหมายความว่าอย่างนั้น ไม่ได้สนใจว่าใครเป็นราชาเพลงใครเป็นราชินีเพลง ต่อให้เป็นเฟ่ยหยางก็ต้องฟัง!
แน่นอน
ในห้องส่งมีแฟนเพลงของเฟ่ยหยางแสดงท่าทีไม่พอใจ และกระซิบกระซาบคำพูดดูแคลนก่อนจะเงียบไป
ไม่ยอมจำนน?
อดทนไว้
แม้แต่เพลงหยางจงหมิงก็เป็นคนเขียน!
กรรมการอีกสามคนเริ่มรู้สึกครื้นเครง
อู่หลงอดไม่ไหว กล่าวเสริมไปอีก “ผมเคยฟังเพลงนี้ของเฟ่ยหยาง นอกจากนั้นยังเคยได้ฟังร้องสดด้วย สู้เวอร์ชันนี้ไม่ได้จริงๆ เหตุผลสำคัญอยู่ที่เสียง ทั้งสามเสียงของหลานหลิงอ๋องล้วนเยี่ยมยอด ครั้งนี้ใช้สองเสียงได้อย่างเหมาะสมและลงตัวที่สุด”
เห็นได้ชัด
ว่าอู่หลงเองก็ไม่กลัว สถานะในวงการของเขาไม่เท่ากับหยางจงหมิง แต่กลับไม่ได้ต่างชั้นกันมาก
“อื้ม”
หลินเยวียนครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย “ส่วนตัวคิดว่าเพลงนี้เฟ่ยหยางร้องได้สมบูรณ์แบบมาก เพลงนี้เหมาะกับเสียงของเขา”
คณะกรรมการประหลาดใจ
พิธีกรประหลาดใจ
ทุกคนประหลาดใจ
หลานหลิงอ๋องชมคนอื่นได้ด้วย แถมยังรู้จักถ่อมตนอีก?
หรือว่าเพิ่งตระหนักได้ว่าถ้าตนยังพูดจาขวานผ่าซากต่อไปจะล่วงเกินอีกหลายคน จึงว่านอนสอนง่ายขึ้นมา?
ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างรู้สึกว่าไม่เคยชินเอาซะเลย…
ในเวลานั้นเอง
หลานหลิงอ๋องโพล่งขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง “เพลงที่เขาร้องบางเพลงอาจมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยเพลงนี้ ส่วนตัวคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร”
ฮะ?
คุณพี่คะ!
นี่คุณพี่จะชมหรือจะด่าคนเขาเนี่ย?
ทั้งห้องส่งพลันครึกครื้นขึ้นทันตา หลังจากจมอยู่ในความเงียบไปชั่วครู่ เสียงดังบ้างเบาบ้างกลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อกี้ยังคิดว่าหลานหลิงอ๋องเปลี่ยนไปซะอีก นึกไม่ถึงว่าไม่ทันขาดคำก็ล่วงเกินเฟ่ยหยางเข้าอีกแล้ว หลานหลิงอ๋องจะท็อปฟอร์มแบบนี้ตลอดทุกสัปดาห์ไม่ได้!
นี่มันเฟ่ยหยาง!
เฟ่ยหยางเป็นราชาเพลงเชียวนะ!
ความเคลื่อนไหวหลังเวทีแทบไม่ต่างกัน
เสียงของหุ่นยนต์ค่อยๆ ดังขึ้น “เขามาแล้ว เขามาพร้อมกับคำวิจารณ์!”
หงส์ขาวส่ายหน้า “คำวิจารณ์ของหลานหลิงอ๋องไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมาถึง ไม่เคยไม่มา ฉันคิดว่าเขาจะใจกล้าธรรมดา แต่ที่จริงแล้วคนคนนี้ใจกล้าบ้าบิ่นมาก”
นักร้องเสริมจากสัปดาห์ที่แล้วอย่างดอกกุหลาบยิ้มขมขื่น “เริ่มแล้ว!”
“พูดได้…แค่ก…”
ปลาปักเป้าคล้ายกับจะพูดอะไร แต่กลับฝืนกลืนคำพูดกลับลงไป
แม้แต่พิธีกรอันหงผู้ซึ่งควบคุมสีหน้าได้อย่างเหนือชั้น ในขณะนี้ยังมีสีหน้าพิลึกกึกกือ คล้ายกับกำลังพยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต สีหน้าแลดูตลกขบขัน
“พอแล้ว!”
หยางจงหมิงหัวเราะลั่น “คุณพูดแบบนี้ก็ถูก เพลงนี้ที่เขาร้องไม่เลวก็จริง เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเสียงที่ไพเราะแบบคุณ แต่ผมฟังเพลง ‘เรียบง่าย’ ที่เขาเพิ่งปล่อยออกมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน รู้สึกว่าซับซ้อนเกินไป มีเทคนิคให้ต้องจัดการมากเกินไป มีแต่จะทำให้สูญเสียเสน่ห์ของเพลงไป”
“ใช่”
หลานหลิงอ๋องเห็นด้วย
ยังจะมาเห็นด้วยอีก!
ทั้งห้องส่งพากันครึกครื้น บางคนด้านล่างเวทีหัวเราะจนตัวโยน บางคนส่ายหน้า บางคนตบเข่าฉาด
แฟนคลับของเฟ่ยหยางหน้าดำทะมึน
เจ้าหลานหลิงอ๋องคนนี้ ไม่ช้าก็เร็วแกต้องโดนแน่!
“…อุกอุก”
ครั้งนี้แม้แต่หลิ่วซวี่และเหมาเสวี่ยวั่งก็ไม่กล้าส่งเสียง แต่ความสามารถในการกลั้นขำกลับไม่เท่าอันหง พลอยให้ท้ายที่สุดจึงส่งเสียง ‘หมูร้อง’ ออกมา
จะไม่ให้ขำได้เหรอ?
หลานหลิงอ๋องคนนี้มันป้อมปราการเคลื่อนที่ชัดๆ!
ทุกสัปดาห์จะต้องยิงกระสุนหนึ่งนัด!
ไม่ใช่หรอกหรือ!
ตอนนี้ขยับเข้าโจมตีราชาราชินีเพลงกับนักร้องแถวหน้าแล้ว!
สะสมแต้มหรือไง
หยางจงหมิงกล่าวกลั้วหัวเราะ “ไม่พูดแล้วเรื่องนี้ ไม่พูดแล้ว ขอบคุณที่คุณร้องเพลงของผม ชอบมาก”
เกือบลืมไปแล้วว่านี่คือเวทีการแสดง…
ลำพังแค่พูดคุยกับเจ้าเด็กนี่ก็บันเทิงมากแล้ว…
คุณสวมหน้ากาก แต่ผมไม่ได้สวมหน้ากาก…
อู่หลงกล่าวอย่างสำราญใจ “ตอนนี้หน้ากากของหลานหลิงอ๋องสวมออกไปไหน เหมือนพกความยียวนไปกับตัว ผมสงสัยว่าคุณอาจถูกดักตีได้”
หลินเยวียน “…”
หลังจากสนทนาและแสดงความคิดเห็นกันแล้ว หลานหลิงอ๋องก็ลงจากเวทีไป
ทว่าสิ่งที่ไม่ต้องสงสัย
คือหลังจากที่รายการออกอากาศไป เขาจะกลายเป็นที่สนใจในรอบนี้อีกครั้ง!
………………………………………………..