อันที่จริงเฟ่ยหยางไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน ในบรรดานักร้องแต่ละทวีป เขาจัดอยู่ในกลุ่มที่เท่และสบายๆ
นอกจากนั้นยังเป็นผู้ชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย
ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมาจะถูกตำหนิเป็นบางครั้งคราว บอกว่าเพลงของเขาน่าเบื่อขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่อาจข่มความน่าเกรงขามในฐานะราชาเพลงของเฟ่ยหยางได้
จนกระทั่งต่อมา
เฟ่ยหยางพบกับเซี่ยนอวี๋
สมญานามลูกคนรองตลอดกาลจึงถูกผูกติดกับเฟ่ยหยางทันที
เริ่มมีคำกล่าวหนึ่งแพร่สะพัดออกไปในวงการดนตรี
‘ผู้คนจะจดจำเพียงผู้ชนะ ไม่มีใครจำอันดับสองได้ นอกจากเฟ่ยหยาง’
เพราะประโยคนี้เอง…
เฟ่ยหยางจึงโด่งดังไปทั่วทั้งฉิน ฉี ฉู่ และเยี่ยนโดยไม่ต้องเปลืองแรง
ราชาเพลงคนอื่นจำเป็นต้องทุ่มเท พยายามร้องเพลง พยายามปล่อยผลงานใหม่ที่โดดเด่น กว่าจะทำให้สาธารณชนจากอีกสามพื้นที่รู้จักตน
มีเพียงเฟ่ยหยาง ที่ไม่ต้องก้าวขาออกจากบ้านก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศ!
ไม่รู้ว่าจะมีเพื่อนร่วมอาชีพซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกี่คนที่อิจฉาเฟ่ยหยาง
แต่เฟ่ยหยางทรมานใจเหลือเกิน…
ลูกคนรองตลอดกาล สมญานามพรรค์นี้เขาไม่ขอรับไว้ เขาไม่เสียดาย
อันที่จริงชื่อนี้ไม่ใช่คำด่า ไม่เข้าเกณฑ์คำดูหมิ่น ทุกคนเพียงแค่หยอกล้อเล่นๆ ถึงอย่างไรสมญานามนี้ก็มีแต่จะช่วยส่งเสริมอาชีพนักร้องของเขา ผู้จัดการแอบดีใจถึงขนาดไหน ใช่ว่าเฟ่ยหยางจะไม่รู้!
แต่ถ้าจะให้เขาปิดหูปิดตาแล้วพยักหน้ายอมรับ…
ผู้ชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างเฟ่ยหยาง ถูกคนล้อเลียนว่าลูกคนรองตลอดกาลอยู่ทุกวี่วัน คงต้องรู้สึกอึดอัดใจกันบ้าง!
ดังนั้นเขาจึงต่อต้าน และลุกขึ้นสู้
ทว่าจนกระทั่งทุกวันนี้ เขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ มิหนำซ้ำยังตอกย้ำภาพจำในฐานะ ‘ลูกคนรองตลอดกาล’ ในใจของทุกคนยิ่งขึ้นไปอีก
ได้!
สู้ไม่ได้ ฉันหลบเลี่ยงเอาก็แล้วกัน!
เฟ่ยหยางตัดสินใจ ว่าแต่นี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เขาก็จะหลบเซี่ยนอวี๋ เขาจริงจังนะ
เดิมทีเรื่องนี้เฟ่ยหยางประสบความสำเร็จมากทีเดียว
เขาถึงกับไม่ยอมเข้าร่วมราชาหน้ากากนักร้อง เพราะกลัวว่าเมื่อขึ้นไปบนเวทีแล้ว จะเห็นเซี่ยนอวี๋ในตำแหน่งกรรมการตัดสิน!
แต่ใครจะรู้ล่ะ…
ว่าเซี่ยนอวี๋ไม่ได้มารายการนี้!
แต่กลับมีนักร้องลึกลับที่ชื่อว่าหลานหลิงอ๋อง มาวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีหลายเพลงที่ตนร้องไม่ได้เรื่อง!
บัดซบ!
เฟ่ยหยางชักจะโมโหแล้ว
พ่อเพลงหยางตำหนิตนก็ว่าไปอย่าง
เขาเป็นพ่อเพลง แถมน่ากลัวว่าเซี่ยนอวี๋ซะอีก
แต่ไอ้เจ้าหลานหลิงอ๋องนี่เป็นใครกัน
คิดว่าตัวเองเป็นใคร
คิดว่าการเป็น ‘ลูกคนรองตลอดกาล’ จะหมายความว่าฉันกระจอกงั้นรึ?
นั่นเพราะคู่ต่อสู้ของฉันคือเซี่ยนอวี๋น่ะสิ!
ลองเปลี่ยนคู่ต่อสู้มาให้ฉันลองหน่อยไหมล่ะ
จะทุบให้ตดแตกเลยคอยดู!
ถูกต้อง เอ็งนั่นแหละเจ้าหลานหลิงอ๋อง!
เป็นแค่ปุถุชนคนเดินดิน ฉันจัดการทีเดียวก็ซี้แหงแก๋แล้ว!
สิ่งที่ทำให้เฟ่ยหยางโมโหยิ่งกว่านั้นคือ
ช่วงที่หลานหลิงอ๋องวิจารณ์ตน ถูกนำไปทำเป็นภาพเคลื่อนไหว!
เพราะใบหน้ากลั้นขำของอันหงซึ่งอยู่ด้านหลังนั้นจี้เส้นสุดๆ จนทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตก็แห่แชร์กันให้ว่อน!
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ…
ตอนนี้คนฉินฉีฉู่เยี่ยนรู้กันหมดแล้วว่าราชาเพลงเฟ่ยผู้ยิ่งใหญ่ถูกเจ้าหลานหลิงอ๋องตำหนิ!
แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เฟ่ยหยางโมโหที่สุด
สิ่งที่ทำให้เฟ่ยหยางโมโหที่สุดของที่สุดของที่สุด แท้จริงแล้วก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังหลานหลิงอ๋องต่างหาก
เซี่ยนอวี๋!!
หลานหลิงอ๋องเข้าร่วมการแข่งขันมาสี่รอบ
นอกจากในรอบที่สี่ซึ่งค่อนข้างพิเศษ สามรอบแรกเซี่ยนอวี๋เขียนเพลงให้หลานหลิงอ๋องทั้งหมด!
เซี่ยนอวี๋!
หลานหลิงอ๋อง!
สองคนนี้เข้ามาพร้อมกันเลย!
ทั้งแค้นเก่าแค้นใหม่มาพร้อมกัน เฟ่ยหยางระเบิดโทสะแล้ว!
ถึงแม้เขาจะมีเงามืดในใจกับเซี่ยนอวี๋ แต่เขากับไม่กลัวหลานหลิงอ๋อง
นี่คือเวทีประกวดร้องเพลง!
ไม่ว่าเพลงของคุณจะดีแค่ไหน ถ้าไม่มีฝีมือการร้องเพลงก็เปล่าประโยชน์!
การแสดงสดกับการชิงอันดับบนชาร์ตเพลงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน!
กำราบหลานหลิงอ๋องได้ นับว่าเขาจัดการเซี่ยนอวี๋ได้หนึ่งครั้ง ฉะนั้นเฟ่ยหยางจึงเปลี่ยนความคิด ไม่ว่าอย่างไรเขาจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ นี่อาจเป็นเพียงโอกาสเดียวที่เขาจะโจมตีเซี่ยนอวี๋ได้!
ยิ่งไปว่านั้นหลานหลิงอ๋องน่าหมั่นไส้จริงๆ!
ต่อให้ท้ายที่สุดแล้วไม่ได้แชมป์ เฟ่ยหยางก็จะงัดพลังอันน่าสะพรึงกลัวของตนออกมาให้อีกฝ่ายได้ดูเป็นขวัญตา!
ในขณะนั้นเอง
เฟ่ยหยางเห็นความคิดเห็นยอดนิยมบนโลกออนไลน์เรื่องหนึ่ง
‘ทุกคนรู้สึกถึงความลี้ลับเรื่องหนึ่งไหม’
‘เรื่องอะไร’
‘หลานหลิงอ๋องร้องเพลงของเฟ่ยหยาง จากนั้นก็ได้ที่สอง’
‘อห! ปณิธานอันดับสองช่างแรงกล้า!’
‘เทียบกับเฉินจื้ออวี่แล้ว ราชาเพลงเฟ่ยเหนือกว่ารุ่นก่อนจริงๆ หลานหลิงอ๋องแค่ร้องเพลงของเขาก็ถูกปณิธานอันดับสองเข้าครอบงำซะแล้ว!’
‘…’
เฟ่ยหยาง “แม่งเอ๊ย!”
จะบ้าหรือไง ร้องเพลงของฉันก็เลยได้ที่สองเนี่ยนะ
นี่มันเรื่องบังเอิญชัดๆ!
พวกคุณเทอาหารหมารอได้เลย ผมจะไปคว้าแชมป์ราชาหน้ากากนักร้องซีซันหนึ่งให้ดูเดี๋ยวนี้แหละ!
อีกด้านหนึ่ง
หลินเยวียนย่อมไม่รู้ว่าเฟ่ยหยางเดือดดาลมากแค่ไหน จนถึงขั้นคิดตามล่าตน…
การแข่งขันปิดฉากลงชั่วคราว
วันเวลาหลังจากนี้ หลินเยวียนเริ่มตั้งใจเขียนนิยาย
สถานที่ในการเขียนเป็นบ้านก็ได้ ที่สตูดิโอวาดการ์ตูนก็ได้ หรือที่กองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนก็ได้
การถ่ายทำภาพยนตร์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร
การถ่ายทำไม่ซับซ้อน อันที่จริงฉากส่วนมากล้วนถ่ายทำหน้ากรีนสกรีน
สิ่งที่ทำให้ล่าช้าจริงๆ เห็นจะเป็นช่วงโพสต์โพรดักชัน
แต่นั่นคือกรณีบนโลก
เทคโนโลยีและสเปเชียลเอฟเฟ็กต์บนบลูสตาร์พัฒนาไปไกลกว่าโลกมาก เพราะฉะนั้นจึงร่นระยะเวลาของช่วงโพสต์โพรดักชันไปได้มาก…
แน่นอน
เนื่องจากหลินเยวียนทุ่มกำลังเขียนนิยาย การพิมพ์นิยายจึงคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทดลองพิมพ์นิยายทั้งวันโดยไม่หยุดพัก
แกร็กๆๆ!
นิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์เล่มแล้วเล่มเล่า ถือกำเนิดขึ้นผ่านปลายปากกาของหลินเยวียน
เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของร่างกายหลินเยวียนด้วยเช่นกัน
หลินเยวียนในปัจจุบันนี้มีสุขภาพดีมาก
เมื่อก่อนเขาพิมพ์ได้มากที่สุดห้าหมื่นตัวอักษรต่อวัน ก็รู้สึกเหนื่อยล้าเกินทน
ทว่าตอนนี้ ในหนึ่งวันเขาสามารถพิมพ์ได้หนึ่งแสนตัวอักษร พิมพ์เสร็จแล้วไม่ได้รู้สึกกะปรี้กะเปร่า แต่อย่างน้อยก็ไม่อ่อนระโหยโรยแรงเหมือนเมื่อก่อน
นอกจากนั้น…
ข้อดีอีกหนึ่งประการที่หลินเยวียนได้จากการมีร่างกายแข็งแรงคือ เขาไม่จำเป็นต้องเข้านอนตรงเวลาอีกต่อไป
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ
หลินเยวียนสัมผัสได้ถึงความสนุกสนานจากการนอนดึก
แต่ความสามารถในการควบคุมตนเองของหลินเยวียนนั้นไม่เลว โดยปกติแล้วเมื่อเวลาถึงเที่ยงคืนเขาก็เข้านอนแต่โดยดี
ใช้คำพูดของระบบก็คือ…
ถึงแม้สุขภาพดี แต่ยังต้องดูแลตัวเอง ถ้าหาเรื่องใส่ตัว ร่างกายจะเกิดปัญหาได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลินเยวียนย่อมไม่กล้าลองดี
เขารู้ดีกว่าใครว่าสุขภาพที่แข็งแรงนั้นมีค่ากับชีวิตคนเราแค่ไหน
เป็นเช่นนี้ต่อไป
จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่เดือนมีนาคม
วันนี้ เวลาเก้าโมงสี่สิบนาที
ในที่สุดหลินเยวียนก็กำลังเขียนนิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์จบ
หลังจากนี้เขาจะเขียนเรื่องสุดท้ายในนิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์
นี่นับเป็นคดีสุดท้ายของปัวโรต์
คดีนี้มีชื่อว่า ‘ผ้าม่าน’
ใช่แล้ว
ปัวโรต์กำลังจะเผชิญกับคดีสุดท้ายในเส้นทางอาชีพนักสืบของเขา
อย่างไรก็ตาม…
ขณะที่หลินเยวียนกำลังจะลงมือพิมพ์ เขากลับลังเล
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเยวียนลังเล
เขารู้สึกเศร้าด้วยซ้ำไป
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ขณะที่พิมพ์คดีต่างๆ นิ้วมือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วบนคีย์บอร์ดราวกับมีพลังวิเศษ
ทว่าในขณะนี้
มือของหลินเยวียนกลับนิ่งค้างบนคีย์บอร์ด ราวกับถูกคนมากดไว้
ไม่ใช่เพราะเขาทำใจไม่ได้ที่นิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์จะจบลง
หลินเยวียนเขียนวรรณกรรมคลาสสิกชุดนี้ภายใต้นามปากกา ‘ฉู่ขวง’ มาเป็นเวลานาน แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยลังเล และยิ่งไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เขียนมาถึงตอนจบ
แต่ว่า…
นิยายเรื่องนี้ จะเป็นครั้งแรกที่ตัวเอกชายตายภายใต้ปลายปากกาของฉู่ขวง…
ใช่แล้ว
ปัวโรต์ จะตาย!
……………………………………………………