ตอนที่ 683 แม่ไป๋ตื่นจากหลับไหล(1)
ทันใดนั้น ไป๋เหยียนก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ หล่อนบอกพ่อไป๋และคนอื่น ๆ ด้วยความเศร้าโศกปนความโกรธแค้นว่าไป๋ซวงปล่อยให้แม่ไป๋ถูกอู่ผิงแม่เลี้ยงของลวี่กั๋วตงทุบตีอย่างรุนแรง
เห็นได้ชัดว่าไป๋ซวงอยู่ที่บ้าน แต่พอเห็นแม่ไป๋โดนอู่ผิงทุบตีและกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า หล่อนกลับทำเฉย
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลินม่ายก็ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ แต่รู้สึกเกลียดชังมากขึ้นไปอีก
นี่คือลูกสาวบุญธรรมสุดที่รักของแม่ไป๋ แต่หล่อนกลับไม่สนใจความเป็นความตายของแม่เลย ตลกสิ้นดี!
คนอื่น ๆ ต่างบอกว่าที่แม่ไป๋ถูกทุบตีก็เพราะหล่อนทำตัวเอง ใครบอกให้หล่อนยืนกรานจะเลี้ยงหมาป่าตาขาวอย่างไป๋ซวงกันเล่า
ต่อให้เธอจะไม่พอใจแม่ไป๋ แต่เธอก็เป็นลูกของแม่ไป๋
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนแรงของหล่อนบนเตียง ทุกคนก็รู้สึกเป็นทุกข์
คุณยายหลัวเกลียดที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าอย่างมาก จึงเอ่ยถามแม่ไป๋ “ทีนี้แกยังอยากเลี้ยงงูพิษอย่างไป๋ซวงอยู่อีกไหม?”
น้ำตายังคงไหลลงมาจากหางตาของแม่ไป๋
หล่อนส่ายหน้าอย่างยากลำบากบนเตียงโรงพยาบาล “ไม่ ไม่อีกแล้วค่ะ”
จากนั้นคุณยายหลัวก็จับมือแม่ไป๋ “ถ้าอย่างนั้น หลังจากที่แกออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ย้ายไปอยู่กับพวกแม่นะ”
แม่ไป๋ไม่พูดอะไร แต่มองไปยังพ่อไป๋ด้วยสายตาคาดหวัง
พ่อไป๋เป็นสามีและอยู่เคียงข้างหล่อนมานานหลายปี เพียงมองสายตาของแม่ไป๋ เขาก็เข้าใจได้ว่าหล่อนต้องการให้อาศัยอยู่ในบ้านของเขา
แต่หัวใจที่แตกสลายก็เหมือนแก้วที่แตกละเอียด ไม่สามารถประสานกลับให้เหมือนเดิมได้
เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับหล่อนอีกต่อไปแล้ว แล้วจะปล่อยให้หล่อนอยู่ในบ้านเขาอีกได้อย่างไร!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการซื้อบ้านหลังนี้ให้กับหลินม่าย
กล่าวคือพ่อและลูกยังคงอาศัยอยู่ในบ้านของหลินม่าย พวกเขาจะตัดสินใจปล่อยให้คนอื่นอาศัยอยู่ได้อย่างไร?
พ่อไป๋จึงหาข้ออ้างที่จะออกจากวอร์ดเพื่อหลบเลี่ยงสายตาแม่ของไป๋
ดวงตาของแม่ไป๋เต็มไปด้วยความผิดหวังและความเศร้าโศก
เมื่อเห็นว่าแม่ไป๋พ้นขีดอันตรายแล้ว หลินม่ายและฟางจั๋วหรานจึงลาจากไป
บ้านใหม่ของไป๋เหยียนได้รับการจัดสรรก่อนวันชาติ และก็ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามเช่นกัน
เดิมทีหล่อนวางแผนที่จะเชิญพ่อของไป๋และน้อง ๆ ไปยังบ้านใหม่เพื่อรับประทานอาหารในวันพรุ่งนี้
แต่แม่ไป๋เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ดังนั้นหล่อนจึงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเชิญพ่อไป๋และน้อง ๆ ไปกินอาหารเย็นที่บ้าน
หล่อนจะจัดงานเลี้ยงฉลองได้ก็ต่อเมื่อแม่ของไป๋ออกจากโรงพยาบาลแล้วเท่านั้น
เมื่อหลินม่ายและสามีกลับบ้าน คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็ถามถึงอาการของแม่ไป๋
หลินม่ายบอกพวกเขาว่าแม่ไป๋หัวใจวายเฉียบพลัน แต่หล่อนพ้นขีดอันตรายแล้ว และจะออกจากโรงพยาบาลได้หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลครบสิบวัน
คุณย่าฟางพึมพำ “ทำไมแม่หลานถึงเป็นโรคหัวใจตั้งแต่อายุยังน้อย? ฉันและคุณปู่ที่อยู่ในวัยชรายังไม่เป็นเลย”
หลินม่าตอบกลับ “อาการหัวใจวายคุณหลัวเกิดขึ้นเพราะถูกกระตุ้นค่ะ หลังจากได้รีบการรักษาจนกลับมาเป็นปกติแล้ว ตราบใดที่ใส่ใจกับการบำรุงรักษา ความเป็นไปได้ของการเกิดอาการหัวใจวายจะมีน้อยมาก”
ย่าฟางถาม “อะไรกระตุ้นแม่ของหลาน?”
จากนั้นหลินม่ายก็เล่าให้ผู้เฒ่าสองคนฟังเกี่ยวกับเรื่องราวของไป๋ซวง
ผู้เฒ่าทั้งสองได้ยินแล้วก็ไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจแม่ไป๋
คุณปู่ฟางยังกล่าวอีกว่าแม่ไป๋กำลังได้รับผลที่ตามมาจากการกระทำของตัวหล่อนเอง
หลังจากพูดคุยกับผู้อาวุโสทั้งสองคน หยอกล้อกับโต้วโต้วแล้วและดูทีวีสักพัก ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
ช่วงนี้หลินม่ายไม่ได้เป็นคนอาบน้ำให้โต้วโต้วด้วยตนเอง เพราะมีพี่เลี้ยงคอยจัดการทุกอย่างให้
ในอดีต คุณย่าฟางไม่เห็นด้วยกับการจ้างพี่เลี้ยงเด็ก เพราะคิดว่าจะเป็นการรบกวนชีวิตของนาง
แต่หลินม่ายซื้อเรือนสี่ประสานที่มีสามวง พี่เลี้ยงเด็กอาศัยอยู่ที่เรือนส่วนหน้าบ้าน ส่วนคุณย่าฟางและคนอื่น ๆ อาศัยอยู่ที่เรือนตรงกลาง
แน่นอนว่าพี่เลี้ยงจะไม่อาจเข้ามารบกวนชีวิตนางได้ ดังนั้นนางจึงยอมให้จ้าง
หลินม่ายอาบน้ำให้โต้วโต้วโต้วโต้วด้วยความสุขมาก น้ำกระเซ็นไปทั่วร่างกายหล่อน
หลังจากอาบน้ำ หลินม่ายก็พาโต้วโต้วไปยังห้องนอน
โต้วโต้วพูดเสียงเบา “คืนนี้หนูนอนกับแม่จ๋าได้ไหมคะ?”
หลินม่ายมองไปยังฟางจั๋วหรานที่อยู่ด้านข้าง ฟางจั๋วหรานมองเธอด้วยแววตาดุจเสือร้ายที่พร้อมขย้ำเหยื่อ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อาจอนุญาตให้ลูกนอนด้วยได้
หลินม่ายรู้มานานแล้วว่าเขาจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้
เธออยู่ที่บ้านเพียงวันเสาร์และอาทิตย์ต่อสัปดาห์
ฟางจั๋วหรานตั้งหน้าตั้งตารอสองคืนนี้มาเป็นเวลาห้าวันติดต่อกัน ดังนั้นเขาจะยอมปล่อยให้เธอเป็นของโต้วโต้วได้อย่างไร
หลินม่ายจูบแก้มอันอ่อนโยนของโต้วโต้วพลางส่ายศีรษะ “ไม่ได้ค่ะ ลูกอายุห้าขวบแล้ว โตแล้ว นอนกับแม่ไม่ได้”
โต้วโต้วชี้ไปยังฟางจั๋วหรานพลางกล่าว “แล้วพ่อนอนกับแม่ได้ยังไงคะ พ่อแก่มากแล้วนะ!”
ฟางจั๋วหรานซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไร
เขาจะแก่ได้อย่างไร เขาอายุยังไม่ถึงสามสิบ ถือว่ายังอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย
หลินม่ายคิดอยู่เป็นเวลานาน และในที่สุดก็คิดหาเหตุผลที่จะตอบกลับโต้วโต้วได้ “เพราะพ่อ…เป็นตัวอย่างที่ไม่ดียังไงล่ะคะ ลูกอย่าเรียนรู้จากพ่อนะ”
ปากของฟางจั๋วหรานกระตุกอย่างรุนแรง
หลังจากที่โต้วโต้วเข้านอน หลินม่ายก็อาบน้ำเช่นกัน
เธอเปลี่ยนเป็นชุดนอนสีเขียวอ่อนพิมพ์ลายดอกไม้สีขาว ซึ่งทำให้เธอดูขาวสะอาดราวกับหยก
เมื่อนึกถึงการมีเซ็กส์กับฟางจั๋วหรานอีกครั้งในคืนนี้ เธอรู้สึกก็ตื่นเต้น เขินอาย และหวาดกลัวเล็กน้อย
สมรรถภาพทางร่างกายของหมอฟางนั้นดีมาก อึดเสียจนทำให้เธอแทบขาดใจตายทุกครั้ง
ฟางจั๋วหรานเข้ามาในห้องหลังจากอาบน้ำเสร็จ สิ่งแรกที่เขาทำคือดึงตัวหลินม่ายออกจากผ้าห่มแสนอบอุ่น ถอดเสื้อผ้าของเธอออกและจัดท่าทางให้เธอ
หลินม่ายคุกเข่าลงบนเตียงและถามด้วยความประหลาดใจ “คุณกำลังจะทำอะไร?”
ฟางจั๋วหรานเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขา “คุณอ่าน ‘สามสิบหกท่วงท่าร่วมรัก’ มาแล้วไม่ใช่เหรอ? วันนี้เรามาเปลี่ยนท่าเพื่อความตื่นเต้นกันดีไหม?
หลินม่ายนึกถึงเนื้อหาชวนหน้าแดงในหนังสือ ‘สามสิบหกท่วงท่าร่วมรัก’ ใบหน้าของเธอก็พลันแดงก่ำมากขึ้น “ไม่เอา ทำไม่ได้หรอก!”
ฟางจั๋วหรานโอบแขนรอบเอวของเธอ ครั้นมองกระดูกสะบักอันงดงามของเธอ เขาก็รู้สึกว่าเลือดกำลังเดือดพล่านไปทั่วร่างกาย
“ทำไมไม่ได้ล่ะ? ไม่เป็นไร ผมมันไร้ยางอายอยู่แล้ว!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คราวนี้แม่ไป๋จะตื่นรู้จริงๆ แล้วใช่ไหม กลัวยัยไป๋ซวงมาเป่าหูอะไรก็กลับไปเชื่ออีกจริงๆ
ท่าอะไรอะพี่หมอ จะเล่นท่ายากเหรอคะ
ไหหม่า(海馬)