บทที่ 656 เหตุใดถึงต้องดึงดัน น่ากลัวว่ามีบ่วงกรรมยิ่งใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง!
จักรพรรดินีสะท้านใจยิ่งนัก ระหว่างทางมา หยวนอีเคยกล่าวถึงต้นหลิวและก้อนหินกับนาง เอ่ยว่าขอบเขตพลังของต้นหลิวและก้อนหินสูงส่งลึกล้ำเกินหยั่ง
ครานั้น นางมิได้รู้สึกอันใด ถึงอย่างไร ก็คงสูงส่งได้ไม่เท่าไร
บัดนี้ นางถึงรู้ว่านางโง่เขลาปานใด!
สูงส่งได้ไม่เท่าไรรึ?!
ความแข็งแกร่งของต้นหลิว สูงจนผิดเพี้ยน สูงจนไร้ขอบเขต เรื่องที่จักรพรรดิเซียนยังไม่อาจสำเร็จได้โดยง่าย ต้นหลิวกลับทำได้ง่ายดาย ต้นหลิวต้องทรงพลังกว่าจักรพรรดิเซียนอย่างแน่นอน!
นางคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะได้พบตัวตนที่ทรงพลังกว่าจักรพรรดิเซียนในที่แห่งนี้ และตัวตนเกินหยั่งเช่นนี้กลับตั้งรกรากอยู่นอกเมืองปุถุชนแห่งหนึ่ง…
เรื่องนี้พลิกผันโลกทัศน์ของนางอย่างไม่ต้องสงสัย หากมิใช่ว่าเรื่องราวเหล่านี้คือประสบการณ์ของนางโดยตรง ให้ตายอย่างไรนางก็ไม่เชื่อ!
นอกจากนี้ นางก็ยิ่งตระหนักถึงความแข็งแกร่งของคุณชายได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ระหว่างทาง หยวนอีเล่าเรื่องของคุณชายให้นางฟังอย่างละเอียด เอ่ยว่าคุณชายทำได้ทุกอย่าง อยู่เหนือสรรพสิ่ง ฝีมือที่ท่านสำแดงออกมาเรื่อยเปื่อยยังอัศจรรย์อย่างยิ่งยวด
ทว่าลำพังได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้ นางยังไม่ตระหนักรู้อย่างแจ่มชัดนัก
บัดนี้นางตระหนักรู้แล้ว
ต้นหลิวมีหน้าที่เพียงบังฟ้าบังฝนให้คุณชายเท่านั้น ยังทรงพลังได้ถึงปานนี้ ยังต้องคลางแคลงใจในความแข็งแกร่งของคุณชายอีกหรือ
“คุณชายคือผู้พิพากษาจากแดนบรรพโกลาหลอย่างนั้นหรือ?!”
นางคิดไปด้วยความสะท้อนใจเหลือแสน
“เดี๋ยวก่อน…”
เวลานั้นเอง นางพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์
หัวใจของนางเต้น ‘ตึกตัก’ รัวเร็ว คุณชายคงมิใช่ผู้ที่ช่วยนางไว้ถึงสองครากระมัง
ท่านผู้นั้นก็อัศจรรย์สูงส่งเกินหยั่งถึงขีดสุดเช่นกัน เหมือนคุณชายอย่างมาก
โดยเฉพาะยามนึกถึงเมื่อครั้งอยู่ที่แดนมรณา วาจาที่ท่านผู้นั้นกล่าวต่อจ้าวมรณา เป็นไปได้สูงว่าท่านผู้นั้นมาจากอาณาจักรนี้ ไปเพื่อออกหน้าให้สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้!
เรื่องนี้ยิ่งเหมือนกับคุณชายเข้าไปใหญ่!
“คุณชายมีรูปโฉมเช่นนี้ใช่หรือไม่…”
นางรีบไถ่ถามกับต้นหลิวและหยวนอี บรรยายรูปลักษณ์ของท่านผู้นั้นเพื่อขอคำตอบ
แท้จริงแล้วนางสามารถหลอมรูปลักษณ์ของท่านผู้นั้นออกมาด้วยพลังเซียน เช่นนี้จะยิ่งแม่นยำ ยิ่งสะดวก ทว่านางมิกล้า
ท่านผู้นั้นเหนือความคาดหมายเกินไป นางกลัวว่าหากหลอมรูปลักษณ์ท่านผู้นั้นขึ้นจะเป็นผลให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมา
ถึงอย่างไร ตัวตนระดับนั้นมิอาจคาดเดาด้วยตรรกะทั่วไป ควรต้องเคารพนบนอบในใจอยู่เสมอ มิฉะนั้น ไม่แน่ว่าอาจเกิดเรื่องราวบางอย่างขึ้นจริง ๆ
“ท่านเคยพบคุณชายแล้วหรือ”
หยวนอีตะลึง รูปลักษณ์ที่จักรพรรดินีบรรยายมานั้นเหมือนกับคุณชายทุกประการ!
นางอึ้งงันถึงขีดสุด นางมิเคยเอ่ยถึงรูปโฉมของคุณชายกับจักรพรรดินีมาก่อน นี่จักรพรรดินีเคยเจอกับคุณชายมาก่อนแล้วหรือ
“ท่านผู้นั้นคือคุณชายจริงด้วย!”
จักรพรรดินีมีสีหน้าแปร่งไป นางเดาถูกจริง ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “เคยพบ และเคยพบถึงสองครั้งด้วย”
นางเล่าประสบการณ์สองครั้งนั้นโดยไม่ตกหล่น
“เดิมข้าคิดว่าสองครั้งนั้นเป็นเพราะข้าโชคดี บังเอิญพบคุณชายเข้า ทว่าบัดนี้ลองคิดดูแล้ว มิได้เป็นอย่างที่ข้าคิด…” นางกล่าว
หยวนอีเอ่ยว่าคุณชายชื่นชมนางมาก แต่ทั้งสองครั้งที่คุณชายปรากฏตัว ล้วนเป็นช่วงเวลาคับขันที่ชีวิตนางแขวนอยู่บนเส้นด้าย คิดแล้วสองครั้งนั้นหาใช่เหตุการณ์บังเอิญ คุณชายตั้งใจมาช่วยนางจริง ๆ!
“แต่เหตุใดคุณชายถึงไม่ยอมพูดกับข้าทั้งสองครั้ง หรือแม้แต่จะปรายตามองข้า” นางเอ่ยข้อกังขาในใจออกไป
คุณชายชื่นชมนางมากมิใช่หรือ ตามปกติ หลังคุณชายช่วยนางแล้ว ควรต้องสนทนากับนางบ้างสักประโยคสองประโยคมิใช่หรือ
ทว่าทั้งสองครั้งนั้น คุณชายมิได้เอ่ยวาจาใดกับนาง ไม่แม้แต่จะมองนาง
“ความคิดของคุณชายกว้างไกลเกินกว่าที่เจ้าหรือข้าจะเดาได้ บางทีพวกเราในยามนี้อาจยังไม่เข้าใจ แต่ในภายหน้า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พวกเราจะเข้าใจได้เอง”
ต้นหลิวกล่าว “ทุกถ้อยคำ ทุกการกระทำของคุณชาย ไม่เคยจำกัดไว้เพียงเหตุการณ์เบื้องหน้า ล้วนแล้วสะท้อนถึงอนาคต สายตาคุณชายกว้างไกลยิ่งนัก…”
“ใช่แล้ว! ที่ผู้อาวุโสต้นหลิวกล่าวมานั้นถูกต้อง!”
อีกด้าน หยวนอีพยักหน้ารัว นางรู้ซึ้งในเรื่องนี้ดียิ่ง
ทุกถ้อยคำ ทุกการกระทำของคุณชายล้วนมีความหมายลึกล้ำ ความไม่เข้าใจในคราวแรก เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ทุกอย่างจะประจักษ์ขึ้นเอง
“ก็ใช่!”
จักรพรรดินีพยักหน้า ไม่รู้สึกสับสนอีกต่อไป
นางเคยเห็นฝีมือคุณชายมาแล้วถึงสองครั้ง น่ากลัวมากจริง ๆ ตัวตนสูงส่งเช่นนี้ พวกเขามิอาจคาดเดาถ้อยคำและการกระทำของเขาได้เลยจริง ๆ
“โอ๊ย ดูสมองน้อย ๆ ของข้าสิ ไฉนถึงทึ่มได้ปานนี้ เหมือนข้าจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดคุณชายถึงไม่ยอมเอ่ยวาจากับท่านจักรพรรดินี”
หยวนอีตบหน้าผากอย่างแรงเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะกล่าวต่อ “คุณชายกล่าวถึงท่านจักรพรรดินีกับข้า วาจานั้นเผยความนัยว่าอยากพบท่านจักรพรรดินี ซ้ำคุณชายยังช่วยท่านจักรพรรดินีไว้ถึงสองครั้ง แต่กลับมิได้สนทนากับท่านจักรพรรดินี คิดแล้วคงเพื่อให้ข้าพาท่านจักรพรรดินีไปพบคุณชาย!”
“ต่างกันด้วยหรือ”
จักรพรรดินีถามอย่างถ่อมตน
“แน่นอนว่าต่างกันมาก ลองนึกดูสิว่าระหว่างทางข้าบอกเรื่องใดกับท่านบ้าง…”
หยวนอีมองจักรพรรดินีพลางกล่าว
จักรพรรดินีครุ่นคิด ระหว่างทาง คำที่หยวนอีกล่าวบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นข้อห้ามของคุณชาย
ไม่รู้เพราะเหตุใด คุณชายมักวางตนเป็นปุถุชนอยู่เสมอ ไม่เคยยอมรับฐานะสูงส่งของตน นี่คือข้อห้ามใหญ่หลวงที่สุดของคุณชาย ผู้ที่ติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย มิกล้าทำผิดข้อห้ามนี้สักครา
“ข้าก็เข้าใจแล้ว…”
จักรพรรดินีตรึกตรอง ที่หยวนอีว่ามานั้นไม่ผิด ความแตกต่างนั้นมากโข
ครานั้น หากคุณชายสนทนากับนาง นางต้องฝ่าฝืนข้อห้ามของคุณชายเป็นแน่ ถึงอย่างไร นางในเวลานั้นยังไม่ล่วงรู้ถึงข้อห้ามนี้ของคุณชาย
ทว่าหากหยวนอีเป็นผู้พานางไป จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หยวนอีจักบอกข้อห้ามนี้กับนางไว้ล่วงหน้า และหยวนอีก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ
“คุณชายก็คือคุณชาย สายตากว้างไกล เกินกว่าที่เรา ๆ จะจินตนาการได้!”
หยวนอีสะท้อนใจเหลือคณา “เมื่อครั้งคุณชายกล่าวถึงท่านจักรพรรดินีกับข้า คงมองเห็นวันนี้แล้ว รู้ว่าข้าจะได้พบท่านจักรพรรดินี คุณชายถึงแสดงออกกับข้าว่าต้องการพบท่านจักรพรรดินี หมายความให้ข้าพาท่านจักรพรรดินีไปพบคุณชาย”
นางกล่าวต่อ “คุณชายแสดงออกว่าชื่นชมท่านจักรพรรดินีมาก อยากพบท่านจักรพรรดินี ทว่า ท่านช่วยท่านจักรพรรดินีไว้ถึงสองครั้งแต่กลับมิได้สนใจท่านจักรพรรดินี เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ข้าบอกข้อห้ามของคุณชายกับท่านจักรพรรดินี…”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการคาดเดาอันสมเหตุสมผล จักรพรรดินีก็คิดเช่นนี้
“แต่เหตุใดคุณชายถึงดึงดันในฐานะปุถุชนถึงเพียงนี้ ไม่ยอมเปิดเผยให้รู้”
จักรพรรดินีถามอย่างอดมิได้
แค่ฐานะปุถุชนคนหนึ่งคงมิได้สลักสำคัญอันใดกระมัง เปิดเผยให้รู้แล้วอย่างไร?
นางคิดไม่ตกจริง ๆ
“เริ่มแรก ข้าคิดว่าคุณชายต้องการท่องโลกฆราวาสในฐานะปุถุชน มิได้มีความหมายลึกซึ้งอันใดมากกว่านั้น ทว่าต่อมา ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่ามิใช่เช่นนั้น คุณชายให้ความสำคัญต่อฐานะปุถุชนนี้มาก ย่อมต้องมีเหตุผลสำคัญบางอย่างแฝงไว้แน่นอน!”
ต้นหลิวเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “น่ากลัวว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงบ่วงกรรมใหญ่หลวง บ่วงกรรมบางอย่างที่พวกเรามองไม่เห็น คาดไม่ถึง! เอาเป็นว่า พวกเราต่างได้รับความเมตตาจากคุณชาย ไม่ว่าเรื่องใดควรต้องยึดถือคุณชายเป็นหลัก ตราบใดที่คุณชายไม่เปิดเผยให้รู้ พวกเราต้องจำไว้ว่าห้ามมิให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด!”
มันกล่าวต่อ เสียงเคร่งขรึมลงเรื่อย ๆ “ช่วงนี้ข้าระส่ำระสายอยู่ตลอด บางทีอาจเกิดเรื่องใหญ่มหันต์ขึ้นก็ได้ ความมืดมนและหมอกหนาบางอย่างอาจถึงกาลแสดงตน ใต้หล้านี้หาใช่สิ่งที่คนอย่างเรา ๆ มองออกได้ทะลุปรุโปร่ง!”
“เข้าใจแล้ว!”
“รับทราบ!”
จักรพรรดินีและหยวนอีพากันขานรับ
พวกนางกลัดกลุ้มยิ่งขึ้น ต้นหลิวยังมองไม่ออก พวกนางยิ่งไม่ต้องพูดถึง
นอกจากนี้ พวกนางต่างเห็นด้วยกับวาทกรรมบ่วงกรรมของต้นหลิว
สิ่งที่เรียกว่าบ่วงกรรมนี้ อธิบายด้วยวาจามิได้ ตัวตนที่ยิ่งแข็งแกร่ง ก็ยิ่งระแวงยำเกรงต่อมัน ที่คุณชายดึงดันยึดติดกับฐานะปุถุชน ไม่ยอมเปิดเผยให้รู้ บางทีอาจมีบ่วงกรรมมากมายแฝงไว้อยู่จริง ๆ ก็เป็นได้!
จากนั้น หยวนอีและจักรพรรดินีบอกลาต้นหลิว หยวนอีจะพาจักรพรรดินีไปพบคุณชาย
…
สัตว์อสูรทั้งเก้าลากรถบินผ่านมวลเมฆไปอย่างแช่มช้า สุดท้ายลงมาอยู่บนสถานที่อันมีทัศนียภาพวิจิตรตระการตา
“พวกเราลงไปยืดเส้นยืดสายกันหน่อยเถิด…”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ พวกเขานั่งอยู่ในรถลากนานเกินไป ลงไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายเสียหน่อยเป็นการดีกว่า
“เจ้าก็ไปด้วยกันเถิด”
หลี่จิ่วเต้าหันมองจิ้งจอกขาว พร้อมกล่าวกับมัน
ครั้งนี้ เขาอยากให้จิ้งจอกขาวลงไปเดินเล่นมากกว่า ตลอดทั้งทางที่ผ่านมา จิ้งจอกขาวอยู่แต่ในรถลาก มิเคยออกไปไหน เขากลัวจิ้งจอกขาวจะเบื่อแย่
จิ้งจอกขาวมีนิสัยเย็นชา มักขดตัวในมุมตามลำพังอยู่เสมอ นอกจากจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงแล้ว นางมิเคยข้องแวะกับผู้อื่น
แต่วาจาของคุณชาย นางยังเชื่อฟังอยู่
สุดท้าย นางก็ลงจากรถลากด้วย