ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 695 ดั่งใจหวัง (ปลาย)

ตอนที่ 695 ดั่งใจหวัง (ปลาย)

แต่ละ​จวน​ต่าง​ก็​เริ่ม​มี​การเคลื่อนไหว

คน​เฝ้า​ประตู​เอง​ก็​คอย​วิ่ง​มารา​ยงา​นการ​เคลื่อนไหว​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ไท่ฮู​หยิน​และ​สือ​อี​เหนียง​อย่างไม่ขาดสาย​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เพียงแค่​พยักหน้า​รับรู้​ด้วย​สีหน้า​ที่​เรียบ​เฉย​เท่านั้น​ ​แต่​แล้ว​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​ลุกขึ้น​มา​พูด​กับ​เหล่า​บรรดา​ผู้ดูแล​ที่มา​คารวะ​เขา​ว่า​ ​“​พอ​แค่นี้​ก่อน​ก็แล้วกัน​ ​ที่​เหลือ​ค่อย​มาคุย​ช่วง​บ่าย​ ​ข้า​จะ​ไป​กล่าว​ทักทาย​จิ​้ว​เหยีย​เสียหน่อย​!​”

กล่าว​ทักทาย​ก็​กล่าว​ทักทาย​ไป​สิ​ ​ไม่มีใคร​เขา​ท้วงติง​เสียหน่อย​ ​เหตุใด​ถึง​ต้อง​เสียเวลา​มา​อธิบาย​กับ​บ่าว​รับใช้​เช่น​พวกเขา​ด้วย​เล่า

เหล่า​บรรดา​ผู้ดูแล​ต่าง​ก็​พากั​นร​อส​่ง​สวี​ลิ่ง​อี๋​เดิน​ออก​นอก​ประตู​ ​บ่าว​รับใช้​ที่​ประจำการ​อยู่​เรือน​ชั้นใน​พากัน​แยกย้าย​ไป​แสดงความยินดี​กับ​ไท่ฮู​หยิน​และ​สือ​อี​เหนียง

จื่อ​หง​สาวใช้​คนสนิท​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​นาง​คอย​หันไป​เร่ง​คน​แบก​เสลี่ยง​และ​ป้า​รับใช้​งาน​หยาบ​อยู่​หลายครั้ง​ว่า​ ​“​เร็ว​เข้า​ ​ไท่ฮู​หยิน​กำลัง​รอ​อยู่​ ​พี่​อวี​้​ป่าน​หา​เสื้อคลุม​ช้า​หน่อย​ยัง​โดน​ไท่ฮู​หยิน​ตำหนิ​ไป​ยกใหญ่​ ​ถือว่า​ท่าน​ป้า​ทั้งหลาย​เห็นแก่หน้า​ข้า​ ​ให้​ข้า​รีบ​ไป​เรียน​เรื่อง​นี้​กับ​ไท่ฮู​หยิน​ได้​อย่างราบรื่น​ด้วย​เถิด​”

“​แม่นาง​วางใจ​ได้​ ​พวก​ข้า​ไม่​ทำ​เจ้า​เสียเวลา​อย่างแน่นอน​”​ ​ป้า​รับใช้​ได้ยิน​ว่า​อวี​้​ป่าน​ถูก​ตำหนิ​ไป​ยกใหญ่​ก็​ไม่กล้า​ชักช้า​ ​รีบเร่ง​ฝีเท้า​ตรง​ไป​ยัง​เรือน​ชั้นใน​ทันที​ ​เวลา​นั้น​เอง​ก็​เห็น​ป้า​ตู้​ปรี่​เข้ามา​หาด​้วย​ความรีบร้อน​ ​“​เหตุใด​ถึง​มา​เอา​ป่านนี้​ ​เร็ว​เข้า​ๆ​ ​ไท่ฮู​หยิน​รอ​อยู่​ที่​ใต้​ชายคา​แล้ว​!​”

ป้า​รับใช้​ทั้งสอง​ได้ยิน​แล้วก็​ตกใจ​เป็นอย่างมาก​ ​รีบ​แบก​เสลี่ยง​เข้าไป​ใน​ทางแคบ​เล็ก​ตรง​ไป​ยัง​เรือน​หลัก​ทันที

สาวใช้​น้อย​สอง​คน​กำลัง​ช่วย​ประคอง​ไท่ฮู​หยิน​ขึ้นไป​นั่ง​บน​เสลี่ยง​ ​อวี​้​ป่าน​รีบ​นำ​เบาะ​รอง​นั่ง​ขน​กระรอก​ปู​ลง​บน​เสลี่ยง​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ทันที​ ​สาวใช้​น้อย​อีก​คน​ก็​รีบ​นำ​เตา​ทองเหลือง​ที่​ใช้​สำหรับ​อัง​มือ​มา​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ ​ป้า​ตู้​คอย​ช่วย​ประคอง​เสลี่ยง​ที่​กำลัง​ถูก​ยกขึ้น​ ​อวี​้​ป่าน​และ​จื่อ​หง​คอย​ยืน​ประกบ​อยู่​ข้างๆ​ ​ส่วน​ด้านหลัง​ก็​มีสาว​ใช้​และ​ป้า​รับใช้​เดินตาม​หลัง​มา​เป็น​โขยง​ ​จากนั้น​ขบวน​ก็​ค่อยๆ​ ​เคลื่อนตัว​ไป​ยัง​เรือน​หลัก

ทาง​ฝั่ง​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​จูงมือ​จิ​่น​เกอ​ไป​ยัง​ใต้​ชายคา​ของ​เรือน​ ​นาง​สังเกต​ใบหน้า​ของ​เขา​อย่างละเอียดถี่ถ้วน

บน​ใบหน้า​ของ​เขา​ยังคง​มี​รอย​แดง​เล็กน้อย​ให้​เห็น​อยู่​รำไร​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​เขา​ผิวขาว​ ​รอย​แดง​เล็ก​ๆ​ ​เหล่านี้​ก็​คงจะ​ไม่​เด่นชัด​ขนาด​นี้

“​ยัง​รู้สึก​คัน​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​ขึ้น​พลาง​ลูบ​รอย​แดง​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​อย่างเบามือ​ ​“​ยัง​คิด​จะ​ปิดบัง​แม่​อีก​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​พี่​สอง​ของ​เจ้า​รีบ​ส่ง​ยา​ไป​ให้​ทันที​ ​เกรง​ว่า​ป่านนี้​ก็​คงจะ​ยัง​ไม่​หาย​กระมัง​!​”

จิ​่น​เกอ​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​“​ท่าน​แม่​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​ท่าน​ชอบ​กังวลใจ​เกิน​กว่า​เหตุ​ ​ข้า​จะ​ไม่​บอก​ท่าน​ได้​อย่างไร​กัน​ ​ตอนนี้​ข้า​โต​ขึ้น​แล้ว​ ​รู้​ว่า​อะไร​ควร​ไม่​ควร​แล้ว​ ​หากว่า​ข้า​ป่วยหนัก​จริงๆ​ ​จะ​ต้อง​บอก​ท่าน​อย่างแน่นอน​ ​คนที​่​ป่วย​คือ​ข้า​ ​คนที​่​เจ็บ​ก็​คือ​ข้า​ ​เหตุใด​ข้า​ถึง​ต้อง​ทรมาน​ตัวเอง​ด้วย​เล่า​ ​ใช่​ว่า​ข้า​จะ​โง่เขลา​เสียหน่อย​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​ได้​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​ท่าน​ย่า​หรือไม่​ขอรับ​”​ ​จู่ๆ​ ​สีหน้า​ของ​เขา​ก็​ดู​วิตกกังวล​ขึ้น​มา

“​ข้า​ไม่​เหมือน​เจ้า​เสียหน่อย​”​ ​สือ​อี​เหนียง​แสร้งทำ​สีหน้า​จริงจัง​ ​“​เรื่องใหญ่​เช่นนี้​ ​จะ​ไม่​ให้​เรียน​ไท่ฮู​หยิน​ได้​อย่างไร​กัน​!​”

“​ไอ​๊​หยา​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​กังวลใจ​ ​“​นางอายุ​ปูน​นี้​แล้ว​ ​หาก​รู้เรื่อง​เข้า​คงจะ​เอาแต่​เป็นห่วง​ข้า​แย่​”​ ​พูด​จบ​เขา​ก็​รีบ​จูงมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​เดิน​ออกมา​ด้านนอก​ทันที​ ​“​เรา​รีบ​ไปหา​ท่าน​ย่า​กัน​เถิด​ ​หาก​ท่าน​ย่า​ไม่ได้​เห็น​หน้า​ข้า​ ​คงจะ​ไม่​คลายกังวล​อย่างแน่นอน​”

“​เจ้า​เด็ก​คน​นี้​นี่​ ​ถือว่า​ยัง​พอ​มี​จิตใจ​ที่​ดี​อยู่​บ้าง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ใช้​นิ้ว​จิ้ม​หน้าผาก​ของ​เขา​เบา​ๆ​ ​“​หลักการ​ข้อนี​้​แม้แต่​ตัว​เจ้า​เอง​ก็​ยัง​รู้​ ​แล้ว​ข้า​จะ​ไม่รู้​ได้​อย่างไร​กัน​!​”​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เจ้า​วางใจ​เถิด​ ​ทาง​ฝั่ง​ท่าน​ย่า​ของ​เจ้า​ ​ข้า​เอง​ไม่ได้​หลุดปาก​พูด​ไป​แม้แต่​คำ​เดียว​”​ ​พูด​จบ​ก็​ลูบ​ศีรษะ​ของ​เขา​เบา​ๆ​ ​“​เจ้า​ต่างหาก​ที่​ต้อง​ระวัง​คำพูด​ ​อย่า​ได้​เผลอ​หลุดปาก​พูด​ไป​เชียว​!​”

“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​ไม่ใช่​คน​แบบ​นั้น​เสียหน่อย​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​เง้างอด​ ​แถม​ยัง​ยืน​ยืด​อก​ด้วย​ทีท่า​ที่​สง่าผ่าเผย​สีหน้า​เด็ดเดี่ยว​เป็นอย่างมาก​ ​จากนั้น​ก็​ยู่​ปาก​พูด​ขึ้น​พึมพำ​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ต่อไป​ท่าน​อย่า​ลูบ​ศีรษะ​ข้า​อีก​นะ​ขอรับ​ ​เพราะ​อีก​ไม่​กี่​ปี​ข้า​ก็​จะ​ต้อง​สู่ขอ​ภรรยา​แล้ว​ ​หาก​ภรรยา​ของ​ข้ามา​เห็น​ว่า​ข้า​ยัง​เป็น​เด็กน้อย​ที่​ยัง​ไม่ทัน​จะ​สิ้น​กลิ่น​น้ำนม​ ​แล้ว​จะ​เชื่อฟัง​คำพูด​ของ​ข้า​ได้​อย่างไร​กัน​…​”​ ​จิ​่น​เกอ​เอ่ย​หยอกล้อ​มารดา​เพื่อให้​นาง​อารมณ์ดี

“​พูดจา​ซี้ซั้ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​อด​หัวเราะ​ไม่ได้​ ​แต่​นาง​กลับ​ไม่ได้​ลูบ​ศีรษะ​เขา​อีก​ ​“​ปีนี​้​เจ้า​พึ่ง​จะ​อายุ​เท่าไร​เอง​ ​คิด​จะ​สู่ขอ​ภรรยา​แล้ว​หรือ​ ​เวลานี้​เจ้า​ควร​ต้อง​ตั้งใจ​เล่าเรียน​ถึง​จะ​ถูก​”​ ​พูด​มาถึง​ตรงนี้​ ​จู่ๆ​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​เปลี่ยนเป็น​จริงจัง​ขึ้น​มา​ ​“​ได้​เจอ​ท่าน​ตาของ​เจ้า​แล้ว​หรือยัง​ ​สุขภาพ​ของ​เขา​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​แล้ว​ท่าน​ยาย​ ​ท่าน​ลุง​และ​เหล่า​บรรดา​ลูกพี่ลูกน้อง​ของ​เจ้า​ล่ะ​ ​สบายดี​หรือไม่​”

“​ข้า​ได้​เจอ​กับ​ท่าน​ตา​แล้ว​ขอรับ​ ​ท่าน​ตารัก​และ​เอ็นดู​ข้า​เป็นอย่างมาก​ ​ไม่เพียงแต่​พา​ข้า​ไปเที่ยว​ที่​เขา​กู​ซาน​เท่านั้น​ ​แต่​ยัง​มอบ​กระบี่​หลง​เฉวียน​ให้​ข้า​เล่ม​หนึ่ง​อีกด้วย​ ​แถม​ยัง​บอก​ด้วยว่า​อีก​สอง​ปี​ให้​ข้า​กลับ​ไป​เยี่ยม​เขา​ที่​อวี​๋​หัง​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ท่าที​ที่​ตื่นเต้น​ดีใจ​ ​“​ท่าน​แม่​รู้​หรือไม่​ว่า​ท่าน​ตา​เลื่อมใส​และ​ศรัทธา​ใน​ลัทธิ​เต๋า​ ​เขา​สร้าง​เตา​แปร​แร่ธาตุ​ไว้​ที่​เรือน​สวน​และ​ให้​ข้า​คัด​ปรัชญา​กระดาษ​เขียว​อีกด้วย​!​ ​จำได้​ว่า​ข้า​คัด​ไป​หนึ่ง​รอบ​…​”

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่า​จอน​ผม​ของ​นาง​เริ่ม​มี​เหงื่อ​ซึม​ออกมา

“​ท่าน​ตาของ​เจ้า​ให้​เจ้า​กลับ​ไป​เยี่ยม​เขา​ที่​อวี​๋​หัง​ใน​อีก​สอง​ปี​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ตัดบท​สนทนา​ของ​บุตรชาย​ไป​ ​“​แล้ว​เจ้า​ตอบกลับ​ไป​ว่า​อย่างไร​”

“​ข้า​ย่อม​ต้อง​รับปาก​อยู่​แล้ว​ขอรับ​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​จบ​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​โอบ​ไหล่​ของ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สีหน้า​ที่​ขี้เล่น​ ​“​ท่าน​แม่​ ​นี่​ถือเป็น​ความตั้งใจ​ของ​ท่าน​ตา​!​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ท่าน​เอง​ก็​เป็น​คน​สอน​ข้ามา​ตั้งแต่​เด็ก​ไม่ใช่​หรือว่า​คนเรา​ต้อง​รู้จัก​รักษา​สัจจะ​ ​ให้​วาจา​มั่นคง​หนักแน่น​พัน​ชั่ง​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ ​ท่าน​คงจะ​ไม่​คิด​หาวิ​ธี​ขัดขวาง​ข้า​หรอก​กระมัง​”

ถึงแม้ว่า​น้ำเสียง​และ​คำพูด​ที่​เขา​พูด​ออกมา​นั้น​จะ​ฟัง​ดู​ไม่​ค่อย​สนใจ​เท่าไร​นัก​ ​แต่​สีหน้า​ของ​เขา​กลับ​มี​ความจริงจัง​ให้​เห็น​อย่างชัดเจน​ ​ดูออก​ว่า​เขา​อยาก​ที่จะ​กลับ​ไป​ยัง​อวี​๋​หัง​อีกครั้ง​จริงๆ

จู่ๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​รู้สึก​เหมือน​ได้รับ​ความโชคดี​ที่​หล่น​มาจาก​ฟากฟ้า​อย่างไร​อย่างนั้น

นาง​ไม่เคย​เพ้อฝัน​ว่าการ​ที่​บุตรชาย​เดินทาง​ไป​ยัง​เจียง​หนาน​เพียง​ครั้ง​เดียว​นั้น​จะ​สามารถ​ลบล้าง​ความประทับใจ​ที่​มีต​่อ​แคว้น​ซี​เป่ย​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง​ ​หวัง​เพียงแต่ว่า​บุตรชาย​จะ​สามารถ​เรียนรู้​โลก​กว้าง​ผ่าน​การ​เดินทาง​ไป​ยัง​เจียง​หนาน​ใน​ครั้งนี้​ ​เมื่อถึง​เวลา​ที่​เขา​ต้อง​ตัดสินใจ​เลือก​ ​เขา​จะ​ได้​พึง​รู้​ไว้​เสมอ​ว่า​มีทาง​เลือก​อีก​มากมาย​ที่​เขา​สามารถ​จะ​เลือก​เดิน​ได้

“​เจ้า​ชอบ​เจียง​หนาน​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​จิ​่น​เกอ​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดู​ค่อนข้าง​ระมัดระวัง​เป็นอย่างมาก

“​ชอบ​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​มารดา​สัก​เท่าไร​นัก

การ​ที่​เขา​ชอบ​เจียง​หนาน​ ​ชอบ​อวี​๋​หัง​ ​ชอบ​ท่าน​ตาของ​เขา​…​ท่าน​แม่​ควร​รู้สึก​ดีใจ​ถึง​จะ​ถูก​ ​แต่​เหตุใด​สีหน้า​ของ​นาง​ถึง​ได้​เป็นกังวล​ใจ​เช่นนี้​ไป​ได้

เมื่อ​ได้​คำตอบ​ที่​ชัดเจน​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​จากนั้น​ก็​โอบ​ไหล่​ทั้งสอง​ของ​บุตรชาย​ไว้​แน่น​ ​ถามไถ่​เหตุการณ์​ที่​เขา​ได้​พบ​เจอ​และ​ได้รับ​ฟัง​ระหว่าง​ที่​เขา​เดินทาง​กลับ​อย่างละเอียดถี่ถ้วน​ ​เวลา​นั้น​เอง​ก็​มี​ลม​เย็นเฉียบ​พัดผ่าน​มา​ ​ลม​ที่​เย็นยะเยือก​ ​หนาว​สะท้าน​เข้าไป​ถึง​กระดูก

รอยยิ้ม​ของ​สือ​อี​เหนียง​หายวับ​ไป​ทันที

คง​เพราะ​ตน​ใจร้อน​เกินไป​กระมัง

“​เรา​กลับ​เรือน​กัน​เถิด​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​จูงมือ​ของ​บุตรชาย​ ​“​ข้างนอก​อากาศ​ค่อนข้าง​เย็น​”​ ​พึ่ง​จะ​พูด​จบ​ ​จู่ๆ​ ​ก็ได้​ยิน​เสียงพูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​น้อง​หก​ ​กลับมา​แล้ว​หรือ​!​”

สือ​อี​เหนียง​และ​จิ​่น​เกอ​พากัน​หันไป​มอง​ที่​นอก​ประตู​พร้อม​ๆ​ ​กัน​ ​ก็​เห็น​สวี​ซื่อ​อวี​้​เดิน​เข้ามา​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม

“​พี่​สอง​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​เดิน​เข้าไป​คารวะ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​“​ยินดี​กับ​ท่าน​ด้วย​ที่​สอบ​บัณฑิต​จู่​เห​ริน​ได้​ ​นี่​ถือเป็น​ตำแหน่ง​แรก​ของ​ตระกูล​เรา​เชียว​!​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​ค่อนข้าง​รู้สึก​แปลกใจ

ใน​ความทรงจำ​ของ​เขา​ ​น้องชาย​คน​นี้​มีนิ​สัย​ใจคอ​ที่​ซื่อสัตย์​ ​เข้มแข็ง​ ​จริงใจ​ ​โมโห​ร้าย​และ​ไม่ยอม​คน​ ​แต่​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​คำพูด​แรก​ที่​เขา​เอ่ย​ออกมา​นั้น​จะ​เป็น​คำพูด​ที่​แสดงความยินดี​ต่อ​เขา​ ​น้ำเสียง​คำพูดคำจา​ยัง​เต็มไปด้วย​ความเคารพ​นับถือ

“​เจ้า​ยัง​จำ​ข้า​ได้​หรือ​!​”​ ​เขา​พยายาม​ข่ม​ความแปลกใจ​เอาไว้​พร้อมกับ​จ้องมอง​ไป​ยัง​ใบหน้า​ที่​แปลกตา​แต่​เต็มไปด้วย​ความรู้สึก​ที่​คุ้นเคย​ของ​เด็กหนุ่ม​ที่​ยืน​อยู่​เบื้องหน้า​ ​“​เรา​ไม่ได้​เจอ​หน้า​กัน​มาส​อง​สาม​ปี​แล้ว​เห็นจะ​ได้​”

“​ข้า​จะ​ลืม​ได้​อย่างไร​กัน​เล่า​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ทุกครั้งที่​ท่าน​กลับมา​ ​ก็​มักจะ​พา​ข้า​ไป​พาย​เรือ​เล่น​อยู่​เสมอ​!​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​นึกถึง​ตอนที่​เขา​เคย​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​เมื่อ​ตอน​ยัง​เด็ก​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​กว้าง

จู่ๆ​ ​ด้านนอก​ก็​มีเสียง​ดัง​ขึ้น

เวลา​นั้น​เอง​ก็​มีสาว​ใช้​น้อย​วิ่ง​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​น้อย​สอง​ ​คุณชาย​น้อย​หก​ ​ไท่ฮู​หยิน​มา​เจ้าค่ะ​!​”

เมื่อ​ได้ยิน​แล้ว​ ​ทั้ง​สาม​ก็​พากัน​หันไป​มอง​ด้านนอก​ ​ก็​เห็น​ไท่ฮู​หยิน​ผ่าน​ประตู​ของ​ห้อง​กลาง​ที่​ทะลุ​ถึงกัน​พอดี

“​จิ​่น​เกอ​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​อ้าแขน​ทั้งสอง​ข้าง​ออก​ ​“​ในที่สุด​เจ้า​ก็​กลับมา​เสียที​!​”

จิ​่น​เกอ​โผ​เข้าไป​กอด​ไท่ฮู​หยิน​แนบแน่น​ ​“​ท่าน​สบายดี​หรือไม่​ขอรับ​!​ ​ตอนที่​ข้า​ไม่อยู่​ ​ท่าน​ทำ​อะไร​บ้าง​ ​ป้า​ตู้​กับ​พี่​จื่อ​หง​คอย​เล่นไพ่​เป็นเพื่อน​ท่าน​หรือเปล่า​ ​ใกล้​จะ​ถึง​เทศกาล​ตรุษจีน​แล้ว​ ​ไต้​ซือ​จี้​หนิง​ได้​เอา​ยันต์​แคล้วคลาด​มา​ขอ​เงิน​ทำบุญ​ค่า​ธูปเทียน​และ​น้ำมัน​ตะเกียง​กับ​ท่าน​หรือไม่​”

“​เด็ก​คน​นี้​นี่​ ​ไม่มี​คุณธรรม​เอา​เสีย​เลย​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​บ่นพึมพำ​ ​แต่​ก็​มิ​อาจจะ​ปิดบัง​รอยยิ้ม​ดีใจ​บน​ใบหน้า​ได้​ ​“​กล้า​ว่ากล่าว​ไต้​ซือ​จี้​หนิง​เช่นนี้​ ​หาก​พระโพธิสัตว์​รับรู้​เรื่อง​นี้​ขึ้น​มา​ล่ะ​ก็​…​”​ ​ขณะที่​พูด​อยู่​นั้น​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็ได้​พนมมือ​ขึ้น​มา​พลาง​ไหว้​ไป​ยัง​ทิศตะวันออก​ ​“​ขอพระ​โพธิสัตว์​โปรด​ประทาน​อภัย​ให้​กับ​เขา​ด้วย​ ​เขา​ยัง​เด็ก​จึง​ไม่รู้​ความ​ ​พรุ่งนี้​ลูก​จะ​รีบ​ไป​จุด​ธูป​ขอขมา​ท่าน​ทันที​เลย​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​พูด​กับ​จิ​่น​เกอ​ว่า​ ​“​เร็ว​เข้า​ ​รีบ​ไหว้พระ​โพธิสัตว์​เร็ว​!​”

จิ​่น​เกอ​ยิ้ม​เจื่อน​พร้อมกับ​รีบ​พนมมือ​ขึ้น​มา​ไหว้​ ​“​พระโพธิสัตว์​โปรด​เมตตา​ ​ต่อไป​ลูก​ไม่กล้า​พูดจา​เหลวไหล​อีกแล้ว​!​”

ทุกคน​พากัน​หัวเราะ​ออกมา​ด้วย​ความตลกขบขัน

จิ​่น​เกอ​ช่วย​ประคอง​ไท่ฮู​หยิน​ ​คน​ทั้ง​กลุ่ม​พากัน​เดิน​ไป​ยัง​เรือน​หลัก

ทุกคน​ต่าง​พากัน​แยก​ไป​นั่ง​ตามลำดับ​ฐานะ​ของ​ตัวเอง​ ​สาวใช้​น้อย​ยก​น้ำชา​เข้ามา​ให้​ ​เวลานี้​สือ​อี​เหนียง​กลับ​เอาแต่​นึกถึง​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ที่อยู่​ลาน​นอก​ไม่​หยุด​ ​เขา​ไม่เพียงแต่​พา​จิ​่น​เกอ​เดินทาง​ไป​ทั่ว​เท่านั้น​ ​แต่​ยัง​เร่ง​การ​เดินทาง​เพื่อให้​จิ​่น​เกอ​กลับมา​ให้​ทัน​ก่อน​เทศกาล​ตรุษจีน​อีกด้วย​ ​เขา​หยุดพัก​ที่​จวน​เพียง​ไม่​กี่​วัน​ก็​รีบ​ออกเดินทาง​ทันที​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ไม่ทัน​ได้​พูดคุย​กับ​บุตรชาย​ของ​เขา​ดี​ๆ​ ​เสียด​้วย​ซ้ำ

ปล่อย​ให้​จิ​่น​เกอ​อยู่​คุย​กับ​ไท่ฮู​หยิน​และ​สวี​ซื่อ​อวี​้​อย่างสนุกสนาน​ ​ส่วน​สือ​อี​เหนียง​ก็​ปลีกตัว​ไป​ยัง​ห้อง​ตำรา​ของ​ลาน​นอก​แทน

สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​คุย​กับ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ ​เมื่อ​เห็น​นาง​เดิน​เข้ามา​ก็​รีบ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​จิ​่น​เกอ​เล่า​”

“​กำลัง​คุย​เล่น​เป็นเพื่อน​ท่าน​แม่​อยู่​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​เดิน​เข้าไป​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ด้วย​ความ​นอบน้อม​ ​“​พี่ใหญ่​ ​ครั้งนี้​ลำบาก​ท่าน​แล้ว​!​”

“​คนบ้านเดียวกัน​ ​ไม่​พูดจา​เป็น​สอง​บ้าน​”​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ข้า​และ​จิ​่น​เกอ​พากัน​เดินทาง​มาร​อบ​หนึ่ง​ ​ถือว่า​ได้​อะไร​ไม่น้อย​ ​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​ล้วนแล้วแต่​อาศัย​บารมี​ของ​จิ​่น​เกอ​ทั้งสิ้น​!​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูด​เรื่อง​ที่​จิ​่น​เกอ​เป็น​ตุ่ม​ขึ้น​มา​ ​“​กลับกลาย​เป็น​ข้า​เสียมา​กก​ว่าที่​ไม่ได้​ดูแล​จิ​่น​เกอ​ให้​ดี​เท่าที่ควร​…​”

“​พึ่ง​พูด​ไป​หยกๆ​ ​ว่า​ ​‘​คนบ้านเดียวกัน​ ​ไม่​พูดจา​เป็น​สอง​บ้าน​’​ ​เหตุใด​ถึง​ได้มา​พูดจา​เกรงอกเกรงใจ​เสีย​เอง​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้น​พลาง​ยก​ถ้วย​น้ำชา​ใน​มือขึ้น​มา​ ​“​ลอง​ชิม​ดู​ ​ชา​เหลือง​เข็มเงินจ​วิน​ซาน​”

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​ต่อ​ ​เขา​ยิ้ม​พร้อมกับ​ยก​ถ้วย​น้ำชา​ขึ้น​มา​จิบ​ ​จากนั้น​ก็​หลับตา​ลิ้มรส​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​แล้วจึง​จิบ​ชา​ใหม่​อีก​หนึ่ง​ครั้ง​ ​ก่อน​จะ​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​รส​ขม​เข้มข้น​ ​หอมหวาน​สดชื่น​ ​ไม่​เหมือน​ชา​หลง​จิ​่ง​ที่​มีรส​ขม​อ่อน​ๆ​ ​รสชาติ​กลมกล่อม​ ​ถือเป็น​ใบชา​ชั้นเลิศ​โดยแท้​”

“​เช่นนั้น​เจ้า​ก็​เอา​กลับ​ไป​ด้วย​เสียหน่อย​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​กว้าง​ ​จากนั้น​ก็​สั่ง​ให้​เติงฮ​วา​ไป​ห่อ​ใบชา​มา​ให้​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ยิ้ม​พร้อมกับ​กล่าว​ขอบคุณ​ ​จากนั้น​ใบหน้า​ของ​เขา​ก็​ปรากฏ​สีหน้า​ที่​ลังเลใจ​เล็กน้อย

“​เจ้า​มีเรื่อง​อัน​ใด​จะ​พูด​กับ​ข้า​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ใน​เรือน​ไม่มี​คนนอก​เสียหน่อย​”

สีหน้า​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ดู​ผ่อนคลาย​ลง​ ​เขา​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​แต่​ก็​ยัง​ใช้เวลา​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ออก​ไป​ครั้งนี้​ข้า​ถือโอกาส​ไป​เยี่ยม​น้องเขย​ห้า​อีกด้วย​!​”

“​เฉียน​หมิง​น่ะ​หรือ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ค่อนข้าง​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เงี่ยหู​ฟัง​อย่างตั้งใจ

สอง​ปี​มานี​้​อู่​เหนียง​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​มาโดยตลอด​ ​ทุกครั้งที่​ได้​เจอกัน​ใน​วัน​เทศกาล​ต่างๆ​ ​รวมไปถึง​งานเฉลิมฉลอง​และ​งานศพ​ ​นาง​ก็​มักจะ​พูดถึง​ลูก​ๆ​ ​สอง​คน​เท่านั้น​ ​แทบจะ​ไม่ได้​เอ่ยถึง​เฉียน​หมิง​เลย​ ​และ​ถึงแม้ว่า​จะ​มี​คนพูด​ถึง​เฉียน​หมิง​ ​นาง​ก็​จะ​พูด​ไป​ตามเนื้อผ้า​เท่านั้น​ ​บางที​นาง​อาจจะ​รู้สึก​ว่าความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​นาง​และ​เฉียน​หมิง​นั้น​มีปัญหา​ก็​เป็นได้​ ​แต่​การ​ที่​อู่​เหนียง​ไม่ยอม​พูด​ออกมา​ ​นาง​ก็​ไม่​สะดวก​ที่​ใจ​จะ​ไป​ซักถาม​อะไร​มากมาย

“​สถานการณ์​ของ​เหวิน​เติง​เป็น​อย่างไร​ ​ข้า​ไม่​พูด​ท่าน​เอง​ก็​คงจะ​รู้ดี​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​ที่นั่น​มี​โจร​ปล้น​ขโมย​เกลื่อน​เมือง​ ​ยาก​ที่จะ​ดูแล​ผู้อพยพ​ที่​ลี้ภัย​ได้​ ​อำเภอ​เหวิน​เติง​จะ​ตก​มา​อยู่​ใน​มือ​ของ​เฉียน​หมิง​ได้​อย่างไร​กัน​”​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่จริง​จัง​ ​“​ข้า​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​เฉียน​หมิง​จะ​ใช้เวลา​สั้น​ๆ​ ​เพียงแค่​ห้า​หก​ปี​ใน​การปกครอง​เหวิน​เติง​จน​สามารถ​ทำให้​ผู้คน​ไม่​ไป​เก็บ​หรือ​ลักขโมย​สิ่งของ​มีค่า​ของ​ผู้อื่น​มา​เป็น​ของ​ตัวเอง​ ​กลาง​ค่ำ​กลางคืน​ไม่​ลงกลอน​ประตู​นอน​ก็​ยัง​ได้​ ​พอ​ชาวบ้าน​ที่​ช่วย​บอกทาง​ได้ยิน​ว่า​ข้า​เป็น​ญาติ​ของ​เฉียน​หมิง​ ​ไม่เพียงแต่​อาสา​จะ​ไป​ส่ง​ข้า​ที่​ศาลปกครอง​เท่านั้น​ ​แต่​ยัง​พยายาม​จะ​มอบ​ไข่​ใน​ตะกร้า​ของ​เขา​ให้​ข้า​อีกด้วย​…​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ต่าง​ก็​รู้สึก​อึ้ง​เป็นอย่างมาก

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พยักหน้า​อย่างจริงจัง​ ​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความกังวลใจ​ ​“​เขา​เป็น​กลุ่ม​บัณฑิต​จิ้น​ซื่อ​ลำดับ​ห้า​ ​หาก​ได้รับ​โอกาส​ก็​จะ​สามารถ​ปกครอง​ไป​ใน​ทาง​ที่​ดี​ได้​…​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​หยุดชะงัก​คำพูด​ไป

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท