แน่นอนว่าช่วงเวลาของชีวิตไม่ได้แบ่งเป็นช่วงเช้าและช่วงบ่าย
ยุคสมัยยังคงเป็นยุคสมัยนี้
แต่เมื่อผู้อ่านกลุ่มแรกอ่านหนังสือใหม่ของฉู่ขวงจบ ทิศทางลมก็เปลี่ยนไป
ไม่เพียงเหลิ่งกวง
ไม่เพียงคาเธอร์
และไม่เพียงรวมไปถึงชายผู้ซึ่งชื่นชอบถกเถียงทางปรัชญากับเพื่อนฝูง
การเปลี่ยนทิศทางของกระแสลมมักเกิดขึ้นจากคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเริ่มพัดออกไปอย่างเร่งเร็วประหนึ่งลมพายุสลายหมู่เมฆ
พรึบๆๆ!
ขณะที่ชาวเน็ตมากมายซึ่งยังคงคว่ำบาตรโฮล์มส์และไม่อาจรับรู้ได้อย่างถ่องแท้ ผู้อ่านกลุ่มแรกเริ่มซึ่งเดิมทีคอยค่อนแคะพร้อมกับทุกคน แต่แล้วก็หายตัวไปอย่างลึกลับ จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
มาพร้อมกับประโยคว่า ‘โฮล์มส์ผู้ยอดเยี่ยม เรื่องพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม’!
อะไรฟระ
ถูกอะไรเข้าสิงล่ะเนี่ย
ชาวเน็ตซึ่งยืนกรานจะไม่ซื้อหนังสือต่างพากันตกตะลึง จากนั้นพวกเขาจึงถูกกระแสคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าซัดสาด พร้อมกับมนตร์สะกดพร่ำกรอกใส่โสตประสาทครั้งแล้วครั้งเล่า
‘ฉู่ขวงเจ๋งเป้ง!’
‘ผมยอมแล้วค้าบ!’
‘ตอนแรกคิดว่าปัวโรต์เป็นนักสืบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบลูสตาร์แล้ว นึกไม่ถึงว่ายังมีโฮล์มส์ที่เก่งพอๆ กับปัวโรต์ ข้ายินดีมอบสมญานามยอดนักสืบให้แก่โฮล์มส์!’
‘ผมหลิวจิ้ง เห็นด้วยโดยประสงค์ออกนาม!’
‘สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อโจวเจ๋อ จะขอแนะนำไอดอลคนใหม่ของผมไว้ ณ ที่นี้ ชื่อของเขาคือเชอร์ล็อก โฮล์มส์’
‘…’
ชาวเน็ตซึ่งยังไม่ได้อ่านหนังสือก็ตระหนักได้ในที่สุด พวกเขาไม่ยอมถูกล้างสมอง พวกเขายังคงยืนหยัดต่อต้าน
เราคือพันธมิตรที่ไม่มีวันแตกหัก!
เราคว่ำบาตรโฮล์มส์…
เราคว่ำบาตร…
เราคว่ำ…
เรา…
เสียงของพวกเขาจมหายไป
เจตจำนงของพวกเขาเริ่มสั่นคลอน
จิตวิญญาณของพวกเขาค่อยๆ แตกสลาย
พวกเขายื่นมือขวาจอมทรยศออกมา พวกเขาก้าวสองเท้าอันชั่วร้ายออกมา พวกเขาเริ่มกดสั่งหนังสือ พวกเขาเริ่มออกไปยังร้านหนังสือ
จนกระทั่ง…
พนักงานแคชเชียร์ยิ้มอ่อนมองพวกเขา “ขายหมดเกลี้ยงเลยครับ แม้แต่หยดเดียวก็ไม่เหลือครับ”
พวกเขาเดินคอตกออกมาจากร้านหนังสือ
เจ้าของร้านซึ่งอยู่ด้านหลังพนักงานแคชเชียร์ตบอก หนังสือหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวจริงๆ แต่น้ำตาของพวกเขา หยดเผาะๆ แล้วเนี่ย
พวกคุณคว่ำบาตรไม่ใช่หรอกหรือ?
พวกคุณตอบว่า ‘ไม่รู้’ ไม่ใช่หรอกหรือ?
ฉันว่าพวกคุณก็รู้อยู่นะ!
มีแค่ร้านหนังสืออย่างพวกเราที่ไม่รู้อะไรเลย!
ฉู่ขวงหลอกลวงฉัน! คนอ่านของฉู่ขวงก็หลอกลวงฉัน!
คนประเภทเดียวกันมักจะคบค้าสมาคมกัน แฟนคลับฉู่ขวงอย่างพวกคุณมันรู้หน้าไม่รู้ใจ ไม่ได้ต่างอะไรกับเจ้าแก่ฉู่ขวงเลยสักนิด!
เป็นผู้ชายเฮงซวยเหมือนกันหมดเลยสินะ!
ทรยศต่อความรู้สึกของร้านหนังสืออย่างพวกเราได้ลงคอ!
เอาเถอะ
ร้านหนังสือบางร้านก็สั่งหนังสือเข้าสต็อกด้วยจำนวนปกติ
ร้านหนังสือหลายแห่งยังคงมีความกลัวฝังใจเกี่ยวกับหนังสือกระบี่เทพสังหาร พวกเขาจึงระมัดระวังทุกฝีก้าว
ความกลัวนี้ทำให้พวกเขาเสียหายอย่างหนัก แต่ในวันนี้เองพวกเขาก็รับการชดเชยในระดับหนึ่งในลักษณะเดียวกัน
พวกเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญกับความกระอักกระอ่วนเมื่อต้องเติมสต็อกอย่างเร่งด่วนอีก
เจ้าของร้านหนังสือซึ่งสั่งหนังสือยอดนักสืบโฮล์มส์เข้ามาในปริมาณมากยกยิ้มอย่างรู้ทัน จากนั้นพนักงานด้านข้างซึ่งกำลังง่วนกับงานก็เอ่ยขึ้น “ก่อนที่อาหารจะสุก คนเรามักไม่ทันได้ตระหนักถึงความหิวโหยของตนเอง เมื่อไหร่ที่อาหารยกมาวางตรงหน้า พวกเขาถึงนึกขึ้นมาได้ว่า…”
“หิวมาก?”
“ฉันว่าไม่ใช่นะ ลองดูสักหน่อยดีกว่า”
เจ้าของร้านมองไปทางประตู เป็นอาหารกลางวันแบบเดลิเวอรีซึ่งเขาสั่งมาให้กับพนักงาน และแถมน่องไก่ให้ด้วย
“หอมหวนชวนกินสุดๆ!”
พนักงานต่างกินอาหารซึ่งเจ้าของร้านสั่งมา ที่แท้พวกเขาก็ไม่ได้พูดว่า ‘หิวมาก’ ในขณะนั้นทั้งร้านหนังสือเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งความชื่นมื่น
กลิ่นของอาหารช่างหอมรัญจวนจิต
และบนชั้นหนังสือด้านหน้าซึ่งโดดเด่นที่สุด
ลูกค้ามาใหม่อีกคนหนึ่งกำลังหยิบยอดนักสืบโฮล์มส์เล่มใหม่เอี่ยมขึ้นมาด้วยสีหน้าซับซ้อน
ขณะเดียวกัน
บนโลกออนไลน์
ผู้คนซึ่งพูดถึงโฮล์มส์นั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนที่คว่ำบาตรกลับน้อยลงเรื่อยๆ จนแลดูคล้ายกับว่าพวกเขากำลังจะสูญหายไป
‘สนุก!’
‘สนุกนะ!’
‘นักเขียนดาวรุ่งที่ทั้งฉลาด…แล้วก็กล้าหาญอย่างฉู่ขวง ชอบมากเลย!’
‘รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนที่อ่านปัวโรต์เลย แต่ปัวโรต์ก็คือปัวโรต์ โฮล์มส์ก็คือโฮล์มส์ พวกเขาทั้งคู่เป็นยอดนักสืบที่ฉันชอบ!’
‘อิ่มอกอิ่มใจ!’
‘พออ่านถึงตรงที่โฮล์มส์บอกว่าปัวโรต์เป็นนักสืบคนเดียวที่โฮล์มส์เคารพ ผมรู้สึกอบอุ่นใจจริงๆ อาจารย์ฉู่ขวงคงคิดถึงปัวโรต์เหมือนกัน!’
‘เจ้าแก่ฉู่…อาจารย์ฉู่ขวงเก่งสุดยอด!’
‘โฮล์มส์มีนิสัยรักสันโดษ เป็นคนฉลาดที่ต่อต้านสังคม เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ชอบใส่ใจรายละเอียดและสืบคดีจากเรื่องพื้นฐาน ขณะที่ปัวโรต์มีสไตล์มนุษยธรรมนิยมต่อชีวิตและความเป็นจริง เชี่ยวชาญจิตวิทยาและให้ความสำคัญกับจิตวิทยามากกว่า ตัวละครทั้งสองแตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก’
‘…’
ผู้คงในวงการต่างตกตะลึง
ถ้าไม่ได้เห็นบัญชีผู้ใช้ที่คุ้นตาเหล่านี้ พวกเขาคงสงสัยว่าตนเองเดินทางทะลุมิติเวลากันมาหรือเปล่า
ยกตัวอย่างเช่นคนที่ชื่อหวังซั่ง!
มองอะไรล่ะ ก็พูดถึงคุณนั่นแหละ!
ก่อนหน้านี้คุณบอกเองไม่ใช่หรือว่า ‘ต่อให้ต้องตาย ต้องกระโดดลงไปตอนนี้ ผมก็ไม่มีวันยอมรับโฮล์มส์อะไรนั่นหรอก’
ทำไมพลิกลิ้นเร็วซะยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษอีกล่ะ
อายุก็ยังน้อย เจ้าเล่ห์ขนาดนี้เชียวหรือ?
งงเลยสิ
ในแง่ของปฏิกิริยาตอบสนอง บุคลากรในวงการย่อมงุนงงมากที่สุด
เล่นแบบนี้มีที่ไหนกัน?
ช่วงเช้ายังประกาศปาวๆ ว่าจะคว่ำบาตรหนังสือใหม่ของฉู่ขวง มีท่าทีราวกับจะบุกเข้าไปปล้นสะดมในบ้านฉู่ขวงอย่างไรอย่างนั้น
ช่วงบ่ายก็ก่อกบฏซะแล้ว
ถูกต้อง
ก่อกบฏ
ก่อกบฏอย่างสมบูรณ์แบบ
และเมื่อบุคลากรในวงการเข้าไปอ่านพื้นที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัวโรต์ของฉู่ขวง คอมเมนต์ร้อนแรงซึ่งพวกเขาสังเกตเห็นคือ
‘ผู้อ่านไม่สามารถอยู่กับอดีตได้เสมอไป ผมเชื่อว่าดวงวิญญาณของปัวโรต์บนสวรรค์คงจะมีความสุขมากเช่นกันที่มีคนสานต่อจิตวิญญาณนักสืบของเขาต่อไป!’
บุคลากรในวงการต่างปาดเหงื่อ
คอมเมนต์นี้มียอดไลก์สูงมาก ต่อจากนั้นล้วนมีแต่คอมเมนต์ที่คล้ายคลึงกัน
‘เจ้าแก่รำลึกถึงปัวโรต์ในหนังสือเรื่องใหม่ ดีใจอะ’
แบบนี้เรียกว่ารำลึกหรือ?
‘ยอมรับว่าโฮล์มก็เป็นยอดนักสืบคนหนึ่งแล้วสินะ’
ยังหยิ่งอยู่อีกไหม?
‘ฉันรู้แต่แรกแล้ว ฉู่ขวงไม่เคยทำให้ผิดหวัง โฮล์มส์จะเป็นผู้นำยุคใหม่’
หัวเราะทีหลังดังกว่าว่างั้น?
‘ไม่มีใครแทนที่ปัวโรต์ได้ แต่มีบางคนที่ยืนเด่นเทียมปัวโรต์ได้’
ผู้คนในวงการเหนื่อยจะค่อนแคะ
ในเวลานี้ทุกคนสังเกตเห็นว่ามีใครคนหนึ่งโพสต์การ์ตูนตลกสี่เฟรมซึ่งถ่ายทอดผ่านมุมมองของผู้อ่าน
ช่องที่หนึ่ง : “จัดการเจ้าแก่ฉู่ขวงซะ! เขาเขียนให้ปัวโรต์ตาย!”
ช่องที่สอง: “โฮล์มส์เป็นใคร ไม่มีใครแทนที่ปัวโรต์ได้!”
ช่องที่สาม: ผู้อ่านเริ่มอ่านหนังสือแล้ว หนังสือมีชื่อว่ายอดนักสืบโฮล์มส์
ช่องที่สี่: ‘โฮล์มส์สุดย้อดดดดดดด!’
‘…’
ในที่สุดผู้คนในวงการก็ตระหนักได้
ที่แท้ผู้อ่านเองก็กู้สถานการณ์ได้ ที่แท้ผู้อ่านก็รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร ดูฉู่ขวงสิ บีบคั้นผู้อ่านจนสภาพแบบนี้
สะเทือนใจจนคลุ้มคลั่ง!
เขาไม่เพียงตบหน้าเหล่าบรรณาธิการและร้านหนังสือได้ แต่เขายังกล้าตบหน้าผู้อ่านของตนเองอย่างไม่ยั้งมือได้ด้วยเช่นกัน
กระแสของโฮล์มส์กำลังจุดติด
……………………………………………………………