บทที่ 649 ภาพร่างไร้เทียมทาน ระเบิดต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียนได้ตามใจชอบ!
ฝ่ามือมโหฬารข้างหนึ่งพาดผ่านนภา ขนยาวพิศวงงอกเงยเต็มกาย บรรพจารย์ฉื้อบันดาลโทสะ ถูกยั่วยุด้วยท่าทีสงบของซี
มันกดฝ่ามือลงมา ประหนึ่งท้องฟ้าถล่มลง คลื่นพลังน่ากลัวซัดสาด มันต้องการให้ซีตายในท่าคุกเข่า!
ทันใดนั้น มันมีลางในใจ ฝ่ามือหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว ดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปยังที่หนึ่งด้วยความคร่ำเครียด
ที่นั่นมิมีสิ่งใด ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ทว่าในใจมันกลับมีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า ที่นั่นคล้ายจะมีพลังสยดสยองบางอย่างปรากฏ!
ตู้ม!
ห้วงมิติระเบิดแหลกลาญ พายุโหมกระหน่ำอยู่ในปฐพี กฎระเบียบเหนือจินตนาการโลดแล่น บรรพจารย์ฉื้อสังหรณ์ใจไม่ผิด ที่นั่นมีพลังสยดสยองปรากฏขึ้นจริง!
มันจริงจังมาก มิกล้าชะล่าใจแม้แต่น้อย คลื่นพลังที่ส่งมาจากที่นั่น แม้แต่ตัวมันยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน!
เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อนัก และยากที่มันจะเชื่อได้ลง
กำลังรบของมันในตอนนี้เพิ่มพูนเป็นเท่าตัว ทัดเทียมกำลังรบระดับบรรพจารย์เต๋าได้แน่นอน ไฉนถึงยังขวัญเสียได้ปานนี้
แต่ความจริงเป็นอย่างนั้น พลังจากที่นั่งทำให้หัวใจของมันเต้นรัวเร็ว รู้สึกหวาดผวา
“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นตัวอะไร! บังอาจขวางทางข้า ไม่ว่าสิ่งใดจักต้องแตกดับด้วยกันทั้งสิ้น!”
มันตวาดเสียงเย็น สร้างขวัญกำลังใจให้ตนเอง
ลำแสงจากแดนกำเนิดพิศวงทำให้รู้เลยว่า ทางแดนกำเนิดคอยเฝ้ามองสถานการณ์ด้านนี้อยู่ตลอด
บ่งบอกว่ามันมีกำลังเสริมอันทรงพลังอยู่!
แดนกำเนิดย่อมต้องให้ความช่วยเหลือมัน!
คิดมาถึงนี่ มันเริ่มใจเย็นลง ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป
เบื้องหลังของมันคือทั้งแดนกำเนิดพิศวงที่คอยหนุน มันยังต้องกลัวเกรงสิ่งใดอีก
พลังนี้จะแกร่งกล้าเพียงใด ก็ไม่มีทางแกร่งกล้าไปกว่าแดนกำเนิดพิศวง
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
แดนกำเนิดพิศวงที่แท้จริงเป็นสถานที่ที่จินตนาการไม่ออก พลังระดับบรรพจารย์เต๋ามิได้ยิ่งใหญ่แต่อย่างใด แม้กระทั่งมันก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยังแดนกำเนิดพิศวงที่แท้จริง ที่นั่นลึกลับเป็นพิเศษ มันก็รู้เรื่องมาไม่มาก
เสียงดังฟึ่บ มันยกมือเรียกหอกยาวพิศวงเล่มหนึ่ง และเกราะพิศวงอีกหลายชุดสวมทับบนตัว เพิ่มความปลอดภัย
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสะท้อนไปทั่วฟ้าดิน ที่นั่นมีภาพการณ์ชวนผวายิ่งกว่าปรากฏ ลำแสงนับล้านพวยพุ่ง กลบแสงสว่างทั้งมวล พลังเหนือจินตนาการโลดแล่นอยู่ภายใน เห็นแล้วชวนให้ชาไปทั้งหนังศีรษะ สั่นสะท้านไปถึงวิญญาณ!
จากนั้น ภาพร่างเลือนรางร่างหนึ่งก้าวออกมา
คล้ายว่ามันถูกถักทอประสานขึ้นด้วยกฎระเบียบต่าง ๆ มิมีรูปโฉมเด่นชัด หลังมันก้าวออกมา ทั้งแดนบรรพโกลาหลสั่นสะเทือนรุนแรง กฎแห่งโกลาหลถูกมันเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า!
เหล่าผู้เปี่ยมอำนาจอย่างจ้าวแห่งตงชิวทอดมองภาพร่างนั้น หัวใจสั่นสะท้านอย่างหนัก
ท่านผู้นี้เป็นใครกัน?!
พวกเขารู้สึกถึงความต่ำต้อยอย่างใหญ่หลวง เมื่ออยู่เบื้องหน้าท่านผู้นี้ พวกเขาเป็นเพียงธุลียังมิได้
“เจ้า…”
ซีมองภาพร่างเลือนรางนั้น ความรู้สึกพิเศษบางอย่างปรากฏในใจ
นางรู้สึกคุ้นเคยกับภาพร่างเลือนรางนี้มาก คล้ายว่าเป็นคนคุ้นเคยของนาง เคยใกล้ชิดสนิทกับนาง
“ข้าคิดอะไรอยู่”
นางสั่นศีรษะ รู้สึกว่าตัวเองช่างเพ้อเจ้อเก่งยิ่งนัก
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้ นางไม่เคยพบเห็นด้วยซ้ำ ไฉนเลยจะใกล้ชิดสนิทกันได้
นางคิดมากเกินไปแล้ว…
“ฆ่า!”
บรรพจารย์ฉื้อสีหน้าเย็นชา พริบตาที่ภาพร่างเลือนรางนั้นปรากฏ มันก็บุกสังหารเข้าไป!
หอกยาวพิศวงมีปราณลางร้ายแผ่ซ่านออกมาอย่างหนาแน่น ตวัดออกไปพร้อมด้วยอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต!
วูบ!
ภาพร่างเลือนรางนั้นฟาดฝ่ามือออกไปเบา ๆ หอกยาวพิศวงแหลกลาญในพริบตา เศษซากระจายเกลื่อนพื้น!
“!!!”
ม่านตาบรรพจารย์ฉื้อหดแคบลงอย่างแรง ตกตะลึงเหลือคณา พลังอะไรกันนี่ หอกยาวเล่มนี้ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่การโจมตีเดียวเชียวหรือ
มันถอยหลังอย่างรวดเร็ว สำแดงมหาวิชาออกไปวิชาแล้ววิชาเล่า พลังพิศวงอันน่ากลัวคลี่แผ่ออกไปจนมืดฟ้ามัวดิน เสียงระเบิดดังไม่หยุดหย่อน สถานที่หลายแห่งเหลือเพียงซากปรักหักพัง สสารโกลาหลทลายจนหมด!
ภาพร่างเลือนรางก้าวไปข้างหน้า ฟ้าดินสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ กระทั่งสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายด้านสมรภูมิยังได้รับแรงกระเทือนมหาศาล สิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายมากมายร่างกายแหลกลาญ กลายเป็นเพียงหมอกเลือด!
“ถอย ๆๆ!”
“ถอยเร็ว!”
ด้านสมรภูมิ สิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายตกตะลึงกันทั้งหมด พวกมันล่าถอยอย่างรวดเร็ว มิกล้าสู้รบกันต่อ
ภาพร่างเลือนรางนั้นน่ากลัวเกินไป พวกมันรู้สึกว่า หากภาพร่างเลือนรางนั้นย่ำเท้าเข้ามา พวกมันต่างต้องตายกันหมด สลายกลายเป็นจุณ!
“ส่งกองหนุนมาสิ!”
บรรพจารย์ฉื้อร้องไห้ออกมาอย่างไม่เอาไหน ความผวาคืบคลานเข้ามาในใจ ตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้า หลังภาพร่างเลือนรางเริ่มเคลื่อนไหว มันรู้สึกว่าพลังสยดสยองไร้ที่สิ้นสุดเช่นนั้นเล็งเป้ามาที่มัน สองเท้าของมันขยับเขยื้อนไม่ได้เลยสักนิด!
มันร้องหากำลังหนุนจากแดนกำเนิดพิศวง ส่วนมันเองเรียกเกราะออกมาอีกหลายสิบชั้นอย่างรวดเร็ว แล้วสวมใส่บนตัว
ตึง ตึง ตึง!
ภาพร่างเลือนรางนั้นก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อน ฟ้าดินสะเทือน ห้วงมิติสะท้านรุนแรง มันอยู่เหนือทุกสิ่ง มหาเต๋ายังต้องส่งเสียงกู่ร้องอยู่ใต้เท้าของมัน
“แม่เจ้า!”
บรรพจารย์ฉื้อร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม ทุกก้าวที่ภาพร่างเลือนรางย่ำออกมาเหมือนว่าย่ำลงในหัวใจของมัน มันไม่เหลือสติอีก สายตาทอประกายสิ้นหวัง
เวลานั้นเอง ห้วงอากาศเบื้องหลังมันสะเทือนรุนแรง หลุมดำมหึมาปรากฏ พลังพิศวงลางร้ายอันน่ากลัวโลดแล่นอยู่ภายใน กองหนุนที่บรรพจารย์ฉื้อต้องการมาแล้ว!
“เจ้าโดนเอาตายแน่!”
บรรพจารย์ฉื้อมั่นอกมั่นใจขึ้นมาในบัดดล หัวเราะร่วนอย่างบ้าคลั่ง มันรู้สึกได้ว่ากองหนุนในครานี้ทรงพลังยิ่งขึ้น มันไม่เหลือความสิ้นหวังอย่างเก่า นัยน์ตาวาวโรจน์ แข็งกร้าวเก่งกล้าขึ้นมา!
มันมั่นใจว่าสามารถต่อสู้กับภาพร่างเลือนรางได้!
ตึง!
ภาพร่างเลือนรางก้าวเท้า เท้าที่ย่ำลงมา ส่งผลให้หลุมดำระเบิดแหลกลาญในบัดดล พลังพิศวงลางร้ายในนั้นถูกลบล้างไปจนสิ้น!
“น่ากลัวขนาดนี้เชียว!?”
บรรพจารย์ฉื้ออึ้งงัน คนผู้นี้เป็นใครกัน? น่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว! พลังหนุนจากแดนกำเนิดพิศวงถูกลบล้างได้ทันทีเชียวหรือ!
“บังอาจนัก!”
เสียงตวาดเย็นยะเยือกดังออกมากลางอากาศ แดนกำเนิดพิศวงทาบทับลงบนแดนบรรพโกลาหล ร่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงร่างหนึ่งพุ่งออกมา!
มันน่ากลัวถึงขีดสุด พลังปราณที่แผ่ขยายออกมาโดยมิได้ตั้งใจเป็นผลให้ผืนฟ้าทั้งผืนระเบิดแหลกเหลว กลายเป็นซากปรักหักพังอย่างสิ้นเชิง พริบตาที่มันลืมตาขึ้น ลำธารกาลเวลาอันยาวนานพังครืน พลังปริภูมิเวลาอันยุ่งเหยิงบดขยี้ทุกอย่างจนแหลกลาญ!
ชั่วขณะนั้น มันจุติลงมาบนแดนบรรพโกลาหล แรงกดดันอันสยดสยองแผ่ปกคลุมไปทั่วปฐพี สิ่งมีชีวิตทั้งปวงในแดนบรรพโกลาหลถูกกดทับกับพื้น ร่างกายร้าวราน เลือดไหลไม่หยุด!
สิ่งมีชีวิตในเมืองเก่าแก่ก็ไม่ได้รับการยกเว้น เหล่าบรรพจารย์จากแดนต่าง ๆ อย่างบรรพจารย์ตงชิวก็ถูกกดทับกับพื้น หายใจยังไม่ออก วิญญาณใกล้แตกดับเต็มที!
“ต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียน!”
“ต้นบรรพจารย์!”
สิ่งมีชีวิตฝ่ายพิศวงลางร้ายเดือดพล่าน ท่านผู้นี้เป็นถึงต้นบรรพจารย์ หนึ่งในผู้ให้กำเนิดพลังพิศวงลางร้าย มีต้นบรรพจารย์ระดับนี้ออกโรง ย่อมต้องบดขยี้ได้ทุกสิ่ง!
พลังพิศวงลางร้ายอันน่ากลัวแผ่ซ่านอยู่ตามตัวของมัน หนาแน่นขนาดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันน่ากลัวเกินไป มิมีสิ่งใดเข้าใกล้มันได้ ทุกอย่างต้องถูกพลังพิศวงลางร้ายฉีกเป็นชิ้น ๆ!
ดูไม่ออกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใด นิยามมิได้ ตามตัวมีขนยาวพิศวงปกคลุมอยู่เช่นกัน ทว่าจุดที่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายอื่น ๆ คือ สีของขนยาวพิศวงตามตัวของมันไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
“แหลกเหลวไปเสีย!”
เสียงของต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียนเย็นเยียบเสียดกระดูก จนสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแห่งความตาย คล้ายเป็นเสียงแห่งการปลิดชีพ สยดสยองยิ่งนัก!
เสียงดังตู้ม มันฟาดฝ่ามือเข้าไป วางตัวอย่างผู้เหนือกว่า หมายจะบดขยี้ภาพร่างเลือนรางนี้ด้วยฝ่ามือเดียว
ทว่า ภาพร่างเลือนรางนั้นเพียงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเบา ๆ เท่านั้น พลังของต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียนถูกลิดรอนไปในพริบตา จากนั้น แรงดูดรุนแรงปรากฏ ดูดกลืนตัวต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียนเข้ามา
ภาพร่างเลือนรางนั้นชูนิ้วออกมาสองนิ้ว บีบเข้าหากันเบา ๆ
ต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียนผู้เป็นหนึ่งในผู้ก่อกำเนิดความพิศวงถูกบีบเป็นผุยผง มลายหายไปอย่างสิ้นเชิง!
นี่คือภาพร่างไร้เทียมทาน!