ตอนที่ 691 แผนการของหลินม่าย(1)
เมื่อฟางจั๋วเยวี่ยและหลินม่ายกลับมาถึงบ้าน ป้าพี่เลี้ยงก็ได้เตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว ฟางจั๋วหรานเองก็กลับมาในช่วงเวลาเดียวกัน
ทั้งครอบครัวกำลังรอหลินม่ายและฟางจั๋วเยวี่ยกลับมารับประทานอาหารเย็น
เนื่องจากวันนี้มีฟางจั๋วเยวี่ยที่มาในฐานะแขก ป้าพี่เลี้ยงจึงปรุงอาหารอย่างดีทั้งหมด แต่เมื่อเทียบกับอาหารในเจียงเฉิงแล้ว ความหลากหลายยังด้อยกว่าเล็กน้อย
เจียงเฉิงเมื่อก่อนหน้านี้มีเนื้อสัตว์และผักให้กินฟรีทุกชนิด
แต่ในเมืองหลวงไม่มีเนื้อให้ฟรี และการหาผักรับประทานก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก
สิ่งนี้ทำให้ฟางจั๋วเยวี่ยไม่พอใจอย่างมากจนกล่าวต่อหลินม่าย “พี่สะใภ้ เธอควรเปิดตลาดผักในเมืองหลวงและขายผักนอกฤดู รวมถึงเนื้อวัว เนื้อแกะ และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์นะ ไม่อย่างนั้นอาหารบนโต๊ะนี้คงจำเจเกินไป”
หลินม่ายเองก็มีแผนนี้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้คิดจะจริงจังในเรื่องนี้
การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรมากกว่ามัธยมปลายและไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หลินม่ายอยู่ในมหาวิทยาลัยหกวันต่อสัปดาห์และเรียนอย่างหนัก เธอเหลือเวลาส่วนตัวแค่วันอาทิตย์เท่านั้น
ในช่วงวันนี้ เธอต้องจัดการกับปัญหาบางอย่างของบริษัทและดูแลครอบครัวของ ดังนั้นจึงไม่มีเรี่ยวแรงมากนักที่จะเริ่มต้นธุรกิจขายผัก
แต่เธอได้คุยกับจ้าวเลี่ยงทางโทรศัพท์แล้วและขอให้เขาส่งคนมารับผิดชอบการเปิดตลาดในเมืองหลวง
นอกจากนี้เธอยังต้องการเนื้อวัว เนื้อแกะ และผักนอกฤดูด้วย
ตอนนี้หลินม่ายพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อส่งมอบงานที่สามารถส่งมอบให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ
เธอได้เสร็จสิ้นการสะสมความมั่งคั่งระลอกแรกและทำให้บริษัท อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยล้าเหมือนเมื่อก่อน
หลินม่ายพูดขณะรับประทานอาหาร “ฉันเองก็อยากมีอิสระในการกินผักและเนื้อวัวเหมือนกัน มาดูกันว่าในช่วงวันปีใหม่จะทำได้หรือเปล่า”
คุณปู่ฟางกล่าว “อยากให้ปู่ไปหาตลาดผักให้ไหม?”
การเปิดฟาร์มผักเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและประชาชน ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อประเทศและครอบครัว ปู่ฟางก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเธอ
หลินม่ายพยักหน้าเห็นด้วย และขอให้คุณปู่ฟางหาตลาดผักขนาดใหญ่ให้เธอ
สภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในปักกิ่งนั้นดีกว่าในเจียงเฉิงมาก ความต้องการผักนอกฤดู เนื้อวัว และเนื้อแกะ รวมถึงเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมต่าง ๆ ย่อมมีมากกว่าอย่างแน่นอน ตลาดผักที่นี่มีขนาดเล็ก และของต้องขาดตลาดแน่
หลังมื้ออาหารเย็น ฟางจั๋วเยวี่ยก็แอบบอกฟางจั๋วหรานเงียบๆ ว่าซูอวี้เจี๋ยลูกพี่ลูกน้องของซูอวี้อิ๋งสร้างปัญหากับพี่สะใภ้ของตนในห้างสรรพสินค้าอีกแล้ว
หลังจากฟางจั๋วหรานฟังจบ เขาก็ขับรถจี๊ปออกไป
คุณย่าฟางเอ่ยถามถึงสถานที่ที่เขาจะเดินทางไป เขาตอบกลับไปว่ามีธุระในโรงพยาบาลต้องจัดการให้แล้วเสร็จ
เมื่อฟางจั๋วหรานออกไป หลินม่ายกำลังอาบน้ำอยู่
เมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำ ฟางจั๋วหรานก็หายตัวไปนานแล้ว
หลินม่ายนั่งอยู่คนเดียวในห้องและอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิศวกรรมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา ฟางจั๋วหรานก็กลับมาท่ามกลางความหนาวเย็นของต้นฤดูหนาว
หลินม่ายหันมาถามเขา “นี่ก็ดึกแล้ว คุณออกไปไหนมาคะ?”
ฟางจั๋วหรานกล่าวความจริง “บ้านคู่หมั้นของซูอวี้เจี๋ย”
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมคุณไปที่บ้านของเขา? คุณต้องการจะทำอะไรกับผู้ชายของซูอวี้เจี๋ยคะ?”
ฟางจั๋วหรานถอดเสื้อโค้ทออกแล้วแขวนไว้ที่ราวแขวนเสื้อ
เขาเอื้อมมือลูบศีรษะเธอ ทำไมภรรยาของฉันถึงฉลาดขนาดนี้ เธอคิดออกได้อย่างไรว่าฉันวางแผนจะทำร้ายคู่หมั้นของซูอวี้เจี๋ย?!
เขายิ้มอย่างช่วยไม่ได้พลางกล่าว “คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรกัน!
ผมไปบอกคู่หมั้นของซูอวี้เจี๋ยและพ่อแม่สามีในอนาคตของหล่อนว่าซูอวี้เจี๋ยทำให้ภรรยาของผมต้องขุ่นเคือง และตระกูลฟางก็ยอมไม่ได้”
มุมปากของฟางจั๋วหรานโค้งขึ้น “หากว่าที่พ่อสามีของซูอวี้เจี๋ยอาละวาด ตระกูลซูจะต้องสูญเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้ ในอนาคตจะไม่มีใครเลือกให้พ่อของหล่อนเป็นผู้ปฏิบัติงานท้องถิ่นอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่พ่อของซูอวี้เจี๋ยเท่านั้น แต่ผมคิดว่าทั้งครอบครัวซูจะโกรธซูอวี้เจี๋ยและชีวิตของหล่อนในตระกูลซูก็จะไม่ง่าย”
หลินม่ายมองชายตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่ทำร้ายด้วยกำลัง แต่ใช้วิธีทางจิตวิทยาเพื่อทำให้ครอบครัวอีกฝ่ายแตกแยก
คนโง่เท่านั้นที่ใช้กำลัง แต่คนฉลาดมักจะเล่นสงครามประสาท
ผู้ชายคนนี้ไม่ทำธุรกิจและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่กลยุทธ์ของเขากลับบ้าบิ่นยิ่งกว่าใคร
เมื่อเห็นเธอจ้องมองมายังเขาอย่างว่างเปล่า ฟางจั๋วหรานก็ลูบศีรษะของเธออีกครั้ง “ทำไมคุณถึงมองผมแบบนั้นล่ะ?”
หลินม่ายพูดอย่างจริงจัง “ฉันกำลังคิดว่าฉันไม่ควรทำให้คุณโกรธหรือไม่พอใจ ไม่อย่างนั้นฉันคงตกอยู่ในอันตราย”
“เอาล่ะ เลิกคิดมากได้แล้ว” ฟางจั๋วหรานหยิกแก้มที่บอบบางของเธอ “คุณเป็นภรรยาของผม ผมจะปฏิบัติกับคุณแบบนั้นได้ยังไง?”
ทั้งสองอ่านหนังสืออยู่พักหนึ่งจนเวลาเดินทางมาถึงสี่ทุ่ม
หลินม่ายเข้าห้องน้ำและกลับไปที่ห้อง เห็นฟางจั๋วหรานจ้องมองมาราวกับเสือตัวใหญ่จ้องมองกระต่ายสีขาวตัวเล็ก เธอก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะกลัว เพราะไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องตกเป็นทาสรักของฟางจั๋วหรานอยู่ดี
ฟางจั๋วหรานในคืนนี้ไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งทำให้หลินม่ายแทบทนไม่ไหว
หลังจากอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หลินม่ายก็ชกฟางจั๋วหรานอย่างแผ่วเบาพลางพร่ำบ่น “คุณนี่ไม่รู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเลยสินะคะ”
ฟางจั๋วหรานกดเธอพลางบีบคางของหญิงสาวก่อนจะกล่าว “คุณต่างหากที่ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผา ผมยังโกรธไม่หายที่คุณไม่ยอมบอกอะไรผมเลย”
หลินม่ายคิดอย่างรอบคอบ “ฉันไม่เคยปกปิดอะไรจากคุณ!”
ฟางจั๋วหรานจูบเธออย่างหนักที่ริมฝีปาก “ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคุณถูกซูอวี้เจี๋ยรังแก?”
หลินม่ายกระพริบตาปริ่มน้ำของเธอ “จั๋วเยวี่ยได้สอนบทเรียนให้หล่อนแล้ว ฉันยังต้องบอกคุณด้วยเหรอ?”
“ใช่! เพื่อที่ผมจะได้สอนบทเรียนให้หล่อนอีกคน!”
ฟางจั๋วหรานถามเธออีกครั้งอย่างดุดัน “คุณยังกล้าที่จะซ่อนเรื่องราวจากผมอีกในอนาคตอีกไหม?”
เสียงของหลินม่ายดังขึ้นเป็นระยะ “ไม่กล้าแล้ว…”
เมื่อลืมตาตื่นในวันรุ่งขึ้น หลินม่ายรู้สึกราวกับร่างกายของเธอกำลังจะแตกสลาย แม้แต่ผิวพรรณก็ดูซีดเซียวราวกับคนป่วย
เธอกลัวอย่างมากว่าหากคุณปู่และคุณย่าฟางเห็นเธอในสภาพนี้จะเกิดคำถาม
หลังจากอาบน้ำและล้างหน้าแล้ว หลินม่ายจึงจงใจปัดแก้มให้แดงเล็กน้อย ทำให้สีหน้าของเธอดูอ่อนหวานน่าทนุถนอมราวกับดอกไม้ในทันที
หลังอาหารเช้า หลินม่ายไปยังสำนักงาน เธอถามผู้ปฏิบัติงานว่าปัญหาที่ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนให้ร่วมมือได้คืออะไร
ผู้จัดการฝ่ายขายที่รับผิดชอบร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วในเจียงเฉิงกล่าวว่า การร่วมลงทุนในร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วนั้นจำเป็นต้องจ่ายค่าตกแต่งตามแบบ ค่าแฟรนไชส์ และค่าจัดการ นักธุรกิจหลายคนจึงรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า
หากพวกเขาไปที่ถนนฮั่นเจิ้งเพื่อขออนุมัติสินค้าและขายด้วยตัวเองจะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า และพวกเขาสามารถขายในราคาใดก็ได้ตามต้องการ
ผู้จัดการฝ่ายขายแนะนำว่า ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วควรจัดหาสินค้าให้กับร้านค้าแฟรนไชส์เท่านั้น ไม่ขายส่งให้กับบุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระอีกต่อไป สิ่งนี้จะสามารถบังคับให้นักลงทุนร่วมลงมือในธุรกิจมากขึ้น
หลินม่ายปฏิเสธโดยไม่ลังเล
หากเธอทำเช่นนั้นจริงเพื่อให้ร้านแฟรนไชส์เติบโต ชื่อเสียงของร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วจะพังทลาย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หมออย่างโหด เล่นงานแบบน้ำนิ่งไหลลึกมาก แถมเรื่องบนเตียงก็ดุดันไม่เกรงใจใครเหมือนกัน ลูกแฝดต้องมาแล้วไหม
ไหหม่า(海馬)