บทที่ 648 คุกเข่าเรียกสายฟ้าพิฆาต? บรรพจารย์ฉื้อร่ำไห้!
คลื่นพลังอันน่ากลัวซัดสาด แม่ทัพสิ่งมีชีวิตพิศวงยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ ดวงตาคู่นั้นจ้องซีเขม็ง ชัดเจนในเป้าหมายอย่างยิ่งว่ามาเพื่อซี
มันคือบรรพจารย์ฉื้อ หนึ่งในแกนนำฝ่ายพิศวงลางร้าย ตั้งใจมาที่นี่เพื่อฆ่าซี!
ซีก้าวขึ้นบันไดสวรรค์ได้ถึงร้อยขั้น สะเทือนถึงจุดกำเนิดที่แท้จริงของพวกมัน ที่นั่นมีคำสั่งลงมา ไม่ว่าต้องเสียอะไรไป ก็ต้องฆ่าซีให้ได้!
ใช่แล้ว
พวกมันมิใช่จุดกำเนิดที่แท้จริงของความพิศวงลางร้าย เป็นเพียงแขนงหนึ่งที่แตกย่อยออกมา
ลำแสงที่ทลายแนวป้องกันของเมืองเก่าแก่ก็มาจากจุดกำเนิด หากหวังพึ่งแต่เพียงพวกมัน ย่อมไม่อาจทลายแนวป้องกันของเมืองเก่าแก่ลงได้ ไม่สามารถบุกเข้ามาจนสำเร็จ
“ซี คุกเข่าคำนับมันเสีย!”
จ้าวแห่งตงชิวตะโกนบอกด้วยความร้อนใจ
ซีมีพลังเกราะวิถี นางต้องการให้ซีคุกเข่าคำนับบรรพจารย์ฉื้อ กระตุ้นพลังเกราะวิถีออกมาสังหารบรรพจารย์ฉื้อ
นี่เป็นวิธีเดียวของพวกเขา นอกจากนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก
“ใช่แล้ว!”
“คุกเข่าคำนับมัน ขอให้มันอภัยให้!”
ผู้เปี่ยมอำนาจคนอื่นถึงบางอ้อเช่นกัน รีบร้อนตะโกนบอก
ไร้เดียงสาปานนี้เชียว?
บรรพจารย์ฉื้อหัวเราะ ผู้เปี่ยมอำนาจเหล่านี้คิดว่าหลังซีคุกเข่าคำนับมันแล้วมันจะปล่อยซีไปหรือ
เป็นไปได้อย่างไร!
การคุกเข่าคำนับซีหาได้มีความหมายสำคัญไม่
“อย่าฆ่าข้า ข้ายอมคุกเข่าคำนับเจ้า หวังว่าเจ้าจะยอมปล่อยข้าไป!”
อีกด้าน ซีก็รู้ตัวขึ้นมา มองบรรพจารย์ฉื้อด้วยทีท่าน่าสงสารพร้อมกล่าว
“ได้ เห็นเจ้าจริงใจเยี่ยงนี้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครา คุกเข่าเสีย หากคุกเข่าได้น่าดู ไม่แน่ข้าอาจยอมปล่อยเจ้าไปก็ได้”
บรรพจารย์ฉื้อหัวเราะร่วน มันชอบเห็นผู้อื่นขอร้องอ้อนวอนอย่างไร้ศักดิ์ศรี
แน่นอนว่า มันพูดไปอย่างนั้น ไม่มีทางปล่อยซีไปจริง ๆ ต่อให้ซีโขกพื้นจนศีรษะแตกก็ไม่มีทาง
คำสั่งจากแดนกำเนิด มันไฉนเลยจะกล้าไม่ทำตาม วันนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ปกป้องซีไว้ไม่ได้ ซีต้องจบชีวิตลงอย่างไม่ต้องสงสัย!
พูดจบ มันยื่นมือไพล่หลัง ยืนตระหง่านอยู่บนนภา รอซีคุกเข่าคำนับมัน
ทว่าเพียงไม่นาน แทบจะวินาทีต่อมา สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปอย่างมหันต์ ร่างทั้งร่างตึงเครียดขึ้นมา!
ซีเพิ่งโค้งตัวลงเท่านั้น คลื่นพลังอันน่ากลัวก็ปรากฏบนนภา!
ครืนคราน!
อสนีบาตสีทองมหึมาผ่าลงจากผืนฟ้า ถล่มบนตัวมัน ขนพิศวงตามตัวไหม้เกรียมมีควันโขมง
“บัด…ซบ นี่มันเรื่องอะไรกัน คุกเข่าเรียกสายฟ้าพิฆาตหรือ?!”
มันสบถยกใหญ่ โทสะคุกรุ่น เห็นได้ชัดว่าติดกับเสียแล้ว
สีหน้าซีเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าบรรพจารย์ฉื้อแข็งแกร่งปานนี้ อสนีบาตสีทองถล่มลงมาแล้วก็มิอาจปลิดชีพบรรพจารย์ฉื้อได้!
“รับการคุกเข่าคำนับจากข้าอีกสักครา!”
นางตะโกนลั่น โค้งมากขึ้นจนร่างทั้งร่างเอนลง
ครืน!
อสนีบาตสีทองผ่าลงจากฟ้าอีกครั้ง สยดสยองยิ่งกว่าครั้งก่อน!
บรรพจารย์ฉื้อถูกผ่าจนร่างหายไปครึ่งหนึ่ง เลือดโชกทั้งตัว สภาพน่าขนลุก!
แต่มันแข็งแกร่งมากจริง ๆ เอ่ยว่าแข็งแกร่งจนผิดมนุษย์มนาก็ไม่เกินไป แม้จะถูกฟ้าผ่ารุนแรง ทว่าพลังปราณมิได้ลดน้อยถอยลงแม้แต่น้อย ยังคงดุดันอย่างมาก
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
เหล่าผู้เปี่ยมอำนาจสีหน้าเปลี่ยนไปในบัดดล กระทั่งพลังเกราะวิถีของซียังจัดการบรรพจารย์ฉื้อไม่ได้หรือ
แบบนี้แย่แน่!
ซีเองก็นึกไม่ถึง นางสูดปาก บรรพจารย์ฉื้อเป็นตัวอะไรกันแน่
ทว่า นางมิได้ยอมแพ้ นางไม่เชื่อว่าหากคุกเข่าต่อไปแล้วบรรพจารย์ฉื้อจะรอด!
“ข้าขอคุกเข่าอีก!”
“คุกเข่าอีก!”
“คุกเข่า ๆๆ!”
ซีตะโกนไม่หยุด เปลี่ยนลูกไม้คุกเข่าอย่างแพรวพราว
แน่นอนว่านางมิได้คุกเข่าลงไปจริง ๆ เพียงแต่ทำท่าทำทางไปอย่างนั้นเพื่อกระตุ้นพลังเกราะวิถีของนาง
ครืนคราน!
อสนีบาตสีทองผ่าลงมาจากฟ้าไม่หยุด ทวีความน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ ถล่มใส่บรรพจารย์ฉื้อจนมันครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“เลิกคุกเข่าทีเถิด ข้าคุกเข่าให้เจ้าแทนดีหรือไม่!”
บรรพจารย์ฉื้อร่ำไห้ น้ำตานองหน้า
มันแข็งแกร่งมากก็จริง กระนั้นก็ต้านฟ้าผ่าที่ถล่มลงมาระรัวปานนี้ไม่ไหว พลังปราณของมันเริ่มอ่อนแรงลง ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป มันต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ!
เรื่องนี้สร้างความทุกข์ใจแก่มันเหลือคณา
มันไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันต้องพานพบเรื่องเยี่ยงนี้!
อนาถเกินไปแล้ว!
เลือดสาดกระเซ็น เนื้อตัวมันไม่มีชิ้นส่วนไหนคงสภาพสมบูรณ์ โดนผ่าจนเละไปถึงกระดูก นี่ยังดีที่เป็นมันผู้แกร่งกล้า หากเป็นผู้อื่นที่อ่อนแอกว่ามัน ป่านนี้คงตายไปนานแล้ว!
“เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าอยากให้ข้าคุกเข่านักมิใช่หรือ วันนี้ ข้าจะคุกเข่าให้พอ!”
ซีเคลื่อนไหวร่างกายมากยิ่งขึ้น อสนีบาตที่ผ่าลงมาก็ทวีความน่ากลัว ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่หยุดไม่หย่อน
ตู้ม!
ร่างของบรรพจารย์ฉื้อแหลกลาญ กลายเป็นหมอกเลือด ทว่าอย่างไรมันนั้นก็ไม่ธรรมดา หลอมร่างใหม่ขึ้นมาได้ท่ามกลางหมอกเลือด
บัดซบ!
เอาแต่พูด ไม่เห็นทำจริงสักอย่าง!
ซีเอ่ยว่าจะคุกเข่า จนบัดนี้ยังมิได้คุกเข่าลงไปจริง ๆ สักครา!
บรรพจารย์ฉื้อก่นด่าในใจไม่หยุด เหตุไฉนมันถึงซวยปานนี้ หากรู้อย่างนี้แต่แรก มันคงไม่รับภารกิจนี้ ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตพิศวงตนอื่นรับหน้าที่แทนไปแล้ว!
นอกจากนี้ มันก็ถึงบางอ้อ ไม่แปลกที่ซีสร้างความแตกตื่นให้กับแดนกำเนิดพิศวงได้ จนแดนกำเนิดพิศวงออกคำสั่งประหารซีให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร!
ซีผู้นี้พิลึกจริง ๆ เป็นพวกผิดแผก ไม่อาจคาดคะเนด้วยหลักการปกติ!
“อยากหนีก็ไม่ได้!”
มันร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดยิ่งขึ้น จะหนียังทำไม่ได้ สายฟ้าผ่าลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า มันขยับเขยื้อนไม่ได้เลย!
พรวด! พรวด! พรวด!
หมอกเลือดทะยาน ร่างของมันระเบิดแหลกลาญอีกครั้ง แม้ว่ามันหลอมร่างขึ้นมาใหม่ กระนั้นพลังปราณของมันก็อ่อนแรงลงถึงขีดสุด!
“ระยำเอ๊ย! นี่มันพลังอะไรกัน?!”
มันร้องไห้ไม่หยุด อารมณ์หม่นหมองถึงขีดสุด มันรับรู้ถึงความตายที่กำลังคืบคลาน หากถูกผ่าใส่อีกเพียงครั้งเดียว มันต้องตายลงอย่างสิ้นเชิง!
มันไม่อาจเชื่อได้ลงเลย!
มันแข็งแกร่งขนาดไหน ใกล้บรรลุขอบเขตบรรพจารย์เต๋าเต็มที ทว่ามันกลับต้านได้ไม่ถึงสามครั้ง หลอมร่างใหม่เพียงสองครั้งก็รู้สึกอันตรายถึงชีวิต!
“ได้แล้ว ๆ!”
“ฆ่าเขาเสีย!”
บรรดาผู้เปี่ยมอำนาจยินดีปรีดาเหลือล้น ดวงตาเปล่งประกาย
บรรพจารย์ฉื้อเป็นคนใหญ่คนโตคนหนึ่งจากฝ่ายพิศวงลางร้าย หากสังหารบรรพจารย์ฉื้อลงได้ ย่อมต้องสร้างความเสียหายให้ฝ่ายพิศวงลางร้ายได้อย่างมหาศาล และช่วยทุ่นแรงให้กับฝ่ายพวกเขาได้มาก
ทว่าเวลานั้นเอง ลำแสงพิศวงลำหนึ่งพุ่งออกมาจากห้วงอากาศ เปี่ยมไปด้วยพลังปราณลางร้าย แทรกซึมเข้าไปในร่างของบรรพจารย์ฉื้อ
ชั่วพริบตานั้น พลังปราณบรรพจารย์ฉื้อเปลี่ยนไปมหันต์ พุ่งพรวดอย่างบ้าคลั่ง ร่างทั้งร่างขยายใหญ่ขึ้นจนมโหฬาร ราวกับทำให้ท้องฟ้าแตกออกได้ทุกเมื่อ!
บาดแผลของมันหายหมดสิ้น เมื่อลืมตาขึ้น ลำแสงน่ากลัวพวยพุ่งทะลวงนภา!
อสนีบาตสีทองถล่ม มันคว้าเข้ามาในมือ ก่อนจะอ้าปากกลืนอสนีบาตสีทองเข้าไป
ซีตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าบรรพจารย์ฉื้อจะแข็งแกร่งขึ้นจนน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้
นางเร่งความเร็ว เรียกอสนีบาตลงมามากขึ้น!
ครืน!
อสนีบาตสีทองมากมายนับไม่ถ้วนหลอมรวมอยู่ด้วยกัน ประดุจน้ำตกสายฟ้า ถล่มลงมาด้วยความน่ากลัวเหลือแสน ภาพการณ์ชวนผวา!
“เปล่าประโยชน์!”
บรรพจารย์ฉื้อยิ้มเย็น ยืนอยู่ที่เดิม มิได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด มั่นใจถึงขีดสุด!
ลำแสงที่พุ่งเข้ามาในร่างมันเมื่อครู่ เป็นพลังจากแดนกำเนิดพิศวง พลังของมันทวีคูณขึ้นไปหลายเท่า ไม่ต้องพะวงการโจมตีจากอสนีบาตอีกต่อไป!
น้ำตกสายฟ้าหลั่งไหล ห้วงมิติระเบิดแหลกลาญ ทั่วทั้งแดนบรรพโกลาหลสั่นสะเทือนไม่หยุด ทว่าบรรพจารย์ฉื้อกลับไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ ต้านทานสายฟ้าได้ทั้งหมด
“นี่มัน!”
“จบสิ้นแล้ว!”
เหล่าผู้เปี่ยมอำนาจได้เห็นภาพนี้แล้ว ตาแทบถลน บรรพจารย์ฉื้อในยามนี้สยดสยองยิ่งนัก พลังเกราะวิถีของซีไม่ส่งผลใด ๆ ต่อบรรพจารย์ฉื้อ!
“เอ่ยว่าคุกเข่าอยู่ตั้งนานแต่กลับไม่ยอมคุกเข่าลงไปเสียที หนนี้ ข้าจะให้เจ้าได้คุกเข่าจริง ๆ!”
บรรพจารย์ฉื้อหันมองซี สายตาเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น “ข้าไม่สนว่าเจ้าผิดเพี้ยนจากผู้อื่นอย่างไร วันนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ ข้าจะให้เจ้าตายไปทั้งที่คุกเข่าอยู่!”
มันกระทืบเท้าเบา ๆ ทันใดนั้น พสุธาภูผาสั่นไหว พลังพิศวงอันน่ากลัวแผ่ซ่าน มันกลายเป็นเหมือนผู้กุมอำนาจเพียงตนเดียว ควบคุมได้ทุกอย่าง!
เดิมทีซีนั้นหวาดกลัวเหลือแสน ทว่าไม่นานนัก ความหวาดกลัวนี้ก็จางหายไป
นางสงบลง
“เจ้าพูดจริงหรือ”
นางเงยหน้าช้า ๆ ทอดสายตามองบรรพจารย์ฉื้อ ความรู้สึกหนึ่งปรากฏในใจ หากบรรพจารย์ฉื้อกล้าลงมือสังหารนางจริง ๆ บรรพจารย์ฉื้อย่อมต้องตายไร้ที่ฝัง!
ยามความรู้สึกนี้ปรากฏ ตัวนางเองยังตกตะลึงไปไม่น้อย
บรรพจารย์ฉื้อในตอนนี้น่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะมีพลังอันใดทำให้บรรพจารย์ฉื้อตายอย่างไร้ที่ฝังได้อีก
นางเชื่อได้ยากจริง ๆ
ทว่าความรู้สึกเช่นนั้นในใจยังคงรุนแรง นางไม่มีทางมีอันเป็นไป ผู้ที่ต้องมีอันเป็นไปมีเพียงบรรพจารย์ฉื้อเท่านั้น
“ยังจะมัวเล่นละครกับข้าอยู่อีกหรือ?!”
บรรพจารย์ฉื้อพิโรธ มือใหญ่ข้างหนึ่งฟาดเข้าไป “จงคุกเข่ารับความตายเสีย!”