บทที่ 664 สามหญิงงามเข้าไปในห้องหลี่จิ่วเต้าพร้อมเพรียง เอนกายลงบนเตียงของหลี่จิ่วเต้า!
สีหน้าจักรพรรดินีแฝงไว้ด้วยหลากหลายอารมณ์ นางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าขั้นตอนชำแหละง่าย ๆ กลับสร้างความตะลึงให้นางได้ใหญ่หลวงปานนี้!
นี่หรือคือชีวิตของผู้ชี้ขาดสูงสุด
นางมิกล้าจินตนาการต่อจริง ๆ!
“นี่เป็นเรื่องปกติ”
ด้านข้าง หยวนอีบอกเสียงเบา
นางรู้ดีว่าการได้เห็นภาพการณ์เช่นนั้นครั้งแรกน่าตะลึงเพียงใด เมื่อครั้งอดีต นางเองก็เป็นเช่นนี้
ต่อให้จักรพรรดินีมีฐานะสูงส่ง แต่เมื่อเจอกับคุณชายก็ยังไม่ถึงขั้นเปรียบได้
นี่ก็คือคุณชาย
ยิ่งคนที่เก่งกาจเท่าไร ยิ่งรับรู้ถึงความน่ากลัวของคุณชาย…
“เข้าใจแล้ว”
จักรพรรดินีตอบเสียงเหนื่อยอ่อน
นางในวันนี้ต่างจากนางในอดีตยิ่งนัก
นางในอดีตแข็งกร้าวไร้เทียมทาน มีชีวิตต่อไปได้ชาติภพแล้วชาติภพเล่า เป็นตำนานเล่าขานของปวงชนในใต้หล้า!
ต่อมา นางฝ่าเข้าไปถึงภพเซียนด้วยกำลังของตน บรรลุเป็นเซียน ซ้ำยังเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงของหมู่เซียน จ้าวแห่งเซียนสูงสุดยังมิกล้าต่อสู้ตัวต่อตัวกับนาง
แต่เมื่อเจอกับคุณชาย นางเสมือนผู้ฝึกตนละอ่อนเพิ่งรู้ประสา พบเห็นสิ่งใดก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด อึ้งงันไปหมด…
‘ข้าก็จนปัญญา คุมอารมณ์ไม่อยู่เลย!’
จักรพรรดินีเอ่ยในใจอย่างอดไม่ได้ นางคุมอารมณ์มิได้จริง ๆ ภาพที่ได้เห็นนั้นน่าทึ่งเกินไป เกินกว่าที่นางคาดเอาไว้มาก
หลี่จิ่วเต้าชำแหละได้รวดเร็วอย่างยิ่ง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ไปแล้ว ต่อให้เนื้อตัวสุนัขขาวมโหฬาร ก็มิสู้ความช่ำชองของเขา เพียงไม่นาน เขาก็ชำแหละสุนัขขาวเสร็จ
เนื้อเยอะเกินไป มื้อเดียวกินไม่หมดแน่นอน โดยเฉพาะครั้งนี้ยังเลือกกินเป็นหม้อไฟ ยิ่งไม่อาจกินเนื้อได้มากขนาดนั้นเป็นแน่
เขาบอกให้ลั่วสุ่ยนำเนื้อสุนัขส่วนใหญ่ไปเก็บในตู้เย็น เหลือเนื้อสุนัขไว้เพียงส่วนเล็กแล้วเริ่มการตุ๋นเป็นแกงหม้อไฟ
ผ่านไปไม่นาน กลิ่นหอมของเนื้อสุนัขโชยชายออกมา พวกอ้ายฉานน้ำลายสอกันถ้วนหน้า ต้าเต๋อท่องพระนาม ‘อามิตาพุทธ’ ไม่หยุด เพื่อระงับน้ำลายของเขาที่ไหลออกมา
น่าเสียดาย เขาระงับไม่อยู่เลยสักนิด น้ำลายไหลย้อยหยดไปทั่วตัว
“หอมปานนี้เชียว?”
จักรพรรดินีก็กลั้นมิไหว น้ำวาววามไหลออกจากมุมปาก
เดิมนางคิดว่าที่หยวนอีตั้งตารอการกินหม้อไฟเป็นเพราะเนื้อสุนัขที่ว่า คือเนื้อสุนัขระดับจักรพรรดิเซียน ได้กินแล้วจักได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงสูงส่ง
แต่บัดนี้นางเข้าใจแล้วอย่างถ่องแท้ เหตุผลที่หยวนอีตั้งตารอมิใช่เพียงเพราะนั่นเป็นเนื้อสุนัขระดับจักรพรรดิเซียน หากแต่เป็นเพราะหม้อไฟเนื้อสุนัขอร่อยอย่างยิ่งยวด!
“ตอนนี้ข้าอยากกลับไปแล้ว ทรมานเหลือเกิน…”
อีกด้าน ก้อนหินร่ำไห้ซมซานในใจ
ที่ว่าได้ออกมากับคุณชายนั้นยอดเยี่ยมทุกอย่าง มีเพียงอย่างเดียวที่ไม่ดี
นั่นคืออาหารของคุณชายหอมกรุ่นเกินไป!
ทุกครั้งที่ถึงเวลากินข้าว มันมักอยากกินจนทนแทบไม่ไหว อยากเข้าไปกัดสักหนึ่งคำน้อย ๆ
อนิจจา มันเป็นเพียงหินก้อนหนึ่ง จะมีส่วนสำหรับมันที่ไหน
แต่ละครั้งมันต่างต้องอดกลั้นด้วยความทุกข์ทน
ระยะหนึ่งผ่านไป เนื้อสุนัขตุ๋นเสร็จแล้ว ด้านลั่วสุ่ยก็ล้างผักสดต่าง ๆ ไว้แล้วเรียบร้อย สีหน้าจักรพรรดินีเปลี่ยนไปอีกครั้ง พวกเขาจะกินผักเช่นนี้หรือ
ต่อให้นำโอสถเซียนล้ำค่าที่สุดในตระกูลเซียวออกมา ก็มิอาจเทียบได้กับใบเพียงหนึ่งใบของผักเหล่านี้!
นี่หรือคือชีวิตสมถะไม่ฟุ่มเฟือยของผู้ชี้ขาดสูงส่ง
นางไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเอื้อนเอ่ยด้วยคำใด
หม้อไฟร้อนกรุ่นเช่นนี้ย่อมต้องกินคู่กับสุรา ประกอบกับได้พบผู้เปี่ยมความสามารถอย่างจักรพรรดินี หลี่จิ่วเต้าตั้งใจจะดื่มให้หนำใจ
“ดื่มสุราหรือไม่” เขาถามจักรพรรดินี
“ดื่ม” จักรพรรดินีพยักหน้าตอบ
ที่นางเอ่ยไปนั้นคือความจริง ในอดีต นางดื่มสุราอยู่บ่อย ๆ เพราะเหงา
นับแต่ท่านอาจารย์ตายไป นางก็เหลือตัวคนเดียว มีชีวิตอยู่ต่อไปภพชาติแล้วภพชาติเล่าแล้วอย่างไร นางก็ยังมีแต่ตัวเองเท่านั้น
ข้างกายนางจึงมีสุราเพิ่มเข้ามา
และหลังจากนางได้เข้าไปในภพเซียน ก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ ความเหงานั้นทวีคูณ
นางดื่มสุราบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ
มีเพียงยามเมา จึงจะเป็นช่วงเวลาที่นางผ่อนคลายที่สุด
“ดี”
หลี่จิ่วเต้ารินสุราจอกหนึ่งให้จักรพรรดินี และรินสุราจอกหนึ่งให้ตนเอง ก่อนจะร่วมดื่มกับจักรพรรดินี
ดื่มสุราเป็นหรือไม่ เขามองออกในปราดเดียว จักรพรรดินีดื่มสุราเป็นจริง ๆ เหล้าทั้งจอกดื่มลงไปรวดเดียวอย่างนั้น ไม่มีหน้าแดงด้วยซ้ำ
“ใช้ได้!”
เขาคลี่ยิ้ม ดื่มกับจักรพรรดินีอีกจอก
ความเมาทำให้เสียเรื่อง ซ้ำข้างกายยังมีหญิงงามอยู่มากมายเพียงนี้ หลี่จิ่วเต้าจดจำข้อนี้ไว้แม่น แม้จะตั้งใจดื่มให้หนำใจ กระนั้นก็ยังมีขอบเขตอยู่
หากดื่มจนเมาจริง ๆ ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง!
เขามิกล้าดื่มจนเมาไม่ได้สติอีก
หม้อไฟมื้อนี้กินกันอย่างสำราญ พวกต้าเต๋อ อ้ายฉาน ต่างกินจนปากมันแผล่บ จักรพรรดินีก็กินอย่างไม่สนภาพพจน์ ช่วยไม่ได้ ผู้ใดใช้ให้หม้อไฟอร่อยปานนี้!
นอกจากนี้ นางยังสัมผัสได้ว่าพลังด้านต่าง ๆ ในกายนางยกระดับขึ้น มีพลังมหาศาลลงท้องไปพร้อมกับเนื้อสุนัข เข้าไปในตัวนาง
นี่มันพลังกระไร?
นางสะท้านใจ พลังนี้เหนือกว่าพลังเซียนไปมาก นางไม่คลางแคลงเลยว่า หากนางหลอมละลายพลังทั้งหมดในร่างได้ นางจะบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียนได้ง่ายดาย!
จักรพรรดิเซียนเชียวนะ!
เป็นขั้นสูงสุดในขอบเขตเซียน ภพเซียนไม่ถูกกาลเวลาแทรกแซง สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงต่อไปได้เรื่อย ๆ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็มิมีสิ่งมีชีวิตที่บรรลุถึงขั้นจักรพรรดิเซียนได้มากมายนัก
และนางกินหม้อไฟไปเพียงมื้อเดียวเท่านั้น ก็มองเห็นเส้นทางบรรลุสู่จักรพรรดิเซียนแล้ว จะให้บรรยายความสะท้านใจนี้ออกมาเป็นวาจาได้อย่างไร!
อย่างที่คิด เมื่ออยู่เบื้องหน้าผู้ชี้ชะตาเยี่ยงนี้ ขอบเขตพลังอะไรนั่นเป็นเพียงสิ่งกลวง ๆ หาได้มีความสลักสำคัญ
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าเห็นจักรพรรดินีสวาปามอย่าง ‘บ้าคลั่ง’ แล้ว อดสะท้อนใจมิได้
ผู้ฝึกตนก็ใช่ว่าจะดีไปเสียทุกอย่าง รู้แต่เรื่องบำเพ็ญ จนขาดความบันเทิงไปตั้งมากมาย
หากมิใช่เช่นนั้น เหตุใดผู้ฝึกตนซึ่งประสบความสำเร็จอย่างจักรพรรดินีถึงยังสวาปามอย่าง ‘บ้าคลั่ง’ เพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้จักรพรรดินีมัวแต่ตรากตรำฝึกฝน มิได้กินของอร่อยเท่าใด
ยังดีที่เขาเหลือเนื้อสุนัขอยู่ไม่น้อย ต่อให้จักรพรรดินีกินเก่งปานใดก็พอ
อาหารมื้อนี้กินกันอย่างมีความสุข หลี่จิ่วเต้าตั้งใจคุมปริมาณสุราที่กิน ทว่าท้ายที่สุดก็คุมไม่อยู่
การดื่มสุรานั้นมิอาจควบคุมได้ ประโยคนี้มิใช่แค่พูดไปอย่างนั้นจริง ๆ!
“ข้ากลับไปนอนก่อน! พวกเจ้ากินกันเถิด!”
หลี่จิ่วเต้าเริ่มรู้สึกถึงความเมา กลัวจะเข้าห้องผู้อื่นผิดเหมือนคราวก่อน เขามิกล้าดื่มต่อ รีบกลับไปที่รถลาก เข้าไปในห้องของตน
เขายังตั้งใจตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นห้องของเขาจริง ๆ เขาถึงเอนกายหลับบนเตียง
อนิจจา ตัวเขามีสติรู้ตัว ทว่าผู้อื่นไม่!
ลั่วสุ่ยกลับมาเป็นคนแรก นางสะลึมสะลือเข้าไปในห้องของคุณชาย ล้มหัวคะมำลงบนเตียงของคุณชาย แล้วขดตัวอยู่ในอ้อมอกคุณชาย ทั้งยังนอนหนุนแขนคุณชายอีกด้วย
จากนั้น นางคลี่ยิ้มอ่อนหวานออกมา หลับไปเสียสนิท
“ลั่วสุ่ย เจ้ารอก่อน…ข้ามีเรื่องต้องพูดกับเจ้า!”
เซี่ยเหยียนตามไปติด ๆ กลัวว่าลั่วสุ่ยจะลอบเข้าห้องคุณชายเหมือนคราวก่อน จึงรีบร้อนไล่ตามเข้ามา
ลั่วสุ่ยเข้ามาถึงห้องคุณชายได้ไม่ทันไร นางก็ตามมาถึง
“เจ้าเข้ามาจริง ๆ ด้วย!”
เซี่ยเหยียนเอ่ยเสียงขุ่นเคือง คิดอยากลากลั่วสุ่ยขึ้นมา ทว่านางเมาเกินไป ไม่ทันได้ออกแรงดึงลั่วสุ่ย ก็ล้มลงบนเตียงของคุณชายเสียก่อน
จากนั้น นางก็ผล็อยหลับไป
“พวกเจ้าสองคนอย่าได้ตีกันอีก!”
หลิงอินเข้ามาถึง กลัวเหลือเกินว่าเซี่ยเหยียนและลั่วสุ่ยผู้เมามายจะทะเลาะกันอีก นางจึงตามเข้ามาในห้องของคุณชายด้วย
ทว่าทันทีที่นางเข้ามาในห้องคุณชาย ก็ล้มตัวลงบนเตียงคุณชายทันที