“กูเสี่ยวซู เจ้าบอกข้าสิว่า เจ้าสมัครใจจะแต่งงานกับบุรุษตรงหน้าเจ้าหรือไม่ หากเจ้าบอกว่าเจ้ายินยอม เช่นนั้นข้า ซูชีจะหันหลังเดินจากไป เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวงแล้ว จะต้องกล่าววาจาชื่นชมเขาต่อหน้าจิ่งอ๋องสักหลายประโยค ไม่แน่ว่า ได้รับการอุ้มชูจากจิ่งชินอ๋องแล้ว เขาอาจจะได้มีตำแหน่งขุนนาง ถือว่าเป็นการทำให้เจ้าสมปรารถนา แต่หากเจ้าไม่สมัครใจ ข้าจะพาเจ้าจากไป!”
ความจริงแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการทำมากที่สุดคือทำลายรังโจรซอมซ่อแห่งนี้ แล้วหักคอลูกพี่อะไรนี่ทิ้งเสีย
ความจริงแล้วในตอนนี้ ก็ไม่ถึงกับเป็นปัญหาเรื่องสมัครใจหรือไม่แล้ว
ซูชีบอกกับตนเองเช่นนี้ การที่เขาโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้นั้นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งต่อกูเสี่ยวซู!
อย่างไรเสีย คนก็ตามเขาออกมา!
ซูชีทำให้ความรู้สึกของตนเองในเรื่องนี้ด้านชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ความเป็นจริงนั้น?
ความจริงตอนนี้ซูชีก็ไม่เข้าใจว่าตนเองเป็นอะไรกันแน่ เหตุใดหัวใจถึงได้เจ็บปวด
โดยเฉพาะตอนที่เห็นกูเสี่ยวซูก้าวขึ้นไปดึงแขนเสื้อโจรภูเขาผู้นั้นด้วยท่าทางขลาดๆ แล้วพยักหน้า เพลิงโทสะในใจผสมปนเปกับความริษยาที่บอกไม่ถูก อธิบายได้ไม่ชัดเจนถาโถมเข้ามา!
ในเสี้ยวพริบตานั้น พลังอำนาจทั่วร่างเขาได้เปลี่ยนแปลงไป!
โดยเฉพาะโจรภูเขาไม่กี่คนที่ยืนอยู่ใกล้ข้างกายซูชีมากที่สุด ตอนนี้ถูกพลังอำนาจนี้ทำให้สยบ แล้วพากันก้าวถอยหลังไปติดๆ จนล้มลงไป เพราะยืนไม่มั่นคง!
ซูชีเห็นกูเสี่ยวซูที่เป็นแบบนี้ กูเสี่ยวซูที่ว่าง่ายเชื่อฟัง ก็พลันรู้สึกว่าตนเองเหมือนตัวตลกตัวหนึ่ง!
และเป็นเพราะเพลิงโทสะนี้ ทำให้วาจาที่เขาเอ่ยออกมานั้นรุนแรงยิ่ง!
“กูเสี่ยวซู ข้า ซูชีคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่า เจ้าจะเป็นสตรีเช่นนี้คนหนึ่ง! เจ้าไม่ได้บอกว่าชอบข้าหรอกหรือ ไม่ได้บอกว่าหากไม่ใช่ข้านั้นไม่ได้เช่นนั้นหรือ แต่เหตุใดเมื่อหันกลับไป เจ้าก็เข้าไปซบในอ้อมอกบุรุษอีกคนหนึ่งเสียแล้ว? เจ้าที่เป็นแบบนี้ การที่ข้า…ซูชีไม่ได้เลือกเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ! มิเช่นนั้น รอข้าแต่งงานกับเจ้า แล้วค่อยรู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้า คงต้องขยะแขยงแทบตายแน่นอน...”
วาจาเหล่านี้จริงครึ่งเท็จครึ่ง
กูเสี่ยวซูย่อมไม่ได้เป็นฝ่ายไล่ตาม เข้าใกล้และเอาใจซูชีขนาดนั้น แม้ว่านางจะชอบซูชีมากถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่ได้ทำให้ตนเองกลายเป็นคนต่ำช้า ถึงขั้นที่เอ่ยว่าไม่ใช่เขาไม่ได้พวกนั้นออกมา!…
วาจาเช่นนี้ของซูชีนั้นถูกเพลิงโทสะทำร้ายจริงๆ!
ตอนนี้เขารู้ตัวดีแล้วว่า เขาไม่ต้องการให้กูเสี่ยวซูแต่งงาน
ในอดีตอาจจะนึกว่า ขอแค่กูเสี่ยวซูหาบุรุษอื่นพบแล้ว ไม่ว่าบุรุษผู้นั้นจะเป็นคนแบบไหน ขอเพียงแค่นางไม่มาตามตื๊อตนเองอีก เช่นนั้นเขาก็ต้องขอบคุณฟ้าดิน ขอบคุณบรรพบุรุษแล้ว!
แต่ในตอนนี้ ตอนที่กูเสี่ยวซูกำลังจะแต่งงานขึ้นมาจริงๆ เขากลับไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น!
ไม่อยากให้กูเสี่ยวซูแต่งงาน เฉกเช่นเดียวกับที่ไม่อยากเห็นกูเสี่ยวซูหลบอยู่หลังบุรุษอื่นด้วยความอุ่นใจเหมือนในตอนนี้!
ดังนั้น เขาถึงได้เอ่ยวาจาเหล่านั้นออกมา!
ด้วยนิสัยของกูเสี่ยวซู จะต้องเลิกผ้าคลุมศีรษะด้วยตนเอง พร้อมกับกระโดดออกมาทะเลาะกับเขา จากนั้น…การแต่งงานครั้งนี้ย่อมสิ้นสุดลงโดยที่ไม่มีบทสรุป
แต่เจ้าสาวที่หลบอยู่ด้านหลังจ้าวเหล่ยกลับไม่เอ่ยวาจาใดสักประโยค เหมือนกับยอมรับวาจาของซูชีโดยปริยาย และปล่อยให้ซูชีเอ่ยตามอำเภอใจ ราวกับไม่อยากมีความเกี่ยวข้องอันใดกับซูชีอีก!
ท่าทีเช่นนี้ ยิ่งทำให้เพลิงโทสะของซูชีพวยพุ่งยิ่งขึ้น!
“กูเสี่ยวซู ข้ามองเจ้าผิดไปแล้วจริงๆ! เจ้า…เจ้าอย่าได้เสียใจในภายหลังเชียว!”
หลังจากเอ่ยประโยคสุดท้ายนี้ ซูชีก็ไม่มองไปทางกูเสี่ยวซูอีก นัยน์ตาเขาเจือไปด้วยความผิดหวังระคนเสียใจ ความเศร้าเสียใจนี้ของเขา ถึงขั้นรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เห็นมั่วเชียนเสวี่ยแต่งงานเสียอีก!
อย่างไรเสีย แต่ก่อนเขารู้มาโดยตลอดว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้เป็นของเขา แต่กูเสี่ยวซูกลับมอบความเข้าใจผิดว่า นางจะตามตื๊อเขาไปตลอดชีวิตให้กับเขา
ดังนั้นความรู้สึกสองแบบนี้จึงไม่เหมือนกัน!
ดังนั้น ความผิดหวังนี้ของเขา จึงรุนแรงเป็นพิเศษ!
ซูชีหมุนตัวเดินออกไปทั้งที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว โดยไม่มองนางอีก
แต่ในใจเขากลับเกลียดท่าทีเช่นนี้ของกูเสี่ยวซูอย่างสุดซึ้ง!
ไม่เคยได้ครอบครอง เมื่อสูญเสียก็จะไม่เจ็บปวดขนาดนั้น
แต่เมื่อเคยได้ครอบครอง จากนั้นก็สูญเสียไปในช่วงเวลาที่เจ้ารู้ว่า นั่นถึงเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการที่สุด กลับเจ็บปวดลึกซึ้งปานจะขาดใจ
เขาไม่เคยเสียใจในภายหลังเช่นนี้มาก่อน!
เขาไม่เคยรู้สึกเกลียดถึงเพียงนี้มาก่อน!
หากยังไม่จากไปอีก เขาเกรงว่า เขาจะอดทนไม่สังหารทุกคนในงานนี้จนหมดไม่ได้!
ซูชีจากไปเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ภายในโถงจัดพิธีแต่งงานล้วนอยู่ในสภาพเงียบกริบ
และในตอนนี้เองที่ด้านหลังฉากกันลมตรงท้ายห้องโถง มีเสียงดังขึ้นกะทันหัน คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านใน
จ้าวเหล่ยมองนาง ก็เห็นว่านางยิ้มบางๆ ให้ตนเองครั้งหนึ่ง…
“ท่านหญิงซูซู ข้าเชื่อว่า คุณชายซูชีท่านนี้มีความรู้สึกให้ท่านอย่างไม่รู้ตัว บางทีคงมีแค่ตัวเขาที่ไม่รู้เท่านั้น มิเช่นนั้นก็คงไม่มีทางมีสภาพเช่นนี้ในตอนที่นึกว่า ท่านจะแต่งงานกับข้า! สิ่งที่ชีวิตคนเราต้องการ ก็คือการมีความสุขกับปัจจุบัน ดังนั้น ท่านหญิงซูซู…ข้าช่วยเหลือท่านได้เพียงเท่านี้ เส้นทางหลังจากนี้ ต้องดูที่ตัวท่านเองแล้ว!”
คนที่อยู่ด้านหลังจากกันลมย่อมเป็นกูเสี่ยวซู
เขาเห็นนางค่อยๆ เงยดวงหน้าเล็กงามพริ้มที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมา เพียงแต่น้ำตาในครั้งนี้กลับไม่ได้เป็นความเศร้าเสียใจ แต่กลับเต็มไปด้วยความยินดี
“ขอบคุณเจ้ามาก...”
หลังจากกูเสี่ยวซูเอ่ยขอบคุณจ้าวเหล่ยอย่างจริงใจแล้ว ก็ก้าวเท้าวิ่งออกไปข้างนอก
จ้าวเหล่ยเห็นเงาร่างที่จากไปของนาง ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
เขาหันกลับมามองเจ้าสาวที่อยู่ด้านหลังตนเอง แล้วลากคนมาตรงหน้า พลางเลิกผ้าคลุมศีรษะสีแดงขึ้นต่อหน้าฝูงชน
ใต้ผ้าคลุมศีรษะสีแดงคือ ดวงหน้าเล็กเขินอายที่เจือปนไปด้วยความเรียบง่ายที่มีเฉพาะสตรีในครอบครัวชาวนา
“เสี่ยวเหมย ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งว่า ยินยอมแต่งงานกับข้าไหม”
สตรีนางนั้นเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาหนักแน่น แล้วพยักหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นุ่มนวล แต่กลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและจริงจัง!
“ข้ายินยอม!”
จ้าวเหล่ยยิ้มบางๆ แล้วปล่อยผ้าคลุมศีรษะให้คลุมหน้านางช้าๆ
สตรีเช่นนี้ แม้จะไม่ใช่คนที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจ แต่กลับสามารถครองคู่อยู่เป็นเพื่อนกันได้ตลอดชีวิต
“สามีภรรยาคำนับกันและกัน!”
“เข้าห้องหอได้!”
พิธีกรเอ่ยสองประโยคนี้เสียงดังยิ่ง แม้ว่าซูชีจะใช้วิชาตัวเบาจากไปได้ระยะทางหนึ่งแล้ว แต่ใบหูที่รับรู้ได้ไวกลับยังคงได้ยินเสียงนั่น
ความเจ็บปวดในใจลุกลาม และควบคุมวิชาตัวเบาไม่ได้ ซูชีโงนเงนแล้วร่วงลงมา
“กูเสี่ยวซู…เจ้าใจร้ายมาก!”
บนโลกใบนี้อาจจะมีคนประเภทหนึ่งที่ไม่สูญเสีย ก็ไม่มีวันรู้คุณค่า และซูชีก็คือคนจำพวกนั้น
แต่ตอนนี้เขาเสียใจในภายหลังแล้ว ทว่าหัวใจของกูเสี่ยวซูก็ถูกเขาทำร้ายจนเจ็บปวดแสนสาหัสไปแล้ว ตอนนี้นางตัดสินใจหันกลับไปแต่งงานกับบุรุษอื่นแล้ว…
เขาที่เป็นบุรุษซึ่งทำร้ายกูเสี่ยวซูให้เจ็บปวดรวดราวปานจะขาดใจยังมีคุณสมบัติอะไรไปยับยั้งกัน?
เขาก้าวเท้าโซเซห้อตะบึงลงเขาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำระคนสิ้นหวัง!