บทที่ 663 หากว่าคุณชายมิใช่ผู้ชี้ขาดแห่งแดนบรรพโกลาหล ข้าไม่เชื่อแน่!
หลี่จิ่วเต้าหันมองจักรพรรดินี
จักรพรรดินีสง่างามยิ่ง ความงามหยั่งผู้บรรลุวัยเปล่งปลั่งไปทั้งตัว นางมีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวผ่องสุกใส ผมดำยาวสยายปรกบ่า ดวงตาสองข้างเจือแววลึกล้ำ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
นางคือสตรีงามพิลาสนางหนึ่ง!
“สวัสดีคุณชาย”
จักรพรรดินีคำนับคุณชายด้วยท่วงท่าสุภาพ
เป็นท่านผู้นั้นจริง ๆ!
หลังนางได้พบคุณชายก็แน่ใจได้ทันที ความทรงจำเกี่ยวกับท่านผู้นั้นลึกซึ้งยิ่งนัก แค่ได้เห็นแผ่นหลังของคุณชาย นางก็จำได้ว่าคุณชายก็คือท่านผู้นั้น
“สวัสดี”
หลี่จิ่วเต้าตอบ ในใจใคร่รู้เป็นหนักหนา
หยวนอีเอ่ยว่านี่คือบุคคลที่เขาเคยอยากเจอ เหตุใดเขาถึงนึกไม่ออกว่าใคร?
“คุณชาย ท่านผู้นี้คือผู้รังสรรค์กระถางดอกไม้ที่ข้าได้นำไปให้คุณชาย”
หยวนอีแนะนำ
ผู้รังสรรค์กระถางดอกไม้เหล่านั้นหรือ
หลี่จิ่วเต้านึกได้
เขาชื่นชอบกระถางดอกไม้เหล่านั้นมากจริง ๆ
กระถางดอกไม้เหล่านั้นถูกประดิษฐ์ขึ้นด้วยความประณีตบรรจง ฝีมือของผู้รังสรรค์เยี่ยมยอดถึงขีดสุดอย่างเห็นได้ชัด ทั้งอักษรและภาพวาดประกอบบนกระถางดอกไม้ต่างสะท้อนให้เห็นถึงความปราดเปรื่องของผู้รังสรรค์
ไม่ว่าด้วยด้านไหน กระถางดอกไม้เหล่านี้ล้วนถือเป็นของล้ำเลิศ แต่หากเพียงแค่นั้น เขาคงไม่ชื่นชอบถึงปานนั้น
เขาชอบความเสียใจเสียดายเสี้ยวหนึ่งที่แฝงอยู่บนกระถางดอกไม้
แม้นความสมบูรณ์แบบนั้นประเสริฐ กระนั้นบางครั้งสมบูรณ์แบบเกินไปรังแต่จะสูญเสียความงาม เขาชอบความรู้สึกที่มีบางอย่างให้เสียดายเช่นนี้
เขาสัมผัสถึงความเสียใจเสียดายได้จากกระถางดอกไม้ ยามผู้รังสรรค์ประดิษฐ์กระถางดอกไม้เหล่านี้ขึ้น ความเสียใจเสี้ยวหนึ่งนั้นแสดงอยู่บนกระถางดอกไม้ด้วย
ต่อมา เขาเคยสนทนาถึงกระถางดอกไม้เหล่านี้กับหยวนอี และเคยเอ่ยวาจาสื่อความหมายว่าอยากพบหน้าผู้รังสรรค์กระถางดอกไม้สักครา
ทว่าเขาในตอนนั้นเพียงคิดไปอย่างนั้น ไม่คิดว่าจะได้พบผู้รังสรรค์กระถางดอกไม้จริง ๆ
ถึงอย่างไร กระถางดอกไม้เหล่านี้แฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายแห่งความโชกโชน เห็นได้ชัดว่ามิใช่ของจากยุคสมัยนี้ เขาคิดว่าผู้รังสรรค์ได้ตายจากไปนานแล้ว
แต่บัดนี้ลองคิดดูแล้ว เขาในตอนนั้นจำกัดกรอบความคิดตนเองไปหน่อย คิดว่าผู้รังสรรค์กระถางดอกไม้เป็นปุถุชนธรรมดาเฉกเช่นเดียวกับเขา ย่อมมิอาจอยู่ได้นาน
แต่สตรีงามพิลาสตรงหน้ากลับยังอยู่ในวัยสะพรั่ง ไม่เห็นแววแก่ชราแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง
อายุขัยของผู้ฝึกตนยาวนานยิ่งนัก
“สวัสดีคุณชาย!”
ตอนนั้นเอง จักรพรรดินีพลันเอ่ยขึ้น “กระถางดอกไม้ฝีมือข้าเข้าตาท่านได้ นับเป็นเกียรติยศสูงสุดของข้า ข้าได้ยินจากหยวนอีว่าท่านอยากพบข้า จึงรีบร้อนตามหยวนอีมาหาท่าน”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม “พูดเกินไปแล้ว”
เขานึกในใจว่า สำนักไท่หัวเก่งกาจสุดยอดไปเลย
จักรพรรดินีเกรงอกเกรงใจเขาปานนี้ เกรงว่าเกี่ยวเนื่องกับที่เขาสนิทสนมกับเซี่ยเหยียน
หวนนึกถึงครั้งอดีต หยวนอีตั้งใจมาหาเขา เอาอกเอาใจเขา เพื่อให้เข้าถึงเซี่ยเหยียน สถานะของสำนักไท่หัวในโลกแห่งการฝึกตนมิได้ต้อยต่ำเลยจริง ๆ
“พวกเจ้ามาได้ประจวบเหมาะ เรามากินหม้อไฟเนื้อสุนัขด้วยกันเถิด หลังกินหม้อไฟเนื้อสุนัขเสร็จแล้ว ค่อยสนทนากันต่อ” ชายหนุ่มบอก
เย็นมากแล้ว หากไม่รีบจัดการสุนัขขาวตัวนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้กินหม้อไฟนี้เสียที
“ได้!”
ได้ยินว่าคุณชายบอกจะกินหม้อไฟเนื้อสุนัข หยวนอีกลืนน้ำลายอย่างอดมิได้ สายตาเปี่ยมไปด้วยความตั้งตารอ
นางรู้ดีว่าฝีมือคุณชายยอดเยี่ยงเพียงใด อาหารที่คุณชายปรุงอร่อยขนาดไหน วันนี้นางมาได้พอดีจริง ๆ
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน…
เป็นเพียงความบังเอิญจริงหรือ
หยวนอีคิดในใจอย่างอดมิได้
นางรู้สึกว่าเหตุการณ์เหล่านี้อาจมิใช่เรื่องบังเอิญ เป็นความตั้งใจของคุณชาย
คุณชายรู้อยู่ก่อนแล้วว่านางจะพาจักรพรรดินีมา ถึงได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า เพื่อเป็นรางวัลแก่นาง
ใช่แล้ว!
ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ๆ!
นางคิดในใจ คุณชายไม่ปล่อยให้ผู้เป็นธุระให้ต้องเสียเปรียบจริง ๆ!
หม้อไฟเนื้อสุนัขมื้อนี้หาใช่หม้อไฟเนื้อสุนัขดาษดื่น หากแต่เป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงสูงสุด!
จักรพรรดินีเห็นท่าทางตื้นตันตั้งตารอของหยวนอีแล้วฉงน
แค่หม้อไฟเนื้อสุนัขมื้อหนึ่งเท่านั้น จำเป็นต้องตื้นตันปานนี้เชียวหรือ
จะอร่อยเท่าใดแล้วอย่างไร
ถึงแม้นางยังมิสู้จะเข้าใจนักว่าหม้อไฟที่ว่าคือสิ่งใด
นางหันไปมองสุนัขขาวด้วยความใคร่รู้
เมื่อครั้งเพิ่งมาถึง นางเพ่งความสนใจไปที่คุณชาย ไม่ทันได้สังเกตสุนัขขาวตัวนั้น
ยามนางได้เห็นสุนัขขาว ก็เกือบร้องออกมา!
สุนัขระดับจักรพรรดิเซียน!
แม้ว่านางจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ได้เห็นภาพการณ์น่าสะท้านมามหาศาล ยามนี้ก็ยังเป็นต้องตะลึงไปโดยสิ้นเชิง!
หม้อไฟเนื้อสุนัขที่คุณชายหมายถึง คือจะกินสุนัขระดับจักรพรรดิเซียนหรือนี่!!!
ซ้ำนี่ยังมิใช่สุนัขจักรพรรดิเซียนธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด!
เป็นที่ชัดเจนว่าสุนัขขาวเพิ่งตายไปได้ไม่นาน จังหวะแห่งเต๋าระดับจักรพรรดิเซียนยังหลงเหลืออยู่บนตัว นางเคยได้พบจักรพรรดิเซียนในภพเซียนมาก่อน เป็นจักรพรรดิเซียนระดับตำนาน
แต่แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนระดับตำนานเหล่านั้น เมื่อเทียบกับสุนัขขาวตัวนี้แล้วยังห่างชั้นกันมากนัก!
นางยังรู้สึกอีกว่าสุนัขขาวตัวนี้ก้าวพ้นขอบเขตจักรพรรดิเซียนไปข้างหนึ่ง มุ่งสู่ขอบเขตที่สูงกว่านั้นแล้ว!
จังหวะแห่งเต๋าระดับจักรพรรดิเซียนที่แผ่ซ่านออกจากตัวสุนัขขาวเหนือกว่าจักรพรรดิเซียนระดับตำนานเหล่านั้นหลายเท่า อาจแตะถึงขอบเขตที่สูงกว่านั้นได้แล้วจริง ๆ
ตอนนี้ นางเข้าใจได้เสียทีว่าเหตุใดหยวนอีถึงตื้นตันตั้งตารอถึงเพียงนั้น!
หม้อไฟที่มีวัตถุดิบเป็นสุนัขจักรพรรดิเซียน ขอถามหน่อยเถิดในใต้หล้านี้ ผู้ใดจะไม่ตื้นตันบ้าง!
นางเองก็ตื้นตันตั้งตารอขึ้นมาเหลือคณา!
“นี่เจ้าค่ะคุณชาย!”
อีกด้าน ลั่วสุ่ยเตรียมเครื่องมีดชนิดต่าง ๆ สำหรับจัดการสุนัขขาวไว้ให้คุณชายเรียบร้อยแล้ว พร้อมยื่นไปให้
“ดี”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า ดึงมีดเล่มหนึ่งที่ใช้ลอกหนังเลาะกระดูกออกมา
จากนั้น เขาลงมือจัดการสุนัขขาว
ปลายมีดกรีดผ่าน คมกล้าไร้ใดเปรียบ เนื้อหนังของสุนัขขาวเปิดออกอย่างง่ายดาย จักรพรรดินีทึ่งยิ่งนัก กายเนื้อระดับจักรพรรดิเซียนกลับเปราะบางราวกระดาษเมื่ออยู่เบื้องหน้าคุณชาย ฝีมือระดับนี้น่าสะท้านเป็นที่สุด พลิกผันโลกทัศน์ในใจนาง!
ระหว่างทาง นางได้ยินวีรกรรมต่าง ๆ ของคุณชายจากหยวนอีมามาก กระนั้นแล้ว หาได้ชวนตะลึงเท่าเห็นกับตาตัวเองไม่
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดหลังจากพลังนอกภพเซียนได้พบคุณชายก็กลัวจนเหมือนเต่าหัวหด มิกล้าอยู่ตรงหน้านั้นต่อแม้แต่เสี้ยวอึดใจ ต้องรีบหดพลังทั้งหมด มิกล้าปล่อยให้รั่วไหลออกไปแม้แต่น้อย
จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร!
กำลังรบอย่างสุนัขขาวซึ่งทรงพลังกว่าจักรพรรดิเซียนระดับตำนานเมื่อเจอกับคุณชายยังเป็นได้เพียงวัตถุดิบอาหาร ไม่กลัวสิแปลก!
“!!!”
หลังจากนั้น จักรพรรดินีได้เห็นฉากที่น่าสะท้านยิ่งขึ้น
นางได้เห็นกระไร
น้ำที่คุณชายใช้ชะล้างเครื่องมีด อัศจรรย์สูงส่งยิ่งกว่าน้ำสวรรค์ที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานในตระกูลเซียวเสียอีก!
น้ำสวรรค์ จากที่นางได้รู้มา คล้ายจะเป็นน้ำสูงส่งที่บรรพจารย์ตระกูลเซียวได้จากแดนบรรพโกลาหล สรรพคุณวิเศษวิโส!
ต่อให้เป็นผู้นำตระกูลยังไม่มีสิทธิ์ใช้น้ำสวรรค์เยี่ยงนี้แม้เพียงหยดเดียว ได้แต่ใช้น้ำสวรรค์ที่ละลายน้ำไปแล้วตั้งไม่รู้กี่เท่า
ตระกูลเซียวให้ความสำคัญกับน้ำสวรรค์นี้ยิ่งกว่าชีวิตของพวกเขาเสียอีก!
ทว่ากับคุณชายเล่า น้ำสูงส่งวิเศษที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าน้ำสวรรค์หนึ่งกะละมังใหญ่ เป็นเพียงน้ำที่ใช้ล้างเครื่องมีด…
ความต่างชั้นช่างชัดเจนเหลือเกิน!
‘หากว่าคุณชายมิใช่ผู้ชี้ขาดแห่งแดนบรรพโกลาหล ข้าไม่เชื่อแน่!’
นางคิดในใจอย่างอดมิได้