ตอนที่ 681 แม่ไป๋ถูกทุบตีอย่างรุนแรง
หญิงผู้หนึ่งผลักแม่ไป๋ลงกับพื้นและทุบตีหล่อน แน่นอนว่าบุคคลผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอู่ผิง แม่เลี้ยงของลวี่กั๋วต้ง
แม้ว่าการจงใจทำร้ายร่างกายหลินม่ายของลวี่กั๋วต้งจะไม่ส่งผลร้ายแรงใด แต่ผลการทดสอบอาการบาดเจ็บของหลินม่ายที่ได้รับการวินิจฉัยทำให้เขาถูกตัดสินโทษ และปัจจุบันเขาอยู่ภายใต้การควบคุมตัวทางอาญา
ทันทีที่อู่ผิง แม่เลี้ยงของลวี่กั๋วต้งได้ข่าว หล่อนก็รีบร้อนไปยังสถานีตำรวจเพื่อสอบถามเกี่ยวกับคดีนี้
ตำรวจบอกหล่อนว่าลวี่กั๋วต้งพาคนไปทำร้ายหลินม่ายเพื่อช่วยไป๋ซวงแก้แค้น
แม้ว่าลวี่กั๋วต้งจะเป็นเพียงลูกเลี้ยงของอู่ผิง แต่อู่ผิงก็รู้จักเขาเป็นอย่างดี
แม้เขาจะค่อนข้างดื้อรั้น แต่ก็ยังตระหนักได้ถึงความเหมาะสมในการกระทำสิ่งต่าง ๆ เขาไม่มีทางวางแผนทำร้ายหลินม่ายด้วยตัวเอง เขาต้องได้รับการยุยงจากไป๋ซวง
ยัยเด็กนั่นต้องเป็นผู้วางแผนทุกอย่างแน่ ทุกครั้งที่หล่อนเคียดแค้นและต้องการสอนบทเรียนให้กับใคร หล่อนมักจะวางแผนจูงใจลวี่กั๋วต้งผู้โง่เขลาเพื่อระบายความโกรธในใจ
แน่นอนว่าทุกการกระทำอันโง่เขลาของลูกชาย หล่อนไม่ได้กล่าวโทษไป๋ซวงเพียงอย่างเดียว แต่ยังกล่าวโทษตนเองในเรื่องการเลี้ยงดู ดังนั้นหล่อนจึงไม่เคยเอาเรื่องไป๋ซวงเลยตลอดเวบาที่ผ่านมา
แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้หล่อนจะทำเช่นนั้นอีกแล้ว
อู่ผิงต้องการพบลวี่กั๋วต้งเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาพูดความจริงและเลิกกระทำการอันโง่เขลาเพื่อคนอื่น
แต่ตำรวจบอกว่าสมาชิกในครอบครัวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมในระหว่างการควบคุมตัว
อู่ผิงโกรธและวิตกกังวล เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจจึงมายังบ้านเช่าของแม่ไป๋ เพื่อรอให้แม่และลูกสาวกลับมา
ไป๋ซวงไม่ได้กลับไปเรียนหลังจากออกจากสถานีตำรวจ แต่ซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเพื่อคิดหามาตรการรับมือและวิธีป้องกันไม่ให้ตำรวจสอบสวนในเรื่องที่หล่อนถูกผู้ชายมากกว่าสิบคนข่มขืน
หากตำรวจรู้ความจริงของคดีนี้ ลวี่กั๋วต้งอาจไม่จงรักภักดีกับหล่อนอีกต่อไป
หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย หล่อนคงไม่สามารถจับผู้ชายรวยได้อีกต่อไป
หล่อนเรียนไม่เก่ง ดังนั้นทางเดียวที่จะทำให้ตนเองอยู่อย่างสุขสบายได้ในอนาคตคือการแต่งงานกับชายผู้ร่ำรวยและสร้างครอบครัวที่ดี ดังนั้นชื่อเสียงจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อหล่อนมาก
ไป๋ซวงพยายามคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่อาจคิดหาวิธีที่ดีได้ และพลันรู้สึกหิวขึ้นทันใด
ตอนนั้นเองที่หล่อนนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยง จึงตั้งใจจะออกไปซื้อข้าวกล่องกลับมากินที่บ้าน
แต่ทันทีที่เปิดผ้าม่าน หล่อนก็เห็นอู่ผิงนั่งอยู่หน้าบ้าน
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของอีกฝ่าย หล่อนก็รับรู้ได้ทันทีว่าอู่ผิงมาเพื่อสะสางเรื่องของลวี่กั๋วต้ง
หล่อนตกใจกลัวมากจนรีบปิดม่านอย่างเงียบงัน ซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน ไม่กล้าออกมาอีกเลย
แม่ไป๋ไม่รู้เรื่องที่ลวี่กั๋วต้งที่ถูกควบคุมตัว หลังเลิกงาน หล่อนไปตลาดเพื่อซื้อซี่โครงและกลับมาเตรียมซี่โครงหมูตุ๋นตามปกติ
หล่อนทำอาหารไม่เก่ง แต่ซี่โครงหมูตุ๋นฝีมือหล่อนมีรสชาติไม่เลว
เนื่องจากอาหารจานนี้เป็นอาหารจานโปรดของพ่อไป๋ หล่อนจึงฝึกทำอาหารจานนี้อย่างหนักให้กับพ่อไป๋
ในตอนนั้น หล่อนคิดเสมอว่าตนและสามีจะสามารถแก่เฒ่าไปด้วยกันตลอดไป
แต่ไม่คาดคิดว่าทั้งสองคนจะเลิกรากันด้วยการหย่าร้างก่อนจะถึงครึ่งชีวิต
แม่ไป๋หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะย้อนเวลากลับไปได้ หากทำเช่นนั้นได้ หล่อนจะไม่ตามหาหลินม่าย และหล่อนกับสามีก็จะไม่ต้องทะเลาะกัน
ยิ่งแม่ไป๋คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าใด หล่อนก็ยิ่งหดหู่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เดินไปยังประตูบ้านโดยไม่รู้ตัวและเห็นอู่ผิงนั่งอยู่ที่ประตู
เนื่องจากพ่อไป๋และสามีของอู่ผิงเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นแม่ไป๋จึงรู้จักอู่ผิง
อู๋ผิงเองก็รู้ว่าพ่อไป๋และแม่ไป๋หย่ากัน
แม่ไป๋ถามด้วยความประหลาดใจ “แม่กั๋วต้ง มาทำอะไรที่นี่คะ?”
ทันทีที่อู่ผิงเห็นแม่ไป๋ หล่อนก็พุ่งเข้าทุบตีอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
หล่อนทุบตีพลางด่าทอ “ที่ลูกสาวบุญธรรมสารเลวของเธอทำร้ายลวี่กั๋วตง เธอเป็นคนบงการทุกอย่างใช่ไหม?”
แม่ไป๋เช่าบ้านในต้าซาหยวน
เหตุการณ์ที่อู่ผิงทุบตีหล่อนได้ดึงดูดผู้อยู่อาศัยคนอื่น ๆ ทันที
แม้โดยปกติแล้วแม่ไป๋จะไม่ค่อยพูดต่อหน้าและเย็นชาเสมอสำหรับเพื่อนบ้านในละแวกนั้น
แต่เพื่อนบ้านก็คิดสงสารเมื่อเห็นหล่อนถูกอู่ผิงทุบตีจนไม่มีแรงจะสู้กลับ
เพื่อนบ้านหลายคนรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อแยกอู่ผิงออกจากแม่ไป๋
เพื่อนบ้านเหล่านั้นพูดกับอู่ผิง “หากมีอะไรก็คุยกันดี ๆ สิ อย่าทำร้ายคนอื่นแบบนี้”
อู่ผิงชี้ไปยังแม่ไป๋และบอกทุกคนด้วยความโกรธว่า ไป๋ซวงหลอกลูกเลี้ยงของหล่อนไปทำร้ายผู้อื่นจนถูกตำรวจจับกุม
หล่อนพูดทั้งน้ำตา “ลูกชายของฉันอายุแค่สิบเก้าปี แต่มีประวัติอาชญากรรม อนาคตของเขาจบลงแล้ว!”
แม้ว่าเพื่อนบ้านเหล่านั้นจะเห็นอกเห็นใจอู่ผิง แต่พวกเขาก็เกลี้ยกล่อมให้หล่อนออกไป
พวกเขากังวลว่าหล่อนจะใช้กำลังจนทำให้แม่ไป๋บาดเจ็บสาหัส จนสุดท้ายแล้วหล่อนคือคนที่ต้องทนทุกข์ทรมาน
ก่อนที่อู่ผิงจะจากไป หล่อนก็ตบแม่ไป๋สองสามครั้งจนล้มลงกับพื้น
คราวนี้ไม่มีเพื่อนบ้านคนใดหยุดหล่อน และพวกเขาก็ไม่มองแม่ไป๋ ดังนั้นจึงไม่ได้ช่วยเหลือหล่อน
หญิงที่เลี้ยงดูลูกสาวให้เป็นคนร้ายกาจแบบนี้ต้องไม่ใช่คนดีแน่
ทุกคนยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร มองดูแม่ไป๋พยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น เมื่อลุกขึ้นได้ หล่อนก็เปิดประตูและเข้าไปในบ้านทันที
ไป๋ซวงซึ่งซ่อนตัวอยู่ในห้องรีบหันกลับมา
หากอู่ผิงเห็นหล่อนจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นหล่อนจึงซ่อนตัวอยู่ในบ้านโดยไม่ออกไปช่วยเหลือแม่ไป๋ และคิดมาโดยตลอดว่าแม่ไป๋จะต้องโกรธและผิดหวังในตัวหล่อนเป็นอย่างมาก
เมื่อคิดได้ดังนั้น ไป๋ซวงก็กระโดดออกจากหน้าต่างและหลบหนีด้วยความสิ้นหวัง
แต่ทันทีที่หล่อนกระโดดออกจากหน้าต่าง หล่อนก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยโดยผู้คนที่เดินผ่านไปมาซึ่งไม่รู้จักหล่อน
หลายคนต่างตะโกนต่อว่าหล่อนที่เป็นหัวขโมย
แม่ไป๋อดทนต่อความเจ็บปวดทั่วร่างกาย พยุงตัวเองขึ้นเพื่อมองนอกหน้าต่าง และเห็นว่าไป๋ซวงถูกควบคุมตัวโดยผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาหลายคน
หล่อนถามด้วยความประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบอกหล่อนว่าไป๋ซวงกระโดดลงมาจากหน้าต่างบ้านของหล่อน พวกเขาจึงสงสัยว่าหล่อนเป็นหัวขโมย
คนที่เดินผ่านไปผ่านมาขอให้แม่ไป๋ช่วยตรวจดูว่าอะไรหายไปบ้าง
แม่ไป๋ดูเขินอายและบอกว่าไป๋ซวงเป็นลูกสาวของหล่อน
เหตุผลที่ไป๋ซวงกระโดดออกจากหน้าต่าง เพราะแม่ไป๋ไม่อนุญาตให้หล่อนออกไปข้างนอก
ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาเชื่อคำพูดของเธอและปล่อยไป๋ซวงไป
ไป๋ซวงปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างอย่างใจจดใจจ่อ และกำลังจะอ้าปากพูดเพื่อหาข้ออ้าง แต่หล่อนกลับถูกแม่ไป๋ตบหลายครั้ง
แม่ไป๋ถามด้วยใบหน้าดุร้าย “เมื่อกี้อยู่บ้านหรือเปล่า?”
ไป๋ซวงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร
แม่ไป๋ราวกับใจสลาย “ทำไมฉันถึงเลี้ยงหมาป่าตาขาวที่โหดเหี้ยมอย่างเธอได้! เธอเห็นกับตาว่าฉันถูกทุบตี แต่กลับไม่คิดจะออกมาปกป้อง เธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?!”
ไป๋ซวงใช้กลอุบายเดิมซ้ำอีกครั้ง คุกเข่าลงกับพื้นและร้องไห้ “แม่ ไม่ใช่ว่าหนูไม่อยากออกไปช่วยนะคะ แต่หนูกลัวป้าอู่ผิงจะทุบตีหนู แม่ก็รู้ว่าหล่อนเกลียดหนูมาก”
แม่ไป๋พูดด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคือง “นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะไม่ช่วยฉัน!”
ไป๋ซวงกอดขาแม่ไป๋ ร้องไห้และขอร้องให้หล่อนยกโทษ
น้ำตาของแม่ไป๋ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับทำนบพัง หล่อนปฏิบัติต่อไปซวงเป็นอย่างดี แต่ไป๋ซวงกลับเลือดเย็นต่อหล่อน
ยิ่งแม่ไป๋พูด หล่อนก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง ทันใดนั้นก็กุมหน้าอกราวกับเจ็บปวด ก้มลงพูดกับไป๋ซวงด้วยความยากลำบาก “ฉันรู้สึกเจ็บหน้าอกมาก รีบส่งฉันไปโรงพยาบาลที”
ปฏิกิริยาแรกของไป๋ซวงคือวิ่งหนีไปให้ไกล ปล่อยให้แม่ไป๋ตายด้วยความเจ็บปวดจะดีที่สุด
แต่หล่อนก็กลัวว่าแม่ไป๋จะตายจริง ๆ และตำรวจจะรู้ว่าหล่อนปล่อยให้แม่ตายต่อหน้าต่อตา
หลังจากคิดเรื่องนี้ ไป๋ซวงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดประตูและตะโกน “แม่ของฉันเจ็บหน้าอก ใครก็ได้ช่วยพาแม่ไปส่งโรงพยาบาลหน่อยค่ะ ฉันจะขอบคุณมากเลย”
แม้ผู้คนในต้าซาหยวนจะไม่เคยมีมิตรภาพกับแม่ไป๋ แต่หลังจากที่ชีวิตของหล่อนตกอยู่ในอันตราย ทุกคนจึงยื่นมือช่วยเหลือไป๋ซวงนำแม่ไป๋ส่งโรงพยาบาล
ก่อนถึงโรงพยาบาล แม่ไป๋อยู่ในอาการโคม่า ทันทีที่ไปถึงโรงพยาบาล หล่อนก็เข้าห้องฉุกเฉินเพื่อรับการช่วยเหลือทันที
พยาบาลรีบออกจากห้องฉุกเฉิน ตรงไปหาไป๋ซวงและบอกหล่อนว่าอาการของแม่ไป๋ย่ำแย่มาก ขอให้หล่อนจ่ายเงินโดยเร็ว มิฉะนั้นจะส่งผลต่อการรักษาที่ตามมา
แม่ไป๋เลี้ยงดูสองคนด้วยเงินเดือนของตัวเองเพียงคนเดียว หล่อนต้องจ่ายค่าเช่าบ้านและต้องดูแลคุณภาพชีวิตครอบครัวจนไม่มีเงินเหลือ จึงไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้าได้
ไป๋ซวงกลอกตาและขอยืมโทรศัพท์จากโรงพยาบาลเพื่อโทรหาพ่อไป๋ ไป๋เหยียน และสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดของแม่ไป๋
หล่อนบอกพวกเขาว่าแม่ไป๋ป่วยหนักและให้รีบนำเงินมารักษาแม่ไป๋
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พ่อไป๋ก็มาถึง
แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว เขาพาหลินม่ายมาพร้อมกับไป๋เหยียนและบรรดาพี่น้องมาด้วย
ไป๋ซวงไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ของบ้านหลังใหม่ของพ่อไป๋ ดังนั้นหล่อนจึงโทรหาเลขาของพ่อไป๋
เลขาโทรเข้าบ้านพ่อไป๋ แต่ไม่มีใครรับสาย จึงติดต่อปู่ไป๋และลูกของพ่อไป๋ไป
แต่เมื่อโทรเข้าบ้านหลินม่าย หล่อนก็ได้คุยกับพ่อไป๋
พ่อไป๋กำลังรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของหลินม่าย จึงทราบว่าแม่ไป๋มีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน กำลังอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน และจำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้า
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและต้องการกลับไปรับเงิน แต่ก็ถูกหลินม่ายยั้งไว้
เธอขอให้เขาจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้า แล้วจะจ่ายคืนเมื่อแม่ไป๋หายป่วย
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ฟางจั๋วหรานก็เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้
เขาได้รับรางวัลการันตีด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่าหนึ่งพันรางวัล ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการไปเจรจากับแพทย์ในกรณีของแม่ไป๋
เนื่องจากต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้า ดังนั้นเขาและพ่อไป๋จึงต้องไปโรงพยาบาลพร้อมกัน
แม้ว่าพี่น้องตระกูลไป๋ทั้งสามจะไม่พอใจแม่ไป๋เนื่องจากทัศนคติของหล่อนที่มีต่อหลินม่าย แต่ท้ายที่สุดแล้ว หล่อนก็เป็นแม่ของพวกเขาเองและยังป่วยหนัก ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ไปเยี่ยมเยียน
ในที่สุดพ่อลูกทั้งห้าก็มาถึงโรงพยาบาล
เมื่อไป๋ซวงเห็นว่าพ่อไป๋นำศัตรูทั้งหมดของหล่อนมา หัวใจของหล่อนก็แทบสลาย
แม่ไป๋ป่วยหนัก หล่อนจึงจงใจกระหน่ำโทรหลายสาย เพื่อที่จะได้โกงเงินค่ารักษา
แม่ไป๋ป่วยหนักก็เพราะหล่อน ไม่ว่าแม่ไป๋จะมีชีวิตอยู่หรือตายไป หล่อนก็จะไม่สามารถพึ่งพาแม่ไป๋ได้ในอนาคต
นั่นเป็นเหตุผลที่หล่อนโทรหาพ่อไป๋และคนอื่น ๆ และขอให้เขานำเงินมาให้
หลังจากที่เขานำเงินมาให้ หล่อนจะหลอกว่าตนจะนำเงินนั้นไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยตัวเอง ก่อนจะหาทางเชิดเงินจำนวนนั้นหนีไป
แต่ตอนนี้พ่อไป๋ได้พาหลินม่ายและคนอื่น ๆ มาด้วย แผนของหล่อนจึงล่มไม่เป็นท่า
อย่างไรก็ตาม ไป๋ซวงก็ยังคงตั้งใจที่จะลองดู
ทันทีที่พ่อไป๋เห็นไป๋ซวง เขาก็ถามอย่างสงสัย “ทำไมจู่ ๆ แม่ของเธอถึงหัวใจวายเฉียบพลันกัน? หล่อนไม่เคยมีปัญหานี้มาก่อนเลย!”
ไป๋เซี่ยกล่าว “ต้องเป็นแผนการของหล่อนแน่!”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไป๋ซวงก็ตื่นตระหนกทันที “ไม่ใช่ฉัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน!”
“ที่พูดมานี่จริงเหรอ?” หลินม่ายจ้องมองหล่อน “ฉันขอจ่ายค่ารักษาพยาบาลคุณหลัวก่อน แล้วเราจะค้นหาสาเหตุที่คุณหลัวป่วยหนักทีหลัง หากความเจ็บป่วยของคุณหลัวเกี่ยวข้องกับเธอ เราไม่ปล่อยเธอไปแน่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ซวงก็ยิ่งคิดที่จะวิ่งหนี
หล่อนกัดฟันและพูดกับทุกคน “เอาเงินมาให้ฉัน ฉันจะไปจ่ายให้”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โดนหนักขนาดนี้ น่าจะตาสว่างได้แล้วนะคะยัยแม่ไป๋ ต้องให้ตัวเองตายก่อนใช่ไหมถึงจะรู้ว่าที่เลี้ยงอยู่มันเป็นงูพิษ
ไหหม่า(海馬)