ตอนที่ 682 ต้องการหลอกไถเงิน
ทันใดนั้นดวงตาของไป๋เซี่ยก็พลันเย็นชา เขาเอ่ยถามทันที “ทำไมเราต้องให้เงินเธอไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วย? เราทุกคนไม่รู้วิธีจ่ายค่ารักษาพยาบาลเหรอ?”
ไป๋ซวงพึมพำ “ใบค่ารักษาพยาบาลอยู่ในมือฉัน ฉันต้องเป็นคนจ่าบค่ารักษาพยาบาล”
พ่อไป๋ตะโกนอย่างกระวนกระวาย “ถ้าอย่างนั้นก็รีบเอาใบค่าโรงพยาบาลให้เรา เราจะได้ไปจ่ายเงินให้แม่ของเธอ จะผัดวันประกันพรุ่งเพื่ออะไร? แม่ของเธอรักเธอมากที่สุด ตอนนี้ชีวิตและความตายของแม่เป็นเดิมพัน แต่เธอกลับยังชักช้า!”
ไป๋ซวงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบใบเรียกเก็บเงินของโรงพยาบาลส่งให้พ่อไป๋
พ่อไป๋นำใบเรียกเก็บเงินในมือให้ฟางจั๋วหราน ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลแม่ไป๋ด้วยกัน
ไป๋ซวงมองไปยังประตูโรงพยาบาลพลางเอ่ยถามพ่อไป๋และคนอื่น ๆ “ไม่ไปที่ห้องฉุกเฉินเพื่อถามพยาบาลเกี่ยวกับอาการของแม่หน่อยเหรอคะ?”
เดิมทีพ่อไป๋ต้องการรอให้หลินม่ายและสามีจ่ายค่ารักษาพยาบาลก่อน แล้วจึงไปยังห้องฉุกเฉินเพื่อรอให้แม่ไป๋ออกมาอย่างปลอดภัย
เนื่องจากแม่ไป๋ป่วยหนัก โรงพยาบาลจึงเปิดช่องทางการชำระเงินสีเขียวและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล
แต่ด้วยการกระตุ้นของไป๋ซวง พวกเขาที่กังวลอยู่แล้วก็ยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจที่จะรอหลินม่ายและสามีอีกต่อไป บอกกล่าวต่อหล่อนและเดินไปยังชั้นหนึ่งด้วยกัน
ไป๋ซวงมองไปด้านหลังของพวกเขาที่กำลังเดินไปและอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
หล่อนวางแผนให้พ่อไป๋และพี่น้องทั้งหมดจ่ายเงิน ส่วนตัวหล่อนจะไปหลอกเอาเงินจากคุณตาและคุณยายหลัว
หลังจากฟางจั๋วหรานและหลินม่ายจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้ว ไป๋ซวงก็ส่งพวกเขาไปยังห้องฉุกเฉินโดยบอกว่าพ่อไป๋และพี่น้องไป๋ไปกันหมดแล้ว
หลินม่ายไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อแม่ไป๋ ซึ่งแตกต่างจากพ่อไป๋ที่ห่วงใยและจิตใจว้าวุ่น
สติสัมปชัญญะของเธอยังครบถ้วนดี
เธอมองไป๋ซวงตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกอยู่เสมอว่าหญิงผู้นี้มีเจตนาไม่ดี
แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้าให้ไป๋ซวงและเดินไปยังชั้นหนึ่งพร้อมกับฟางจั๋วหราน
แม้ฟางจั๋วหรานจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับไป๋ซวง แต่เขาก็เชื่อใจหลินม่ายและเดินไปกับเธอ
เมื่อทั้งสองมาถึงมุมบันได หลินม่ายก็ดึงฟางจั๋วหรานให้ก้มลงและแอบมองไปที่ไป๋ซวง
ไป๋ซวงเฝ้าดูด้านหลังของหลินม่ายและสามีหายไปจากสายตา และในที่สุดก็รู้สึกโล่งใจ
หลินม่ายฉลาดเกินกว่าจะถูกหลอก
ไม่กี่นาทีต่อมา คุณยายและคุณตาหลัวก็มาถึงด้วยอาการกระหืดกระหอบ
ขณะที่มองไปโดยรอบอย่างใจจดใจจ่อ ไป๋ซวงก็มาหาพวกเขาและขอให้พวกเขาส่งเงินให้หล่อนโดยเร็ว เพื่อที่หล่อนจะได้จ่ายค่ารักษาพยาบาล
คู่สามีภรรยาสูงอายุไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงมอบเงินให้กับไป๋ซวงและไปที่ห้องฉุกเฉินตามคำแนะนำของไป๋ซวง
เมื่อไปถึงมุมบันได หลินม่ายก็หยุดพวกเขาไว้
เธอกระซิบกับสองตายายว่าเธอและฟางจั๋วหรานได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่ไป๋แล้ว
คุณตาหลัวผงะและถามด้วยเสียงทุ้ม “ไป๋ซวงรู้หรือเปล่าว่าหลานจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้ว?”
หลินม่ายพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “รู้ค่ะ หล่อนเห็นเราจ่ายเงินด้วยตาของหล่อนเอง”
ทันใดนั้นใบหน้าของคุณยายหลัวก็เต็มไปด้วยความสงสัย “เอ๊ะ! เราโดนไป๋ซวงหลอกเอาเงินไปนี่ ฉันจะไปเอาคืน!”
หลินม่ายหยุดนางไว้ “คุณยายคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ หล่อนวางแผนจะโกงเงินครอบครัวเราด้วย ฉันจะจับหล่อนให้ได้ค่ะ เมื่อคุณหลัวฟื้นจากอาการป่วย ลองเล่าเรื่องที่ไป๋ซวงฉ้อโกงเงินให้หล่อนฟังสิคะ หล่อนจะต้องขับไล่ไป๋ซวงออกจากบ้านอย่างแน่นอน”
แม้ว่าเธอจะเกลียดแม่ไป๋มาก แต่ก็ไม่อาจทอดทิ้งหล่อนได้
เธอไม่อาจยอมให้ไป๋ซวงสูบเลือดสูบเนื้อแม่ไป๋ได้
เธอต้องการให้ไป๋ซวงเร่ร่อนกลายเป็นสุนัขจรจัด!
หลังจากฟังคำพูดของหลินม่าย คุณยายหลัวก็สงบลง “หลานกับเสี่ยวฟางติดตามไป๋ซวงไปก่อนนะ ส่วนยานและตาจะไปที่ห้องฉุกเฉิน”
เมื่อเห็นหลินม่ายโทรมา คุณนายหลัวก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าลูกสาวเจ็บป่วยกะทันหัน แน่นอนว่านางทนไม่ได้!
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา น้าชายและน้าสะใภ้ของพวกเขาก็มาถึง
พวกเขามาหาไป๋ซวงและขอเงินค่ารักษาพยาบาลคืน
ไม่เช่นนั้นหล่อนจะต้องนำใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลออกมาแสดงเพื่อยืนยันว่าหล่อนจ่ายเงินแล้วจริง ๆ
เมื่อเห็นว่าไป๋ซวงไม่สามารถนำใบเสร็จมาแสดงได้ ทั้งสองก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง
เมื่อเห็นว่าไป๋ซวงไม่สามารถโกงเงินได้อีกต่อไป หลินม่ายจึงเดินออกจากที่ซ่อนพร้อมกับฟางจั๋วหราน มาอยู่ตรงหน้าไป๋ซวงพร้อมกับคนอื่น ๆ
ครั้นเห็นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของพวกเขา ไป๋ซวงก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ หล่อนต้องการหาข้ออ้างเพื่อหลบหนีโดยบอกว่าตนต้องรีบไปห้องน้ำ
หลินม่ายหยุดหล่อนไว้ทันที “ตอนฉันยังไม่มาก็ไม่เห็นเธออยากจะเข้าห้องน้ำ แต่พอฉันปรากฏตัวขึ้นกลับบอกว่าจะรีบไปห้องน้ำ พยายามหลบหน้าฉันอย่างงั้นเหรอ?”
ไป๋ซวงแสร้งทำเป็นสงบ “ทำไมฉันต้องหลบหน้าเธอด้วย? ฉันอยากเข้าห้องน้ำจริง ๆ”
“ถ้าเธอไม่มีความผิดจะพยายามหลบหน้าฉันทำไม?” หลินม่ายพูดอย่างฉุนเฉียว “เธอรู้ว่าเราจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้ว แต่เธอก็ยังขอเงินน้าชายและน้าสะใภ้เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล คิดจะเชิดเงินหนีเหรอ?”
สีหน้าของน้าชายและน้าสะใภ้เต็มไปด้วยความโกรธ
น้าสะใภ้กล่าวทันที “ฉันคิดอยู่แล้วว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ เธอโกหกว่าจะขอเงินเราไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลแต่คิดจะเก็บไว้เอง ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ”
ส่วนป้าสะใภ้ที่ตามมาตบไป๋ซวงไปสองสามครั้ง “เธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? แม่เธอรักและดีกับเธอมาก หลังจากที่พ่อแม่เธอหย่าร้างกัน แม่ก็ยังรักและเลี้ยงดูเธอ แต่เธอกลับคิดเอาอาการป่วยของแม่มาหลอกโกงเงินคนอื่น!”
น้าสะใภ้กล่าวประชดประชัน “สายเลือดตระกูลหลินเน่าเฟะถึงโคตรเหง้าขนาดนั้น แล้วยังคิดว่าหล่อนจะเป็นคนอยู่อีกเหรอ? หยุดฝันเถอะ!”
คนไข้บางคนที่ไม่รู้ความจริงคิดว่าหญิงวัยกลางคนกำลังรังแกเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จึงวิ่งเข้าไปห้ามปราม
สองสะใภ้ฝั่งตายายจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนที่อยู่ในละแวกนั้นฟัง หลายคนที่ได้ยินก็ต่างต่อว่าหล่อน “หมาป่าตาขาวตัวนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสุขสบาย เรามาตบสั่งสอนหล่อนดีไหม?”
ผู้ผดุงคุณธรรมเหล่านั้นต่างแยกย้ายไปด้วยความอับอาย หลายคนจ้องมองไป๋ซวงด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
หลินม่ายบอกน้าของเธอว่า ไป๋ซวงหลอกเอาเงินคุณยายและคุณตาไป
เมื่อได้ยินดังนั้น น้าสะใภ้ทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะทวงเงินคืนจากไป๋ซวง และพาเธอไปที่ด้านนอกห้องฉุกเฉินเหมือนนักโทษ
พ่อไป๋และคนอื่น ๆ นั่งอย่างใจจดใจจ่อบนเก้าอี้ด้านนอกห้องฉุกเฉินเพื่อรอให้แม่ไป๋ฟื้น
เมื่อเห็นว่าไป๋ซวงถูกเหล่าน้ากับน้าสะใภ้พาตัวไป พ่อไป๋จึงถามด้วยความประหลาดใจ “เด็กคนนี้ทำเรื่องเลวร้ายอะไร?”
เหล่าน้ากับน้าสะใภ้บอกพ่อไป๋เกี่ยวกับการกระทำชั่วช้าของไป๋ซวง
พี่สาวที่มีบุคลิกอ่อนโยนที่สุดอย่างไป๋เหยียนโกรธมาก “หล่อนไม่ใช่ลูกของตระกูลไป๋ของเรา หล่อนชั่วร้ายเกินไป!”
พ่อไป๋กล่าวกับพี่น้องไป๋ด้วยใบหน้าจริงจัง “ลูกสองคนจัดการไป๋ซวงได้ตามสมควร เมื่อแม่ของลูกหายจากอาการเจ็บป่วย จงเล่าทุกสิ่งให้แม่ทราบ เมื่อแม่รู้นิสัยที่แท้จริงของหล่อนแล้วก็จะไม่ต้องการหล่อนอีกต่อไป และปล่อยให้หล่อนเป็นสุนัขจรจัดที่หาอาหารในถังขยะกิน”
ความคิดของเขาตรงกับหลินม่าย
แต่ไป๋เซี่ยไม่มีความมั่นใจมากนัก “แต่ผมกลัวว่าแม่จะยังคงรักไป๋ซวง แม้จะรู้นิสัยที่แท้จริงของหล่อนแล้วก็ตามนี่สิครับ”
พ่อไป๋ปิดปากแน่นทันที
แม่ไป๋สมองน้อย หล่อนไม่อาจตาสว่างได้โดยง่าย
คุณยายหลัวโกรธเป็นอย่างมาก “หากซินอี้ยังดื้อรั้นอีก ฉันนี่แหละจะทุบตีหล่อนให้ร้อง!”
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดแม่ไป๋ก็ถูกนำออกจากห้องฉุกเฉิน และทุกคนก็รุมล้อมหล่อน
ก่อนที่ไป๋ซวงจะมาถึงเตียง หล่อนร้องไห้ดังกว่าใคร ราวกับว่าแม่ไป๋เสียชีวิตหลังจากการช่วยเหลือล้มเหลว
หล่อนทำเช่นนั้นเพื่อเป็นการเสนอหน้าตัวเองต่อพวกคุณยายหลัวและแม่ไป๋ และยังเป็นการจงใจปิดปากแม่ไป๋
แม่ไป๋ตื่นขึ้นพลางจ้องมองทุกคน พยายามพูดถึงบางสิ่งด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคือง
แต่เป็นเพราะร่างกายของหล่อนอ่อนแอเกินไป และไร้ซึ่งเสียงจะเอ่ย ดังนั้นเสียงร้องไห้ของไป๋ซวงจึงกลบเสียงพูดของแม่ไป๋
แม้ว่าไป๋ซวงจะไม่ได้ยินสิ่งที่แม่ไป๋พูด แต่จากสีหน้าของแม่ไป๋ หล่อนสามารถเดาได้ว่าแม่ไป๋กำลังบอกทุกคนเกี่ยวกับหล่อน
หล่อนจะต้องบอกกล่าวกับทุกคนว่า ไป๋ซวงเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านและปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเมื่อเห็นว่าหล่อนถูกทุบตี
คนของตระกูลไป๋และตระกูลหลัวต้องไม่รู้เรื่องนี้ มิฉะนั้นหล่อนจะต้องถูกทุบตีจนตายแน่!
ไป๋ซวงจึงยิ่งร้องไห้ดังขึ้นเพราะเหตุนี้
หลินม่ายพลันตะโกนใส่หล่อน “ถ้าจะร้องไห้ก็ไปร้องที่อื่น ไม่ต้องมาร้องไห้ให้เรากับคุณหลัวเห็นตรงนี้!”
ไป๋ซวงดิ้นรนแทบตายและตะโกนใส่แม่ไป๋ “แม่ ฟังนะ ม่ายจื่อเรียกแม่ว่าคุณหลัว!”
หล่อนพยายามเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่ต้องการให้ใครได้ยินว่าตนไม่เต็มใจที่จะช่วยแม่ไป๋
ไป๋เซี่ยเดินไปลากไป๋ซวงให้ออกไปไกลๆ ทันที
พยาบาลผลักแม่ไป๋เข้าไปในวอร์ดและช่วยพยุงหล่อนขึ้นจากเตียง
แม่ไป๋เริ่มพูดอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง เสียงของหล่อนเบาราวกับใยแมงมุม
ไป๋เหยียนเอาหูแนบปากแม่ไป๋ และในที่สุดก็ได้ยินสิ่งที่หล่อนพูด
ยิ่งได้ฟังมากเท่าใด ใบหน้าของหล่อนก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังมากเท่านั้น
หลังจากพูดคุยกันเพียงไม่กี่นาที อาการของแม่ไป๋ก็ทรุดหนัก
พ่อไป๋รีบไปเรียกหมอมาทันที
หลังจากแพทย์ตรวจดูก็อธิบายต่อพวกเขา “คนไข้อารมณ์แปรปรวนเลยช็อกครับ อย่าทำให้หล่อนอารมณ์เสียอีกนะครับ มันจะทำให้อาการของหล่อนแย่ลง”
พ่อไป๋และคนอื่น ๆ พยักหน้ารับ
หลังจากที่หมอและพยาบาลออกไปหมดแล้ว พ่อไป๋ก็ถามไป๋เหยียน “เมื่อกี้แม่พูดว่าอะไรบ้าง?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เลวมากนังงูพิษ จงใจปล่อยให้แม่บุญธรรมตายแล้วโกงเงินค่ารักษา ขอให้หล่อนไม่ตายดี หรือไม่ก็มีชีวิตอยู่แบบไม่สู้ตาย
ไหหม่า(海馬)