บทที่ 646 พลังเกราะวิถี ไม่มีผู้ใดสามารถรับการคำนับของซีได้!
ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับได้หรือไม่ ข้ากลัว…ว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น!
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
จ้าวแห่งตงชิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ซีกำลังบอกว่ากระทั่งบรรพจารย์ของตงชิวก็ไม่อาจพอให้นางคุกเข่าได้หรือ?
นางรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย ซีภาคภูมิใจในตนเองมากขนาดนั้นเชียวหรือ?
เป็นความจริงที่พรสวรรค์และศักยภาพแฝงของซีโดดเด่นชวนตื่นตะลึง แต่การมีลักษณะนิสัยเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างใด…
เหล่าผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
ซียังไม่ทันจะเติบโตก็ยโสถึงเพียงนี้เสียแล้ว?
กระทั่งบรรพจารย์ตงชิวก็ไม่ต้องการจะคุกเข่าคำนับ?
บรรพจารย์ตงชิวเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาในแดนบรรพโกลาหล เช่นเดียวกับเหล่าบรรพจารย์ของพวกเขา ทั้งบรรพจารย์ก่วงหลิง และบรรพจารย์ฉางเล่อเป็นต้น
กล่าวอย่างไม่เกินจริงแล้ว พวกเขาเป็นผู้ริเริ่มบุกเบิก มอบเมล็ดพันธุ์แห่งปัญหาให้กับพวกเขา ชี้แนะแนวทางการฝึกตน นำพวกเขาออกจากความมืดมิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อปราบปรามความพิศวงแล้ว พวกเขาต่างต่อสู้อยู่ในแนวหน้าแม้ต้องเสียสละอย่างมหาศาล กระทั่งจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังคงอยู่ในสมรภูมิแห่งนั้น
นี่คือตัวตนที่สมควรได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!
เมื่อได้ยินซีกล่าววาจาไม่เคารพออกมาแล้ว อย่าว่าแต่ความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเลย กระทั่งความโกรธก็ปรากฏขึ้นในใจ
ใช่แล้ว
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้แดนบรรพโกลาหลก็ยังคงต่อสู้กับความพิศวง
พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าความพิศวงเหล่านี้มาจากที่ใด ไม่อาจสืบเสาะพบที่มา นี่นับเป็นพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย พวกเขาต่อสู้กับความพิศวงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบจนถึงตอนนี้
อีกด้านหนึ่งของแดนบรรพโกลาหลกำลังมีสมรภูมิเพื่อปกป้องดินแดนเอาไว้จากความพิศวง
บรรพจารย์ตงชิว และคนอื่น ๆ กำลังต่อสู้อยู่ในสมรภูมิแห่งนั้นเพื่อหยุดยั้งการรุกรานของความพิศวง
“แม่นางไม่ควรทำเช่นนี้ บรรพจารย์ตงชิวนั้นควรแค่การเคารพ แม้ว่าในอนาคตเจ้าจะกลายเป็นบรรพจารย์เต๋า แต่เจ้าก็ยังจำเป็นเคารพเลื่อมใสตัวตนเหล่านี้!”
“ใช่แล้ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้!”
เหล่าผู้ยิ่งใหญ่เอ่ยกับซีด้วยความจริงจัง
“ลักษณะนิสัยเช่นนี้ไม่ดีเป็นอย่างมาก ส่งผลเสียต่อตัวเจ้าเอง ไม่เช่นนั้นแล้วแม้ว่าเจ้าจะมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นบรรพจารย์เต๋า แต่ในอนาคตหนทางที่จะบรรลุถึงขั้นนั้นจะยากเป็นอย่างยิ่ง!”
จ้าวแห่งตงชิวเอ่ยออกมาเสียงแข็ง
ซีถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง ไม่พูดอันใดออกมาอีก
คิดว่านางภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองทำให้ดูแคลนบรรพจารย์ตงชิว จึงไม่ต้องการจะคุกเข่าคำนับอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่!
นางไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น
นี่เป็นเพราะภายในใจของนางเกิดความรู้สึกอย่างแรงกล้าขึ้นมาจริง ๆ หากนางคุกเข่าคำนับบรรพจารย์ตงชิวแล้วจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ!
นางเพียงแค่ต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องอันใดขึ้น ดังนั้นนางจึงเอ่ยคำพูดก่อนหน้านี้ออกมา
สำหรับบรรพจารย์ตงชิวแล้ว นางไม่มีความรู้สึกไม่เคารพแม้แต่น้อยจริง ๆ
“โปรดอภัยให้ข้าที่ใช้วาจาผิดไป อาจเป็นเพราะภายในใจของข้ามีความกดดันมากเกินไป ทำให้พูดจาผิดพลั้ง ข้าย่อมจะคุกเข่าคำนับ!”
ซีกล่าวออกมาโดยไม่อธิบายสิ่งใดอีก
นางจะอธิบายได้อย่างไร?
บอกว่านางรู้สึกได้ว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?
คำอธิบายเช่นนั้นยิ่งกล่าวก็ยิ่งเลวร้ายลง ทำให้สถานการณ์บานปลายขึ้น
“ไม่เป็นอันใด สามารถตระหนักความผิดรู้แก้ไขนับว่ายอดเยี่ยม พวกเราทำเช่นนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเจ้าเอง”
จ้าวแห่งตงชิวยิ้มบาง ๆ ไม่ได้กล่าวโทษอันใดกับซี
ก้าวข้ามถึงขั้นที่หนึ่งร้อยของบันไดสวรรค์ ย่อมถูกกำหนดให้กลายเป็นบรรพจารย์เต๋า ไม่แปลกที่รุ่นหนุ่มสาวจะเกิดความผยองจนควบคุมได้ยาก
ความจริงแล้ว อย่าว่าแต่คนหนุ่มสาวอย่างซีเลย หากเป็นตัวของนางเอง นางคงรู้สึกเกิดความผยองขึ้นในใจเช่นกัน
สามารถบรรลุเป็นบรรพจารย์เต๋าได้ ช่างเป็นเรื่องน่าตื่นตะลึงเกินไป
ซีไม่ต้องการจะคุกเข่าคำนับจริง ๆ แต่เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว แม้ว่านางไม่อยากคุกเข่าก็ไม่อาจทำได้
“หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรหนักหนา…” นางถอนหายใจในใจ
หลังจากนั้นนางก็ก้าวออกไปจนกระทั่งถึงเบื้องหน้าของรูปปั้นบรรพจารย์ตงชิว
นางมองไปยังรูปปั้นของบรรพจารย์ตงชิว ก่อนค่อย ๆ ย่อร่างของตนเองลงเพื่อคุกเข่าคำนับบรรพจารย์ตงชิว
ครืน!
พริบตานั้นเอง บนท้องนภาพลันเกิดเสียงอสนีบาต เมฆดำเคลื่อนตัว ขุมพลังที่เหนือเกินกว่าจะจินตนาการได้กระเพื่อมออกมา ทั่วทั้งดินแดนบรรพโกลาหลมืดมิดลงราวกับล่วงเข้ายามราตรี!
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีทองพุ่งออกมาจากฟากฟ้าอันมืดมิด ผ่าใส่รูปปั้นบรรพจารย์ตงชิวโดยตรง!
“ไม่ดีแล้ว!”
สีหน้าของจ้าวแห่งตงชิวแปรเปลี่ยนในทันที นางเรียกใช้มหาวิชาโกลาหลรีบยับยั้งสายฟ้าสีทองโดยพลัน!
เหล่าผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นก็ลงมือพร้อมกันทันที ไม่มีการรั้งรอ พลังถูกปลดปล่อยออกมาร่วมกันปกป้องรูปปั้นของบรรพจารย์ตงชิว
พวกเขาทั้งหมดล้วนเคารพเลื่อมใสบรรพจารย์ตงชิวอย่างเต็มเปี่ยม ไม่มีทางยอมมองรูปปั้นของบรรพจารย์ตงชิวถูกทำลายไปกับตา!
พลังโกลาหลเคลื่อนไหว หลากหลายวิชาถูกสำแดงออกมาเพื่อยับยั้งสายฟ้าสีทอง ทว่าภายใต้สายฟ้าสีทอง วิชาเหล่านี้กลับยังมีกำลังไม่เพียงพอ!
สายฟ้าสีท้องนั้นมากด้วยอานุภาพอย่างถึงที่สุด เพียงแค่พริบตาเดียวมหาวิชาทั้งหมดก็พังทลาย โจมตีใส่รูปปั้นบรรพจารย์ตงชิวในทันที
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังสนั่น รูปปั้นของบรรพจารย์ตงชิวแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ระเบิดออกจากกันเป็นชิ้น ๆ!
หลังจากนั้นเมฆดำบนฟ้าก็จางหายไป สายฟ้าที่แล่นไปมาก็เลือนลับ ทุกอย่างล้วนกลับคืนสู่สภาพเดิม ทั่วทั้งดินแดนกลับสู่ความสงบ
“นี่…เกิดอันใดขึ้น?!”
“เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้?”
เหล่าผู้ยิ่งใหญ่มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
สายฟ้ามากจากที่ใดกัน?
เหตุใดจึงน่ากลัวถึงเพียงนี้?
แม้พวกเขาร่วมแรงกันก็ไม่อาจหยุดยั้งได้!
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งไปกว่านั้นคือ กระทั่งรูปปั้นของบรรพจารย์ตงชิวก็ไม่อาจต้านทานได้!
จะเป็นไปได้อย่างไร?!
บรรพจารย์ตงชิวเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาในดินแดนบรรพโกลาหล ขอบเขตการฝึกฝนบรรลุถึงระดับล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งรู้ได้ อย่างน้อยก็จะต้องเข้าใกล้บรรพจารย์เต๋าบรรพกาลอย่างแน่นอน!
ตัวตนเช่นนี้ แม้เป็นเพียงแค่รูปปั้นแต่ก็มีพลังอันยากจะจินตการถึงคอยปกป้อง ไม่มีทางถูกทำลายลงโดยง่าย
หากเป็นพวกเขา เกรงว่าต่อให้ใช้ฝีมือทั้งหมดรวมทั้งนำสมบัติโกลาหลทุกประเภทออกมาก็ยังไม่สามารถทำลายรูปปั้นของบรรพจารย์ตงชิวได้ ไม่อาจทะลวงกระทั่งพื้นผิวส่วนนอกสุดได้เสียด้วยซ้ำ!
ทว่ารูปปั้นของบรรพจารย์ตงชิวกลับถูกสายฟ้าสีทองโจมตีจนระเบิดออกโดยไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย สิ่งนี้อยู่นอกเหนือสามัญสำนึกของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!
พริบตานั้นเอง พวกเขาทั้งหมดก็อดหันไปมองที่ซีพร้อมเพียงกัน ใบหน้าของพวกเขาแต่ละคนยิ่งแปลกพิลึกขึ้นเรื่อย ๆ!
พวกเขาสงสัยว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับซี
อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ซีก็เอ่ยว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น ตอนนี้ก็มีเรื่องเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ พวกเขาคิดอย่างไรก็อดสงสัยซีไม่ได้!
“อย่ามองข้าเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร…”
ซีพูดขึ้นอย่างอับจนหนทาง
นางเองก็ฉงนเป็นอย่างมาก ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ไม่พูดอันใด มองหน้ากันไปมา พวกเขาตัดสินใจร่วมมือกันคำนวณทำนายหาเรื่องราวความจริง
แต่เมื่อรวมพลังกันทำนายแล้ว ใบหน้าของพวกเขาพลันแปรเปลี่ยนสีในพริบตา ทุกคนรีบหยุดมือไม่กล้าทำนายต่อ
ใบหน้าของพวกเขาขาวซีด หอบหายใจหนัก จิตวิญญาณเกือบจะพังทลายลง
เพียงแค่เริ่มทำนายยังไม่ทันเต็มที พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันเหนือกว่าจินตนาการได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากพวกเขายังคงทำนายต่อไป จะต้องถูกกวาดล้างสิ้นในพริบตาเดียวอย่างแน่นอน!
‘นี่คือพลังของบรรพจารย์เต๋าหรือ? มีพลังจากที่ไหนสักแห่งอันเหนือยิ่งกว่าจินตนาการได้คอยคุ้มครองปกป้อง!’
จ้าวตงชิวคิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง
‘น่าจะเป็นเช่นนั้น!’
ใบหน้าของจ้าวแห่งฉางเล่อเคร่งขรึม “ขอบเขตบรรพจารย์เต๋า จ้าวแห่งโกลาหล บรรพจารย์แห่งมหาเต๋า เพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ทั้งปวง ขอบเขตไกลเกินกว่าที่เราจะสามารถจินตนาการถึง! บางทีอาจมีพลังขั้นสูงสุดที่ไม่อาจอธิบายได้คอยปกป้องนางเอาไว้อยู่!”
นางรู้สึกว่าความจริงควรเป็นเช่นนั้น
ซีมีทุนที่จะกลายเป็นบรรพจารย์เต๋า ฟ้าดินจึงส่งพลังที่ไม่รู้จักมาปกป้องคุ้มครองซี กระทั่งบรรพจารย์ตงชิวก็ไม่คู่ควรที่ซีจะคุกเข่าคำนับ ดังนั้นเมื่อซีจะคุกเข่าคำนับรูปปั้นบรรพจารย์ตงชิว จึงเกิดเป็นสายฟ้าสีทองผ่าลงมาเช่นนี้
นี่คือพลังจากเต๋าที่ลงมือปกป้องซี!
สายตาที่เขามองซีเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที มีพลังเกราะวิถีคอยปกป้องเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซีจะต้องกลายเป็นบรรพจารย์เต๋าบรรพกาลอย่างแน่นอน!
จ้าวแห่งตงชิวแย้มยิ้มพร้อมมองไปทางซีแล้วกล่าวออกมา “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่ใจเคารพก็พอ พวกเราไม่ยึดติดคร่ำครึกับกรอบประเพณี”
แม้ว่ารูปปั้นของบรรพจารย์ตงชิวจะถูกทำลาย แต่ก็ไม่สามารถกล่าวตำหนิซีที่มีพลังเกราะวิถีคอยคุ้มครองอยู่ได้ กล่าวตามจริงแล้วบนโลกหล้าก็ไม่มีผู้ใดสามารถให้บรรพจารย์เต๋าคุกเข่าคำนับได้
“ฮ่าฮ่า พิธีเข้าร่วมยังจำเป็นต้องดำเนินต่อไปใช่หรือไม่ เจ้าเป็นอาจารย์ของนางนี่? เช่นนั้นก็รับการคำนับจากนางในพิธีรับศิษย์สิ”
จ้าวแห่งฉางเล่อมองไปทางจ้าวแห่งตงชิวแล้วกล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ
“อย่าก่อเรื่อง!”
จ้าวแห่งตงชิวตื่นตกใจกลัวทันที
กระทั่งรูปปั้นบรรพจารย์ตงชิวก็ยังไม่อาจทนรับการคุกเข่าคำนับจากซีได้ หากซีคำนับนางจริง นางจะยังอยู่รอดปลอดภัยอีกหรือ?
ตู้ม!
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงระเบิดดังลั่นมาจากตรงกลางของแดนบรรพโกลาหล!
ตามมาด้วยพลังน่าสะพรึงกลัวอันไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกมาปกคลุมทั่วแดนบรรพโกลาหลในชั่วอึดใจ!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนบรรพโกลาหลต่างรู้สึกใจหาย ประหนึ่งว่าวันโลกาวินาศได้มาเยือนถึงพวกเขาแล้ว!
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากในแดนบรรพโกลาหลบหมอบลงบนพื้นไม่ได้ ทั้งร่างสั่นระริกสะท้านไปจนถึงจิตวิญญาณ ภายในใจพังทลายลง!
ความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วแดนบรรพโกลาหล!