ที่น่ายินดีก็คือ หินก้อนเล็กที่ดูเหมือนงอกมาบนหินก้อนใหญ่นี้ขยับแล้ว!
เมื่อซูชีรวบรวมสมาธิตั้งใจฟัง ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังหินก้อนนี้ ซูชีที่ในใจเร่งรีบ ก็ยิ่งออกแรงผลักก้อนหินให้หมุนเร็วขึ้น!
ในที่สุด!
กำแพงทางด้านขวาตรงหน้าเขาก็ค่อยๆ เผยให้เห็นช่องว่างช้าๆ ซูชีปล่อยมือแล้วทะยานร่างเข้าไปในทางลับเส้นนั้นอย่างไม่ลังเล!
และในเสี้ยวพริบตาที่เขาพุ่งร่างเข้าไป ประตูหินทางด้านนอกก็ค่อยๆ ปิดลง และปิดสนิทในท้ายที่สุด ราวกับไม่เคยเปิดออกมาก่อน!
นี่เป็นทางลับที่ยาวมากเส้นหนึ่ง ด้านในมืดสนิท ดีที่ซูชีมีกำลังภายในติดตัว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกลำบากอะไรกับความมืดมิดเช่นนี้ เขาเดินไปตามเส้นทางนี้ด้วยความระมัดระวัง หลังจากเดินไปจนเกือบจะครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ได้เห็นแสงสว่าง!
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เชื่อว่ากูเสี่ยวซูหายตัวไป หรือจะกล่าวว่า แม้ว่าเขาจะมาตามหาที่นี่ แต่ก็ยังคงไม่เชื่อแล้วล่ะก็ หลังจากที่เขาได้เห็นแสงสว่างส่องเข้ามารางๆ แล้ว เขาก็เชื่อแล้วว่า กูเสี่ยวซู…หายตัวไปจริงๆ!
คิดว่า นางจะต้องเปิดเส้นทางลับนี้ออกมาแน่นอน จากนั้นก็เดินตามเส้นทางนี้ออกมา ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่สามารถคาดเดาได้ แต่คิดว่า กูเสี่ยวซูจะต้องอยู่ในสถานที่ใดสักแห่งทางฝั่งตรงข้ามแน่นอน!
บางที…
อาจจะกำลังรอเขาด้วยความทุกข์ใจก็ได้
เพียงแค่คิดถึงสายตาโดดเดี่ยวทำอะไรไม่ถูก และนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของกูเสี่ยวซูแล้ว ซูชีก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองคล้ายจะเจ็บปวดเช่นกัน
ถึงตอนนี้ เขาคล้ายกับไม่มั่นใจแล้วว่า เขามีความรู้สึกอีกแบบหนึ่งต่อกูเสี่ยวซูหรือไม่
เมื่อก่อนเอ่ยปาวๆ ว่าไม่อาจทำให้กูเสี่ยวซูเสียเวลาและผิดหวัง จนกระทั่งตอนนี้ เขาถึงได้ค้นพบว่า มีบางเรื่องได้เปลี่ยนแปลงไปโดยไม่รู้ตัว รวมไปถึงจิตใจของตัวเขาเองด้วย
เมื่อคิดเช่นนี้ ซูชีก็อดเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไม่ได้!
ตอนนี้เขาไม่กล้าคิดเลยว่า กูเสี่ยวซูจะเป็นอย่างไร! ถ้ำบนภูเขาด้านนี้จะมีสิ่งใดอยู่กันแน่!
ซูชีเร่งฝีเท้าเดินออกจากถ้ำมา เพราะในใจมัวแต่คิดถึงกูเสี่ยวซู จึงไม่เห็นความผิดปกติตรงปากทางเข้าถ้ำเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งดาบสองเล่มพาดบนอยู่คอเขา เขาถึงได้สติกลับมา แต่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
ด้วยวรยุทธ์ของเขา ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าบนคอเขามีดาบพาดอยู่สองเล่ม! แม้ว่าจะมีสิบเล่ม ก็ไม่อาจทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้สักนิดเดียว!
ทว่าทันใดนั้น ซูชีพลันลองนึกภาพดูว่า หากกูเสี่ยวซูเดินออกมาจากถ้ำนี้เหมือนกันล่ะก็ นางจะพบกับการข่มขู่บังคับแบบนี้เหมือนกันหรือไม่ แล้วถูกพวกเขาจับไป จากนั้น…
ดังนั้นซูชีจึงยอมให้จับโดยละมุนละม่อม
เห็นได้ชัดว่าสองคนที่วางดาบพาดคอซูชี ก็คือสองคนที่พากูเสี่ยวซูไปจากที่นี่ในวันนั้น!
พวกเขาสองคนสบตากันแวบหนึ่ง และมองเห็นความสงสัยในแววตาซึ่งกันและกัน
พวกเขาค้นพบเส้นทางลับนี้เมื่อหนึ่งปีก่อน ภายในเวลาหนึ่งปีล้วนไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติใดๆ แต่สองวันนี้ทำไมถึงได้มีคนหนึ่งสองคนมารนหาที่ตายติดกันแบบนี้?
“ไป!”
หนึ่งในสองคนนั้นขยับดาบ พลางเอ่ยกับซูชีด้วยท่าทางโหดเหี้ยม โดยไม่เอ่ยอันใดมากไปกว่านี้
ซูชีหรี่ตาลง แววตาพลันปรากฏความเย็นชาขึ้นมา จากนั้นก็พยักหน้า เดินตามพวกเขากลับไปที่รังโจรด้วยกัน
จ้าวเหล่ยผู้เป็นหัวหน้ารังโจรภูเขากำลังนั่งสนทนาเป็นเพื่อนท่านหญิงซูซูอยู่ในห้องรับแขกด้วยกัน
แทนที่จะกล่าวว่าสนทนาเป็นเพื่อนท่านหญิงซูซู ความจริงแล้วก็มีแค่เขาพูดอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง
ถึงอย่างไรด้วยสภาพของซูซูในตอนนี้ คิดจะสนทนากันอย่างไร้ความพะว้าพะวงนั้นก็ยากจริงๆ
แต่จ้าวเหล่ยกลับไม่ใส่ใจ สามารถนั่งสนทนาด้วยกันกับคนที่ตนเองรักได้ แม้ว่านางจะไม่เอ่ยวาจาใดเลย หรือไม่แม้กระทั่งจะปรายตามองตนเองเลยสักนิด แบบนั้นเขาก็รู้สึกมีความสุขเช่นกัน!
แต่ในสถานการณ์ที่จ้าวเหล่ยคิดเอาเองว่ามีความสุขนี้ กลับไม่ได้คงอยู่นานนัก!
ตอนนี้เองที่ลูกน้องมาเคาะประตูห้อง!
จ้าวเหล่ยอดขมวดคิ้วไม่ได้ ใครกันที่ไร้ตามารบกวนในตอนนี้? เบื่อที่จะใช้ชีวิตต่อไปแล้วสินะ!
จ้าวเหล่ยลุกขึ้นไปเปิดประตู ก็เห็นลูกน้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าร้อนรน
“มีเรื่องอะไร ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้ข้ากำลังมีธุระ?” จ้าวเหล่ยหันกลับไปมองกูเสี่ยวซูแวบหนึ่ง ก็เห็นว่านางยังคงมีท่าทางเหมือนก่อนหน้านี้ และไร้ความเคลื่อนไหวเกินความจำเป็นใดๆ จึงได้กดเสียงให้ต่ำ ขณะคำรามใส่ลูกน้อง!
ลูกน้องที่เป็นโจรภูเขาถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมยิ่ง!
หากว่ามีทางเลือก เขาก็ไม่มีทางมาทำเรื่องที่ทำให้ผู้คนรังเกียจหรอก!
แต่เรื่องนี้สำคัญมาก หากเขาไม่รายงานลูกพี่ตอนนี้ อีกครู่เมื่อลูกพี่รู้เข้า แล้วคลุ้มคลั่งขึ้นมา ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแบกรับไหวเช่นกัน!
“ลูกพี่! จับคนที่ตีนเขาได้อีกคนหนึ่ง!”
เดิมจ้าวเหล่ยกำลังโมโห แต่เมื่อได้ยินลูกน้องเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว ก็เอาจริงเอาจังขึ้นมาทันที!
“จับคนได้หรือ จับได้ที่ไหน”
รังโจรภูเขานี้สร้างขึ้นมาเป็นระยะเวลาหนึ่งปีกว่า แต่พวกเขาไม่เคยกระทำเรื่องผิดต่อฟ้าดินอะไร อาหารและเสื้อผ้าที่เหล่าพี่น้องกินใช้ทั้งหมดล้วนพึ่งพายืนหยัดด้วยลำแข้งตนเอง และสองวันมานี้ไม่กล่าวถึงเรื่องที่มีท่านหญิงซูซูโผล่มาคนหนึ่ง แต่นี่ถึงกับยังมีคนอื่นมาอีกด้วย!
เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก!
“ได้ที่…”
เดิมจ้าวเหล่ยรอให้เขาเอ่ย แต่เจ้าหมอนี่เอ่ยออกมาสองคำก็ไม่เอ่ยต่อแล้ว นี่ทำให้จ้าวเหล่ยโมโหยิ่งกว่าเดิม!
“จับได้ที่ไหน เจ้าก็พูดมาสิ!”
โจรภูเขาคนนั้นเงยหน้ามองไปด้านหลังจ้าวเหล่ยแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะแหะๆ ต่อให้กับอะไรบางอย่างด้านหลังเขา
ตอนจ้าวเหล่ยกำลังประหลาดใจว่า เขาหัวเราะให้กับอะไรด้านหลังเขา ก็หันหน้าไป จึงเห็นว่ากูเสี่ยวซูที่เดิมนั่งอยู่บนม้านั่งในห้องรับแขก ถึงกับมาปรากฏตัวด้านหลังเขาโดยไม่รู้ตัว!
“ท่านหญิงซูซู? ท่าน...”
“จับคนได้ที่ไหนหรือ คนผู้นี้เป็นบุรุษหรือสตรี รูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร” ซูซูถามอย่างร้อนรนเล็กน้อย
สัญชาตญาณของซูซูรู้สึกได้ว่า คนผู้นี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับตนเองแน่นอน! อีกทั้งนางยังรู้สึกอย่างรุนแรงว่า คนผู้นี้ก็คือซูชี!
กูเสี่ยวซูที่เดิมนั่งรอคอยอย่างสิ้นหวัง คาดเดาได้ว่าคนผู้นี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นซูชี หัวใจก็พลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง!
จ้าวเหล่ยเห็นท่าทางร้อนใจของท่านหญิงซูซูแล้ว ก็คล้ายกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
ผู้ที่สามารถเป็นผู้ปกครองรังโจรผู้เขาแห่งหนึ่งได้ ไม่ได้มีเพียงแค่ความโหดเหี้ยมแล้วจะสามารถนั่งได้อย่างมั่นคง ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีสมอง!
และสมองของเขาก็ฉลาดอย่างยิ่ง!
เขารู้แล้วว่า นางจะต้องรู้ว่าผู้ที่มาเยือนคือใคร ผ่านสีหน้าท่าทางเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นของนาง
เขาจึงหันหน้าไปมองลูกน้องแวบหนึ่ง พลางสั่งเสียงเย็น “พูดมาเถอะ!” จากนั้นก็รู้สึกว่า วาจานี้เหมือนจะเอ่ยแบบขอไปที จึงเอ่ยต่อว่า “พูดความจริง!”