นี่เป็นความจริงในใจของจ้าวเหล่ย
ท่านหญิงซูซูไม่ดีตรงไหนกัน?
ในใจเขา ความดีงามของท่านหญิงซูซูอยู่เหนือผู้ใดในโลก!
แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่นางพึงพอใจผู้นั้นกลับไม่ค้นพบความงดงามของนาง แต่เขาที่ค้นพบแล้ว กลับไม่มีคุณสมบัติที่จะได้ครอบครองนาง
แน่นอนว่า เขาก็เคยมีความคิดเห็นแก่ตัว ในชีวิตหนึ่งสามารถกราบไหว้ฟ้าดินกับคนที่ตนเองรักได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องหลอกลวง แต่ก็เป็นความฝันที่คุ้มค่าจะให้เขาหวนระลึกถึงที่สุดในชีวิตเขาเช่นกัน…
แม้ว่าจะกล่าวเช่นนี้ ทว่า ไม่ว่าอย่างไรท่านหญิงซูซูก็ยากที่จะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้!
นางเคยคิดที่จะหยั่งเชิงซูชี เพื่อดูว่าตนเองมีฐานะอะไรในใจเขากันแน่ แต่กลับไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะใช้วิธีนี้ในการหยั่งเชิงซูชี!
การแต่งงานที่นางเคยคิดถึง คือการแต่งงานกับซูชี
นางเคยคิดถึงท่าทางที่สวมชุดแต่งงานของตนเองที่เปี่ยมไปด้วยความสุข งามพริ้มเพรา แต่ไม่ใช่…
จ้าวเหล่ยไม่ได้บีบบังคับนาง เพียงแค่นั่งอยู่ข้างๆ เงียบๆ
ภายในห้องเงียบสงัด ซูซูเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ยังคงส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด น้ำเสียงก็เด็ดเดี่ยว!
“ไม่ได้!”
ท่านหญิงซูซูเอ่ยจบก็เดินกลับไปนั่งข้างหน้าต่าง มองหิมะที่ตกหนักด้านนอก แล้วเอ่ยเนิบๆ โดยไม่มองจ้าวเหล่ยอีก “แม้ว่าข้าจะร้อนใจอยากรู้ว่า ซูชีรู้สึกเช่นไรกับข้ากันแน่ แต่กลับไม่มีทางกระทำเรื่องเช่นนี้ออกมา เจ้ารู้ไหมว่า ในใจของสตรีทุกคนล้วนมีความฝันหนึ่ง ฝันเห็นตนเองสวมชุดแต่งงาน แต่งให้กับบุรุษที่ตนเองรัก แม้ว่าจะเป็นแค่การเล่นละคร ข้าก็ไม่อยากให้คนอื่นได้เห็นนอกจากคนที่ข้ารัก”
ในเมื่อท่านหญิงซูซูเอ่ยถึงขั้นนี้แล้ว จ้าวเหล่ยก็ไม่บีบบังคับอีก ตอนนี้เขาอยากไปซ้อมบุรุษที่ไม่รู้จักดีชั่วผู้นั้นสักยกจริงๆ
แต่ เขาเคยอยู่ที่เมืองหลวงมาก่อน
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า คุณชายซูชีเป็นคนแบบไหน
จ้าวเหล่ยลอบทุบอกตนเอง ในใจก็เกลียดตนเองที่ไม่ได้ความ แต่กลับยังคงพยักหน้าให้ท่านหญิงซูซู
เขาไม่ใช่คนโง่ และยิ่งไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักประมาณกำลังตนเอง รู้ว่าตนเองไม่คู่ควรกับท่านหญิงซูซูเลยด้วยซ้ำ และไม่มีทางมอบความสุขให้กับท่านหญิงซูซูได้แม้แต่น้อย ตั้งนั้นเขาถึงไม่เคยไปช่วงชิงเพื่อให้ได้มาครอบครอง แม้ว่าท่านหญิงซูซูในตอนนี้จะเสียใจเพราะความรัก และรั้งอยู่ข้างกายเขา
เขาหวังจริงๆ ว่า ท่านหญิงซูซูจะมีความสุข แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ข้างกายเขาก็ตาม
ช่วงเวลาค่ำคืนมาเยือนอย่างช้าๆ
เดิมซูชีคิดจะอาศัยโอกาสในคืนนี้หลบออกไปดู เพื่อยืนยันสักหน่อยว่า กูเสี่ยวซูอยู่ที่นี่หรือไม่ และนางพักอยู่ในบริเวณใดของรังโจรภูเขาแห่งนี้กันแน่
ด้วยวรยุทธ์ของเขา หากว่าเขาอยากจะออกไป นั่นก็เป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก
ไม่รู้ว่ากูเสี่ยวซูจะเป็นอย่างไรบ้าง นางรู้ว่าตนเองมาแล้ว แต่กลับไม่ได้ห้อตะบึงมาหาเหมือนในอดีต นางหมายความว่าอะไรกันแน่ อยากจะให้ตนเองเป็นฝ่ายไปหาก่อน จากนั้นก็รั้งนางเอาไว้อีกครั้งหรือ
เขาไม่มีทางกระทำเช่นนั้นเด็ดขาด กำหนดเส้นตายเวลาหนึ่งเดือนเหลืออีกไม่อีกวันแล้ว เขาจะสลัดภาระหนักอึ้งนี่ทิ้งแล้วไปกระทำตามสิ่งที่ใจตนเองปรารถนา เท้าที่ก้าวออกจากคุกนั้นถอยกลับมา
แต่เมื่อถอยเท้ากลับมาแล้ว ก็นึกได้ว่านับจากวันนี้จะไม่มีคนคนหนึ่งตามติดอยู่ด้านหลังอีก...
“ซูชี เจ้าไปที่ไหน ข้าก็จะไปที่นั่นด้วย…”
“ซูชี ข้าทรมาน…ทรมานมาก...”
“ซูชี อย่าไปนะ…”
“ซูชี เจ้าคนสารเลว…”
เมื่อคิดว่าจะไม่ได้ยินวาจาเช่นนี้อีกแล้ว จิตใจซูชีก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ปกติรังเกียจแทบตาย คราวนี้เมื่อหวนคิดถึง กลับรู้สึกว่ากระทั่งท่าทีที่กูเสี่ยวซูด่าเขา ก็ทำให้เขาคิดถึงอยู่บ้าง
ตลอดค่ำคืนนี้ ซูชีต่อสู้ดิ้นรนอยู่กับห้วงความคิดว่าจะไปหรือไม่ไปดี
ไป แล้วรั้งนางเอาไว้!
ไปไม่ได้ ในใจตนเองยังมีมั่วเชียนเสวี่ย จะปฏิบัติกับนางอย่างไม่ยุติธรรมไม่ได้ อีกอย่างก่อนหน้านี้ตนเองก็กล่าววาจาขั้นเด็ดขาดไปแล้ว จะกล่าววาจากลับไปกลับมาได้เช่นไร…
จำเป็นต้องกล่าวว่า บางครั้งศักดิ์ศรีของบุรุษก็เป็นสิ่งที่ทำร้ายผู้คนอย่างมาก
ไปเถอะ แค่ไปดูนางสักหน่อย ไม่ใช่รั้งนางเอาไว้
ไปไม่ได้ หากให้สตรีผู้นั้นรู้ว่าตนเองแอบไปดูนาง เกรงว่านางจะมาตามตื๊ออีก...
คนที่เฝ้าอยู่นอกคุกมองซูชีนอนพลิกกลับไปกลับมาทั้งคืนจนตาลาย จึงหลับไปนานแล้ว
ฟ้าสว่างแล้ว
ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้ว
โจรภูเขาอีกสองคนเดินเข้ามาในคุกใต้ดิน พลางมองซูชียิ้มๆ แวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยกับหลายคนที่เฝ้าคุกก่อนหน้านี้ว่า “พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ หากว่าไม่เหนื่อย ลูกพี่บอกว่าให้พวกเจ้าไปช่วยงานที่โถงด้านหน้าหน่อย”
ช่วยงานหรือ
วาจานี้ก็ดึงดูดความสนใจจากซูชีเช่นกัน แต่ที่สนใจยิ่งกว่ากลับเป็นโจรภูเขาหลายคนนั้น พวกเขาถามว่า “ให้ไปช่วยงานเรื่องอะไรหรือ”
คนที่มาเข้าเวรแทนเอ่ยอย่างภูมิใจว่า “ลูกพี่ของพวกเราจะแต่งงานแล้ว! เจ้าจำสตรีที่จับกลับมาได้เมื่อสองวันก่อนได้สินะ นางตกลงที่จะแต่งงานกับลูกพี่แล้ว ดังนั้นลูกพี่จึงเตรียมตกแต่งรังโจรภูเขาสักหน่อย จากนั้นก็แต่งงานกันวันนี้!”
ลูกพี่ของพวกเขาปฏิบัติต่อพวกเขาดียิ่ง! ดังนั้นเมื่อเห็นลูกพี่จะแต่งงานสร้างครอบครัว พวกเขาก็ดีใจเช่นกัน
แต่มีบางคนที่กลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูรีบร้อนเกินไป
“สตรีนางนั้นไม่ยินยอมแต่งงานด้วยมิใช่หรือ เหตุใดตอนนี้ถึง…?”
“เฮ้! ดูพวกเจ้าพูดเข้าสิ! ลูกพี่พวกเราหล่อเหลาสง่างาม จะมีสตรีที่ไม่ยินยอมได้อย่างไร อีกอย่างนางก็กำลังเสียใจเพราะความรักมิใช่หรือ! พอเห็นความอ่อนโยนของลูกพี่ ก็พลัน…”
เขาเอ่ยจบก็กระแทกไหล่คนผู้นั้นเบาๆ แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างที่ไม่ต้องกล่าวอันใดก็เข้าใจได้ชัดเจน!
ความสามารถเรื่องการได้ยินของซูชีนั้นว่องไวมาตลอด จึงมีสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าก้นหม้อทันที!
เขากล้าที่จะแน่ใจว่า คนที่พวกเขากล่าวถึงเป็นกูเสี่ยวซูแน่นอน!
กูเสี่ยวซูจะแต่งงานหรือ
เหอะ…
ตอนนี้ซูชีถึงกับรู้สึกว่าตนเองเหมือนคนโง่คนหนึ่ง! เขารีบร้อนตามมาเพราะเกรงว่ากูเสี่ยวซูจะถูกรังแก
เขาคิดไปคิดมาว่าจะไปพบนางดีหรือไม่ โดยไม่ได้นอนทั้งคืน ส่วนนางน่ะหรือ กำลังจะกราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกับผู้อื่นแล้ว
อันใดที่เรียกว่าเจ็บปวดเพราะความรัก จากนั้นก็ถูกความอ่อนโยนของลูกพี่โจรภูเขาของพวกเขาทำให้ซาบซึ้งใจ!
นี่เห็นได้ชัดว่านางเป็นสตรีที่มีจิตใจรวนเร หลงรักคนง่าย และเปลี่ยนใจได้ง่าย!
นางไม่ได้เอ่ยปาวๆ ว่าชอบตนเองหรอกหรือ นางไม่ได้บอกว่าชั่วชีวิตนี้จะมีแค่ตนเองในใจเพียงคนเดียวหรือ นางไม่ได้ให้ตนเองให้เวลานางหนึ่งเดือนหรอกหรือ
แต่ยังไม่ถึงเส้นตายหนึ่งเดือน นาง กูเสี่ยวซูก็ถึงกับไปซบอกบุรุษอื่นเสียแล้ว!
ช่างน่าขันจริงๆ!
ซูชีไม่อยากได้ยินวาจาเหลวไหลที่รบกวนจิตใจเขาเหล่านั้นของพวกเขาอีก จึงนั่งหันหลังอยู่ในคุกให้กับพวกเขา
ส่วนโจรภูเขากลุ่มนั้น ขณะที่เอ่ยวาจาเหล่านี้ ก็มักจะคล้ายมองคล้ายไม่มองมาทางซูชีบ่อยๆ เมื่อเห็นเขาถึงกับหันหลังให้ตนเอง ก็หรี่ตาลงเล็กน้อยทันที หลายคนลอบสบสายตากันแวบหนึ่ง ในใจก็มั่นใจแล้ว จึงเปลี่ยนเวรจากไป
โจรภูเขาหลายคนที่จับตาดูซูชีเมื่อคืนมาตลอด ก็ตรงไปพบลูกพี่ที่ด้านบนทันทีที่ออกจากคุกใต้ดิน
ส่วนจ้าวเหล่ยที่ได้ฟังวาจาของพวกเขาแล้ว ก็แค่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วโบกมือให้พวกเขาไปพักผ่อนได้