บทที่ 665 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้าควบคุมตัวเองได้ แต่พวกนางควบคุมตัวเองไม่ได้!’
เตียงใบหนึ่ง นอนกันถึงสี่คน
หลี่จิ่วเต้าคือคนที่ ‘โชคร้าย’ ที่สุดเพราะอยู่เป็นเบาะรองชั้นล่างที่สุด ลั่วสุ่ย เซี่ยเหยียน หลิงอินสามคน ‘แบ่งสรร’ หลี่จิ่วเต้ากันเรียบร้อย
ลั่วสุ่ยขดตัวในอ้อมอกหลี่จิ่วเต้า นอนหนุนแขนหลี่จิ่วเต้า นางมาเป็นคนแรก จึงได้ที่ดี และสบายที่สุด
หลังเซี่ยเหยียนล้มลงบนเตียง ก็รู้สึกไม่สบายตัว เปลี่ยนท่านอนอยู่หลายท่า จนสุดท้ายคนทั้งคนห้อยอยู่บนตัวหลี่จิ่วเต้า โอบคอหลี่จิ่วเต้า ใบหน้าของนางแทบจะแนบกับใบหน้าของหลี่จิ่วเต้าแล้วถึงสบายตัวขึ้นมา เผยรอยยิ้มอ่อนหวาน หลับไปด้วยความปีติ
หลิงอินเข้ามาท้ายสุด จึง ‘อนาถ’ นิดหน่อย หลังล้มตัวลงเตียง ไม่ว่าอย่างไรนางก็หาท่าที่นอนสบายมิได้ บิดซ้ายทีขวาที ท้ายที่สุดก็หาท่าที่สบายเจอ
สิ่งสำคัญคือเซี่ยเหยียนและลั่วสุ่ยสองคนยึดครองร่างกายหลี่จิ่วเต้าไปหลายตำแหน่ง หลิงอินเหลือเนื้อที่ให้ยึดไม่มาก
ทว่านางเป็นถึงจ้าวสูงสุดหญิงแห่งโบราณกาล แม้ในสถานการณ์เมามาย นางก็ยัง ‘แข็งกร้าว’!
หญิงสาวออกแรงดัน เสียบทุกช่องว่างที่เสียบได้ ในที่สุดก็ได้พื้นที่ช่วงแผงอกของหลี่จิ่วเต้าไป หัวเล็ก ๆ หมอบอยู่บนหน้าอกชายหนุ่ม ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนขาของเขา หลับไปอย่างสุขสันต์
หลี่จิ่วเต้าในห้วงนิทรารู้สึก ‘ประหลาด’ ยิ่งนัก เขารู้สึกเหมือนโดนผีอำ ร่างกายหนักอึ้งไปหมด!
ทว่าเขากลับรู้สึกอีกว่าที่ทับอยู่บนตัวเขาเป็นกลุ่ม ‘ผีสาว’ ลมหายใจต่างแฝงไว้ด้วยกลิ่นหอมอ่อนบาง ๆ น่าสูดดม ความรู้สึกที่ทับลงมาก็เต็มไปด้วยความนวลเนียนนุ่มลื่น
ความรู้สึกนี้ต้องนิยามด้วยคำว่าหวานอมขมกลืนจึงจะเหมาะที่สุด
แกร่ก!
เวลานั้นเอง ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงก้าวเข้ามา ดึกมากแล้ว นางเองก็อยากนอน
และก่อนหน้านี้ นางนอนหลับในอ้อมอกคุณชายอยู่ทุกคืน
ทว่าหลังนางเข้ามา ก็ต้องอึ้งจนตาค้าง
นางไม่เหลือตำแหน่งให้อยู่แล้ว!
อย่าว่าแต่ตำแหน่งเดิมของนางเลย ทั้งเตียงนี้ก็ไม่มีพื้นที่ให้นางแล้ว
“ฮือ ๆๆ~”
นางวิ่งร้องไห้ออกไป กระโดดลงจากรถลาก
“เป็นอะไรไป”
จิ้งจอกขาวอยู่นอกรถลาก ยังมิทันได้ขึ้นไป หมอบอยู่ในหลืบซึ่งห่างออกไปไม่ไกล
เห็นจิ้งจอกน้อยร่ำไห้กระโดดลงมา นางก็รีบวิ่งเข้าไปไถ่ถามว่าเกิดอันใดขึ้น
“ที่ที่ข้านอนถูกยึด! พวกนาง…พวกนางทั้งสามคน มีเตียงของตัวเองแท้ ๆ แต่ไม่ไปนอน ต้องมาแย่งที่นอนของข้า ตั้งสามคนยึดไปจนครบทุกพื้นที่ ข้าไม่เหลือที่ให้นอนแม้แต่น้อย”
จิ้งจอกน้อยร่ำไห้ด้วยความอาดูร
จักรพรรดินี หยวนอี อันหลานเสวี่ยเห็นจิ้งจอกน้อยร่ำไห้กระโดดลงมา ก็นึกเหมือนกันว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ต่างหันมองมาที่จิ้งจอกน้อยกันทั้งหมด
และหลังจากได้ยินคำกล่าวของจิ้งจอกน้อยแล้ว พวกนางก็หัวเราะออกมาทันที
สีหน้าจิ้งจอกขาวพลันพิลึกพิลั่นขึ้นมาอย่างอดมิได้
เจ้าจิ้งจอกโง่ พวกนางหาได้อยากแย่งที่นอนของเจ้า พวกนางพุ่งเป้าไปที่คุณชายต่างหาก!
จิ้งจอกน้อยยังทึกทักเอาอย่างใสซื่อว่า พวกหลิงอินสามคนต้องการแย่งที่นอนของนาง!
“เอาล่ะ คืนนี้ทุกคนไม่ต้องขึ้นไปนอนกันหรอก นอนกันข้างนอกนี่แหละ”
จักรพรรดินีดื่มจนเมามายเช่นกัน ทว่านางยังมีสติเหลืออยู่เสี้ยวหนึ่ง จึงเอ่ยต่ออีกประโยค “พวกเราอย่าไปขัดอภิรมย์ของคุณชายเลย”
“ใช่ ๆๆ!”
หยวนอีและอันหลานเสวี่ยดื่มไปไม่เท่าไหร่ เหตุผลหลักเพราะพวกนางคอไม่แข็ง มิกล้าดื่มมาก จึงยังมีสติครบถ้วน สามสาวเฝ้าอยู่ด้านนอกรถลาก ทำหน้าที่ ‘เฝ้าระวัง’
“จักรพรรดินีใช่หรือไม่ มา ๆๆ วันนี้ขอดูหน่อยเถิดว่าเราสองคน ผู้ใดจะเมาหลับไปก่อน!”
ต้าเต๋อติดใจ ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นแดงก่ำ เขาชื่นชอบการดื่มสุราที่สุด ดื่มกับจักรพรรดินีอย่างเปรมปรีดิ์ มาบัดนี้ต้องการดึงจักรพรรดินีไปดื่มกันต่อ
“เณรน้อยผู้นี้ ตัวก็ไม่ได้ใหญ่ คอกลับแข็งเหลือเกิน แต่ข้าไม่แพ้เจ้าแน่นอน ดื่มก็ดื่ม!”
จักรพรรดินีตอบอย่างไม่ยืดยาด เดินมาที่โต๊ะอาหารกับต้าเต๋อ แล้วดื่มสุรากันต่อ
ดึกดื่นบรรยากาศแสนสงบ
ต้าเต๋อกับจักรพรรดินีสองคนเมากันอย่างสิ้นเชิง ฟุบหลับคาโต๊ะ
พวกอ้ายฉานก็ดื่มสุราด้วยนิดหน่อย ต่างคนต่างไปหาที่นอน
ที่ลำบากที่สุดเห็นจะเป็นหยวนอีและอันหลานเสวี่ย
เริ่มแรกยังไม่เท่าไหร่ ทว่าเมื่อเลยเที่ยงคืนไปแล้ว พับผ่าสิ รถลากโยกอย่างรุนแรง ราวกับเกิดแผ่นดินไหวอย่างไรอย่างนั้น ซ้ำยังต่อเนื่องไม่หยุด
หยวนอีและอันหลานเสวี่ยมิใช่สาวน้อยไม่รู้ประสา ทั้งคู่มองหน้ากัน ใบหน้าแดงก่ำในพริบตา บรรยากาศกระอักกระอ่วนนิดหน่อย
“คือว่า…คุณชายก็คือคุณชาย อึดยิ่ง!”
เพื่อทำลายบรรยากาศอันอึดอัดนี้ หยวนอีเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ทว่าทันทีที่พูดจบนางก็ได้สติ นี่นางพูดกระไรออกไป!
เหตุไฉนถึงเอ่ยความในใจออกไป!
“ใช่แล้ว อึดจริง ๆ!”
หารู้ไม่ อันหลานเสวี่ยต่อคำด้วย น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความสะท้อนใจอย่างใหญ่หลวง
นางก็อดเอ่ยความในใจออกมามิได้!
พูดจบ นางก็ได้สติ พลันตัวแดงวาบไปหมด
ชั่วขณะนั้น บรรยากาศกระอักกระอ่วนยิ่งขึ้น!
ทั้งสองมิกล้ามองหน้ากันอีก ต่างเอนศีรษะไปอีกทาง สุดท้าย พวกนางทิ้งตัวนั่งกับพื้น หลับตานั่งสมาธิ
ทว่าพวกนางนั่งสมาธิได้จริง ๆ ที่ไหน เพียงไม่นานรถลากก็สั่นไหวรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง จิตใจทั้งคู่ต่างถูกดึงดูดไป เร่าร้อนแทบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่อาจเข้าฌานได้เลย
รถลากสั่นไหวเป็นระยะตลอดทั้งคืน ซ้ำยังครืดคราดมากอีกด้วย พวกนางอดสะท้อนใจมิได้ คุณชาย ‘คึกคักไม่แพ้พยัคฆ์มังกร’ เลยทีเดียว น่าทึ่งไปเสียหมดทุกอย่าง!
ในที่สุด พวกนางก็อดทนจนถึงเวลาเช้าด้วย ‘ความทุกข์ทน’ แสงแดดยามอรุณสาดส่องลงมา
ภายในรถลาก
ห้องของหลี่จิ่วเต้า
เขารู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองใกล้แยกออกจากกันเต็มที เมื่อคืนเหมือนต่อสู้กับกลุ่ม ‘ผีสาวโสภา’ ในฝันทั้งคืน
ความรู้สึกนั้นทั้งทรมาน ทั้งสาแก่ใจ!
“บ้า…เอ๊ย! ไม่ได้ฝัน ข้าสู้มาทั้งคืนจริง ๆ!”
เมื่อเขาลืมตามาเห็นว่าสถานการณ์บนเตียงเป็นอย่างไร ก็อึ้งงันไปหมด
ให้ตาย!
เขาจะถูก ‘จับแยกร่าง’ อยู่แล้ว!
เซี่ยเหยียนและลั่วสุ่ยกอดแขนเขาคนละข้าง ซ้ำยังกอดแน่นเป็นหนักหนา และตำแหน่งแขนที่กอดนั้นสูง จนแขนของเขาโอบล้อมด้วยจุดนุ่มนิ่มบนตัวของเซี่ยเหยียนและลั่วสุ่ย
ส่วนหลิงอินกอดเอวเขาไว้ ขาเรียวยาวขาวเนียนทั้งสองข้างพาดอยู่บนตัวเขา แรงสัมผัสยิ่งเด่นชัด!
เขาทนดูมิได้จริง ๆ คล้ายว่าเมื่อคืนสตรีสามนางนี้ ‘แก่งแย่งชิงดี’ กันอย่างดุเดือด อาภรณ์บนตัวยุ่งเหยิง ประกอบกับแต่ละนางต่างมีรูปร่างเผ็ดร้อน เขามองเพียงแวบเดียวเลือดกำเดาก็แทบไหล ต้านมิได้จริง ๆ!
ใช่แล้ว
การแก่งแย่งชิงดีเมื่อคืนดุเดือดมาก พวกลั่วสุ่ยแย่งพื้นที่กันอยู่ตลอด ที่รถลากสั่นไหวรุนแรงก็เพราะเหตุนี้
ดูจากตอนนี้ หลิงอินมีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ‘อาณาเขต’ ที่ยึดครองได้นั้น มีพื้นที่ใหญ่กว่า
“ข้าควบคุมตัวเองได้ แต่พวกนางควบคุมตัวเองไม่ได้!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยใบหน้าระทม “ยามออกไปข้างนอก เด็กผู้ชายต้องรู้จักป้องกันตัวเอง!”
เขาเสียท่า เสียท่าอย่างแท้จริง! เมื่อคืนเอาแต่ครุ่นคิดอย่าให้ตนเองเผลอเข้าห้องพวกนางผิด มิได้คำนึงว่าพวกนางจะเข้ามาในห้องเขา!
ซ้ำยังมาทีเดียวถึงสามคน!
“ยามสวรรค์มอบหมายลิขิตสำคัญแก่ผู้ใด ย่อมต้องขัดเกลาจิตใจให้เข้มแข็ง ฝึกฝนร่างกายให้อดทน…ช่างเถิด เห็นพวกนางแต่ละคนนอนหลับสบายเช่นนี้ ข้าอย่าไปรบกวนพวกนางเลย ให้พวกนางได้หลับต่ออย่างสบายใจเถิด”
หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจพลางเอ่ย “ช่วยไม่ได้ ผู้ใดใช้ให้ข้าเป็นคนดีขนาดนี้เล่า ยินดีแบกรับความเจ็บปวดไว้แต่เพียงผู้เดียว”
ช่าง ‘เจ็บปวด’ เหลือเกิน!
กูละคริ้นจริงๆ