บทที่ 662 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้ายังทนให้จิ้งจอกน้อยต้องเศร้าเสียใจมิได้!’
หลี่จิ่วเต้าดวงตาวาวโรจน์ ทอประกายตื่นเต้นดีใจ เขารีบก้าวออกไปสองสามก้าว ตะโกนใส่สุนัขขาว “เจ้าหมาน้อย หยุดคุยกันก่อนเถิด”
สุนัขขาวกำลังหนีเอาชีวิตรอดหัวซุกหัวซุน ไม่ทันสังเกตว่าเบื้องหน้าอยู่ในสถานการณ์อันใด เมื่อมันเห็นว่าปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้ายังกล้าเข้ามาขวางทางมัน ก็เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องบ้าอันใดกัน!
เมื่อพยัคฆ์จนตรอกกระทั่งสุนัขยังรังแกได้หรือ? ถุย ไม่สิ ทุบตีสุนัขจนตรอกหรือ?
ถุย!
ยังไม่ถูก!
“ข้าจะกัดเจ้าให้ตายเสีย!”
มันออกวิ่งอย่างรวดเร็ว ปรี่เข้ามาอยู่ตรงหน้าหลี่จิ่วเต้า อ้าปากกว้างหมายจะกลืนกินชายหนุ่มเข้าไป
ก้อนหินได้เห็นภาพนี้ก็โมโหถึงขีดสุด อยากจะลงมือทุบเจ้าสุนัขขาวให้ตายคาที่
แต่เมื่อเห็นท่าทีของคุณชาย ก็รู้ว่าคุณชายตั้งใจลงมือด้วยตนเอง มันจึงอดกลั้นไม่ไหวติง
หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าสุนัขขาวดุร้ายเหลือคณา จึงตระหนักได้ว่าสุนัขขาวตัวนี้มิใช่หมาดีเด่นอันใด เขาเองก็เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว
ชายหนุ่มเรียกธงฮุ่นเยวียนออกมาทันที ร่างหายวับไปจากที่เดิม
เมื่อเขาปรากฏกายออกมาอีกครั้ง ก็ห่างออกไปไกลโพ้น เว้นระยะห่างออกจากสุนัขขาว
ธงฮุ่นเยวียนไม่เพียงแต่อำพรางตัวได้ แล้วยังเดินทางทะลุมิติได้ด้วย
“บัด…ซบ!”
สุนัขขาวตาค้างในบัดดล เรื่องบ้ากระไร ปุถุชนคนหนึ่งสามารถมียอดศาสตราเกินหยั่งเช่นนี้ในมือได้ด้วยหรือ
ในหัวมันสับสนไปหมด นึกไปว่าตนเองเจอกับกลุ่มคนแบบไหนกันแน่ ยอดศาสตราสูงส่งเกินหยั่งเสมือนเป็นผักปลาหรืออย่างไร ถึงได้มีกันคนละชิ้น บ้างมีเกินหนึ่งชิ้นด้วยซ้ำ!
“ข้าว่าเจ้าใช้อารมณ์เกินไป ใจเย็นลงหน่อยเถิด”
หลี่จิ่วเต้าเรียกไข่มุกคุมวารีออกมา เหนือหัวสุนัขขาวมีเมฆครึ้มรวมตัวทันใด สายฝนกระหน่ำ สุนัขขาวกลายเป็นสุนัขตกน้ำไปในบัดดล
‘ข้าอยากกลับ…แดนบรรพโกลาหล!’
สุนัขขาวเศร้าเสียใจอย่างที่สุด รำพึงในใจว่าเหตุใดมันถึงน่าสังเวชปานนี้ กระทั่งปุถุชนคนหนึ่งยังมียอดศาสตราในมือถึงหลายชิ้น อาณาจักรนอกแดนบรรพโกลาหลจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
มันคิดว่า สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลอย่างตนเองเมื่อมาอยู่นอกอาณาจักร ย่อมต้องเป็นตัวตนไร้เทียมทานพร้อมบดขยี้คนทั้งปวงมิใช่หรือ?
ผู้ใดเล่าจะขวางมันได้?
ทว่าบัดนี้ มันไม่อาจต่อกรกับปุถุชนคนหนึ่งด้วยซ้ำ…
หากมันกลับแดนบรรพโกลาหลได้ มันจะตักเตือนสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในแดนบรรพโกลาหลว่า อย่าออกมาเด็ดขาด อาณาจักรข้างนอกโหดร้ายเป็นอย่างมาก!
ครืน!
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง สายฟ้าแลบแปลบปลาบ สายฝนสาดใส่ตัวสุนัขขาวไม่หยุด สุนัขขาวมิกล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย มันรับรู้ได้ว่ามีพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงแฝงไว้ในน้ำฝนเหล่านี้
นี่ก็เพราะพลังในน้ำฝนมิได้ปะทุ หากปะทุเมื่อใด มันไม่สงสัยเลยว่าน้ำฝนเพียงหยดเดียวก็สามารถสังหารมันลงอย่างสิ้นเชิง
ต้องเป็นไข่มุกชนิดใดกัน
มันสะท้านในใจเหลือแสน ปุถุชนคนหนึ่งสามารถสำแดงฤทธิ์เดชของไข่มุกเม็ดนั้นได้น่าสะพรึงปานนี้เชียวหรือ มันตกใจมากจริง ๆ โลกทัศน์พลิกผัน
เสียงดังฟึ่บ หลี่จิ่วเต้าหายตัวมาโผล่อยู่ด้านพวกเซี่ยเหยียน
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงรีบวิ่งเข้ามาด้วยตาแดงก่ำ น้ำตาที่รื้นอยู่ยังมิเหือดแห้ง ดูน่าสงสารเป็นที่สุด
นางยังเยาว์วัยนัก หาได้เคยเจอะเจอเรื่องเช่นนี้ ตื่นตกใจแทบแย่
หลี่จิ่วเต้าเห็นแล้วก็นึกสงสาร รีบอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมา
จิ้งจอกขาวยังคงมีท่าทีเยือกเย็น อยู่ริมสุดของกลุ่มคน
“คุณชาย ๆ สุนัขขาวตัวนี้เลวทรามนัก มันคิดจะหลอกล่อจิ้งจอกทั้งสองตัว เห็นว่าจิ้งจอกทั้งสองไม่ติดกับ จึงคิดลักพาตัวจิ้งจอกทั้งสองไป! ยังดีที่พวกเราไปถึงทันเวลา มิฉะนั้น สุนัขขาวตัวนี้คงสมดั่งปรารถนาไปแล้ว!”
อ้ายฉานชี้ไปยังสุนัขขาวพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
เป็นเช่นนี้นี่เอง
มิน่า จิ้งจอกน้อยถึงเศร้าเสียใจถึงเพียงนี้
สายตาหลี่จิ่วเต้าเย็นเยียบลงในบัดดล จิ้งจอกน้อยน่ารักขนาดนี้ เขายังทนให้จิ้งจอกน้อยต้องเศร้าเสียใจมิได้! เจ้าสุนัขขาวตัวนี้กลับสร้างความเสียใจให้จิ้งจอกน้อยถึงเพียงนี้ โทสะปะทุขึ้นในใจของเขา
“คืนนี้เราจะกินหม้อไฟเนื้อสุนัขกัน!”
เสียงของเขาเย็นชา ไข่มุกคุมวารีเปล่งประกายแวววับ สายฝนหยุดชะงักทันใด
จากนั้น ฝนเม็ดหนึ่งร่วงหล่นลงจากนภา
เม็ดฝนเพียงหนึ่งหยด ขนาดเท่าเม็ดข้าวเท่านั้น สุนัขขาวกลับกลัวจนขนลุกขนชัน วิญญาณใกล้แตกสลาย!
มันรับรู้ถึงจิตสังหารไร้ขอบเขตที่ถาโถมใส่มัน อัดแน่นจนมันหายใจไม่ออก กระทั่งจะปริปากพูดยังทำมิได้ สายตาเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง
ติ๋ง!
เม็ดฝนหยดลงบนตัวสุนัขขาว เสียงดังตึง ร่างมโหฬารของสุนัขขาวล้มลงพื้น เม็ดฝนซึมเข้าไปในหัวของมัน ขจัดวิญญาณของมันในพริบตา ตัดขาดพลังชีวิตทั้งหมดของมัน
สุนัขขาวระดับจักรพรรดิเซียน กลับต้องตายลงอย่างสิ้นเชิง ณ ที่นี่!
หลี่จิ่วเต้าเก็บธงฮุ่นเยวียนและไข่มุกคุมวารี
นึกในใจไปว่า อาวุธของผู้ฝึกตนนี่เชื่อมถึงวิญญาณได้ดีจริง ๆ ยามใช้ก็คล่องมือยิ่งนัก อย่างเช่นเมื่อครู่ เขาควบคุมมิให้พลังในเม็ดฝนปะทุได้ และสามารถบังคับให้ฝนหยุดได้ตามต้องการ ทั้งยังบงการให้เม็ดฝนปะทุพลังออกมาเพียงหนึ่งหยดได้ด้วย
ที่ทำไปนั้น ก็เพื่อคงร่างของสุนัขขาวไว้ให้ได้มากที่สุด หากปล่อยให้พลังเม็ดฝนปะทุออกมาเต็มกำลัง คงไม่เหลือชิ้นส่วนของสุนัขขาวอีก
“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว แต่ต่อจากนี้เจ้าเองก็ต้องรู้จักเข้มแข็งขึ้นบ้าง”
หลี่จิ่วเต้าลูบศีรษะเล็ก ๆ ของจิ้งจอกน้อย ปลอบประโลมเสียงแผ่ว “ใต้หล้านี้โหดร้ายนัก มีเพียงจิตใจของตนนั้นแข็งแกร่งพอ จึงจะมีที่ยืนในใต้หล้านี้ได้ เจ้าต้องเติบโตขึ้นกว่านี้”
จิ้งจอกน้อยพยักหน้าหงึกหงักในอ้อมกอดคุณชาย รับฟังคำสอนสั่งจากคุณชาย
หลี่จิ่วเต้าเห็นดังนั้น คิดว่าจิ้งจอกช่างเป็นสัตว์ที่ฉลาดยิ่ง ดูเหมือนฟังวาจาของเขารู้เรื่องจริง ๆ
เขาหันมองจิ้งจอกขาวในมุม ดูเหมือนจิ้งจอกขาวจะไม่เป็นไร สีหน้ายังคงเป็นเช่นเดิม ไม่ต้องการคำปลอบโยนแต่อย่างใด
กระนั้น เขายังเดินเข้าไปเอ่ยถาม “ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไป หมายจะลูบหัวจิ้งจอกขาว
จิ้งจอกขาวนึกต่อต้าน หดหัวตามสัญชาตญาณ ทว่าสุดท้าย นางก็ยื่นศีรษะเข้าไป ปล่อยให้มือของหลี่จิ่วเต้าสัมผัสกับศีรษะของนาง
หัวใจนางสั่นไหว ผ่านมาตั้งหลายปี นางยังมิเคยถูกมนุษย์คนใดสัมผัสเช่นนี้มาก่อน หลี่จิ่วเต้าคือคนแรก
ชายหนุ่มรู้ว่าจิ้งจอกขาวยังต่อต้านอยู่บ้าง เขาลูบเพียงสองทีก็ชักมือกลับ สำหรับเขา เท่านี้ก็พอแล้ว ความต่อต้านนี้จำต้องค่อยเป็นค่อยไป รีบร้อนมิได้
“เก็บกวาดเข้า วันนี้พวกเรามีหม้อไฟเนื้อสุนัขกิน!”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม บอกให้พวกลั่วสุ่ยไปยกโต๊ะเก้าอี้บนรถลากออกมา เตรียมกินหม้อไฟกันข้างนอก
“ได้”
ลั่วสุ่ยพยักหน้ารับ ไปเตรียมการกับพวกเซี่ยเหยียน
ส่วนตัวเขาเริ่มจัดการสุนัขขาว
เวลานั้นเอง หยวนอีและจักรพรรดินีมาถึงที่นี่
นับแต่หยวนอีแยกจากต้นหลิว นางก็ใช้ศาสตราสื่อสารติดต่อเซี่ยเหยียน จนได้รู้ตำแหน่งของคุณชาย
นางจึงพาจักรพรรดินีมุ่งหน้ามาที่นี่
“คุณชาย!”
นางร้องเรียกเสียงหวาน รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า
หลี่จิ่วเต้าหันกลับไป เห็นว่าเป็นหยวนอีจึงเอ่ยยิ้ม ๆ “เจ้าตามมานี่ได้อย่างไร”
เขาปีติขึ้นมาในใจเล็กน้อย เขาเคยให้หยวนอีไปตามหาร่องรอยของซี บัดนี้หยวนอีตามมาที่นี่ เพราะได้ข่าวคราวของซีแล้วหรือ
“ข้าได้พบบุคคลที่คุณชายเคยเอ่ยว่าอยากพบ จึงพานางมาพบคุณชาย”
หยวนอีกล่าว “น่าเสียดาย เรื่องที่คุณชายสั่งให้ข้าทำข้ายังไม่สำเร็จ ข้ายัง…หาตัวซีไม่พบ แต่คุณชายโปรดวางใจ ข้าจะตามหาต่อไป จนกว่าจะพบนาง!”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
หลี่จิ่วเต้าเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ทว่ายามเขาได้ยินหยวนอีเอ่ยว่ายังหาไม่พบ ก็ยังรู้สึกผิดหวังอย่างอดมิได้
เขาคิดถึงซีเหลือเกิน…
ทว่าก็มิได้แสดงอารมณ์เช่นนั้นออกไป
เขาไม่ต้องการให้หยวนอีกดดันมากนัก ถึงอย่างไร หยวนอียอมช่วยตามหาซีนับว่าดีมากแล้ว
“หืม บุคคลที่ข้าเคยอยากพบ คนผู้นี้หรือ”
หลี่จิ่วเต้าหันมองจักรพรรดินีอีกด้านช้า ๆ พร้อมเอ่ยถามออกไป
นิยายจีนหลายเรื่องมีฉากกินหมาอีกแล้ว