“คุณร้องเสียงสูงได้!”
หงส์ขาวเอ่ยขึ้นอย่างขำขันทันทีที่หลินเยวียนกลับไปยังหลังเวที ในการแข่งขันที่ผ่านมาหลินเยวียนไม่เคยใช้เสียงสูง
“ไม่นับว่าสูง”
หลินเยวียนขบคิดก่อนจะเอ่ยตอบ
หงส์ขาว “สูงใช้ได้”
ปลาปักเป้า “นับว่าสูงมาก”
นางเงือก “ถึงเสียงจะไม่นับว่าสูงมาก แต่ร้องได้ยาวขนาดนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ วิธีการร้องของคุณเป็นเอกลักษณ์มาก ถ้ามีโอกาสขอคำแนะนำด้วยนะคะ”
“อื้ม”
ทีมที่หนึ่งสนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อฉากนี้ปรากฏแก่สายตาของผู้ชมกลับกลายเป็นความจนใจ
“ไม่นับว่าสูง?”
“สูงใช้ได้?”
“บ้าไปแล้ว!”
“มืออาชีพก็โหดเกิน!”
“ถ้าเป็นฉัน บอกว่าเพลงไม่เคยจากไปไม่นับว่าสูงนี่ฉันคงเตะกระเด็นไปแล้ว แต่ทีมที่หนึ่งมีแต่นักร้องที่ถนัดร้องเสียงสูง แม้แต่เสียงสูงของปลาปักเป้าก็เกินจริงมาก”
“…”
เป็นฉากที่อลังการสุดๆ
การแข่งขันดำเนินต่อไป ความกระตือรือร้นที่ผู้ชมมีต่อรายการราชาหน้ากากนักร้องไม่ได้จบลงที่การแข่งขันระหว่างหลานหลิงอ๋องและนักรบ อารมณ์ของพวกเขามีแต่จะพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ เพราะรอบนี้ชวนตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน!
นักร้องต่างพยายามอย่างหนัก!
การประลองระหว่างหลานหลิงอ๋องและนักรบน่าตื่นตาตื่นใจก็จริง แต่ความคาดหวังของทุกคนล้วนเกิดขึ้นตั้งแต่นักรบประกาศสงครามกับหลานหลิงอ๋องก่อนหน้านี้ ความบาดหมางได้รับการแก้ไขแล้ว ทุกคนจึงเบนความสนใจไปยังการแข่งขันต่อจากนั้น
เวทีต่อๆ มายังคงยอดเยี่ยม
เพราะสองคนซึ่งขึ้นประลองต่อจากนั้นก็น่ากลัวไม่แพ้กัน คนหนึ่งคือหุ่นยนต์ซึ่งเป็นราชาเพลง และเอล์ฟซึ่งเป็นราชินีเพลง ทั้งสองคนคือบุคคลระดับแกนนำในทีมของตน!
หุ่นยนต์ร้องก่อน
ปรากฏว่าทันทีที่หุ่นยนต์เริ่มร้องเพลง เพียงประโยคแรกก็ทำให้ผู้ชมในห้องส่งตื่นตกใจ คณะกรรมการตัดสินมีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน เพราะนี่เป็นบทเพลงภาษาฉู่!
แตกต่างจากภาษาฉี…
ภาษาฉีซึ่งเป็นภาษาถิ่นของฉีโจวนั้นใกล้เคียงกับภาษากลาง ต่อให้ไม่ใช่ชาวฉีก็สามารถเรียนรู้ได้ เช่นเดียวกับนักร้องชาวฉินโจวอย่างซุนเย่าหั่วซึ่งร้องเพลงภาษาฉีได้ดี และปลาปักเป้าซึ่งขึ้นเวทีก่อนหน้านี้ก็สามารถร้องเพลงภาษาฉีได้ดีเช่นกัน
แต่ภาษาฉู่นั้นต่างออกไป!
ภาษาฉู่นั้นยากมาก นอกจากชาวฉู่ที่ฟังออก คนอื่นๆ จะฟังแล้วรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังบ่นอะไรสักอย่าง อย่างไรก็ตาม ระดับความซาบซึ้งในดนตรีของบลูสตาร์ก็สูงมาก และไม่มีใครไม่พอใจเพียงเพราะฟังเพลงไม่ออก เนื่องจากดนตรีและทำนองเป็นสิ่งที่มาคู่กัน เนื้อเพลงแสดงออกถึงอารมณ์และแนวคิดทางศิลปะของผู้สร้างสรรค์ผลงาน ถ้าหากสิ่งเหล่านี้สามารถตีความออกมาได้ เพลงภาษาฉู่จะไม่มีทางถูกหักคะแนน มีแต่จะได้คะแนนเพิ่ม นับประสาอะไรกับเมื่อบนหน้าจอมีเนื้อเพลงและคำแปล!
ยิ่งไปกว่านั้น…
ผู้ชมในห้องส่งมีทั้งชาวฉิน ฉี ฉู่ และเยี่ยน ดังนั้นทันทีที่เสียงของหุ่นยนต์ดังขึ้น ผู้ชมซึ่งเป็นชาวฉู่ต่างก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ บางคนถึงขั้นลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ!
สุดยอดมาก!
ทุกคนชอบความรู้สึกเหนือความคาดหมายเช่นนี้ การออกเสียงภาษาฉู่ของหุ่นยนต์นั้นชัดเจนถูกต้อง เห็นได้ว่าหุ่นยนต์คือราชาเพลงจากฉู่โจว ในที่สุดเขาก็ได้ขับร้องบทเพลงในภาษาที่เขาคุ้นเคยที่สุด!
ด้านหลังเวที
หงส์ขาวตกตะลึง “เขาเป็นคนฉู่เหรอเนี่ย ดูเหมือนว่าทิศทางที่ฉันเดาไว้จะผิดพลาด น่าสนใจจริงๆ”
หลินเยวียนไม่พูด
มิน่าล่ะหุ่นยนต์ถึงมีพฤติกรรมคล้ายกับศิลปินตลก ชาวฉู่ชอบเล่นมุกเกินจริงอยู่บ้าง ส่วนภาษาฉู่ที่ทุกคนกำลังพูดถึงกันอยู่นั้น…
คือภาษาญี่ปุ่น
ทุกทวีปบนบลูสตาร์มีภาษาถิ่นของตนเอง ภาษาถิ่นของฉีโจวคล้ายกับภาษากวางตุ้งบนโลก และภาษาถิ่นฉู่โจวคล้ายกับภาษาญี่ปุ่นบนโลก ส่วนเยี่ยนโจวและฉินโจวใช้ภาษาจีนกลางเป็นหลัก ภาษาถิ่นไม่ได้สืบทอดมามากนัก จึงไม่มีการพัฒนาของดนตรีซึ่งใช้ภาษาถิ่นเยี่ยนโจวเป็นหลัก
ร้องจบเพลง!
ผู้ชมทั้งห้องส่งต่างส่งเสียงเชียร์!
ต่อจากนั้นเป็นการแสดงของเอล์ฟ ปรากฏว่าการแสดงของเอล์ฟไม่ได้เป็นรองเลย เธอไม่ได้ใช้ภาษาพิเศษอื่นใด ยังคงร้องเป็นภาษากลาง ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของอีกฝ่ายคือ…
เสียง!
เอล์ฟนั้นเหมือนกับหลานหลิงอ๋อง มีเสียงที่แตกต่างกัน เธอเริ่มร้องเพลงช่วงแรกด้วยเสียงน่ารัก นี่เป็นเสียงที่ทุกคนคุ้นเคย ปรากฏว่าเมื่อถึงท่อนเวิร์สที่สอง เธอกลับเปลี่ยนไปใช้อีกเสียงหนึ่ง!
ไม่ได้น่ารัก!
แต่มาแบบนางพญา!
คำอธิบายในลักษณะนี้อาจแปลกอยู่บ้าง แต่เอล์ฟกลับสร้างความแตกต่างอย่างมาก ด้านหน้าร้องด้วยเสียงน่ารัก ด้านหลังกลายเป็นเสียงผู้หญิงทรงพลัง ราวกับเป็นความตรงกันข้ามของโลลิตาและนางพญา
“มีคุณอีกคนหนึ่งแล้ว”
นางเงือกมองไปยังหลินเยวียน
เอล์ฟไม่ได้มีเสียงชายหญิงเหมือนกับหลานหลิงอ๋อง แต่เสียงของเธอเปลี่ยนผ่านจากน่ารักเป็นเซ็กซี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เสียงที่นักร้องทั่วไปสามารถทำได้ บวกกับทักษะการร้องที่แข็งแกร่งของเธอ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงมีความแตกต่างอย่างมาก!
สุดท้ายแล้ว…
หุ่นยนต์ก็พ่ายแพ้
ถ้าหากราชาเพลงประลองกับราชินีเพลง ใครจะแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ในความจริงแล้วผลงานของหุ่นยนต์ได้ ขจัดข้อกังขาของใครหลายคน ว่าเขาไม่ใช่ราชาเพลง ในเวทีนี้ผลงานของหุ่นยนต์ไม่ได้เป็นรองคู่ต่อสู้ คณะกรรมการตัดสินแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย สุดท้ายแล้วหุ่นยนต์แพ้ไปเพียงสี่คะแนน เรียกได้ว่าพลาดไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้น
ทีมที่หนึ่ง
ไม่มีใครพูดอะไร
การแข่งขันก็โหดร้ายเช่นนี้
การประลองหลังจากนั้นยังคงน่าตื่นเต้น เมื่อถึงคราวหงส์ขาวขึ้นเวที เธอแทบคว้าชัยชนะมาได้โดยไม่เปลืองแรง สำแดงฝีมือของราชินีเพลงอย่างเต็มที่ ถึงขั้นที่แม้แต่คณะกรรมการตัดสินยังสะท้อนใจ บอกว่าหงส์ขาวยังแตะไม่ถึงขีดจำกัดของเธอเอง
ขณะเดียวกัน
นางเงือกยังแสดงความแข็งแกร่งและเอาชนะคู่ต่อสู้ของทีมที่สามได้ ส่งผลให้ผู้ชนะชุดแรกถือกำเนิดขึ้น ได้แก่หลานหลิงอ๋อง หงส์ขาว นางเงือก ปลาปักเป้า และเอล์ฟ
ยังเหลืออีกหนึ่งตำแหน่ง
นักร้องห้าคนซึ่งแพ้ในการแข่งขันเริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือด สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการประลองระหว่างหุ่นยนต์กับนักรบ ในที่สุดหุ่นยนต์ก็เอาชนะนักรบไปได้ และคว้าโควตาเข้ารอบต่อไป เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็น่าสนใจขึ้นมาแล้ว
ทีมที่หนึ่งเข้ารอบทั้งหมด!
ทีมที่สามเหลือเพียงเอล์ฟ!
เมื่อหุ่นยนต์กลับมายังพื้นที่รับรอง หงส์ขาวลุกขึ้นและเข้าไปสวมกอดเขาโดยไม่ทันตั้งตัว หลังจากนั้นหุ่นยนต์จึงหันไปหาหลานหลิงอ๋อง กล่าวด้วยภาษาฉู่ว่า “เวทีนี้ต้องขอบคุณคุณ นักรบแพ้ผมเพราะสภาพจิตใจได้รับผลกระทบ การแสดงจึงมีข้อบกพร่อง ไม่อย่างนั้นผมไม่มีทางคว้าโควตาคืนชีพได้หรอก”
“นานิ[1]?”
หลินเยวียนตอบ
ทุกคนต่างขำขัน หลานหลิงอ๋องคนนี้อยากปลอมตัวเป็นชาวฉู่ ถ้าเขาพูดประโยคที่ซับซ้อนกว่านี้ พวกเราคงเชื่ออยู่หรอก แต่ภาษาฉู่ระดับพื้นฐานเช่นนี้มีใครไม่รู้บ้าง โดยเฉพาะคำจำพวก ‘ยาเมะเตะ[2]’ อะไรเทือกนั้น
หลินเยวียน “…”
เขาไม่เข้าใจว่าทุกคนหัวเราะอะไรกัน
และด้านหลังเวทีของทีมที่สาม นักร้องจากทีมที่สามทยอยกันกล่าวลาเอล์ฟ เมื่อนักรบกำลังจะเดินไปยังเวทีเพื่อถอดหน้ากาก จู่ๆ เอล์ฟก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะแก้แค้นให้คุณเอง ทีมเรายังมีฉันอยู่”
นักรบชะงักฝีเท้า
เขาไม่ได้ตอบอะไร สุดท้ายแล้วจึงเดินไปถอดหน้ากากบนเวที และเมื่อทีมที่สามถอดหน้ากากครบทั้งหมด ในที่สุดทุกคนก็รู้ตัวตนของนักร้องเหล่านี้สักที
“นักร้องแถวหน้า!”
“นักร้องแถวหน้า!”
“นักร้องแถวหน้า!”
“ราชาเพลง!”
นักร้องสามคนแรกที่ถอดหน้ากากล้วนเป็นนักร้องแถวหน้า และนักรบซึ่งเป็นนักร้องคนที่สี่ซึ่งถอดหน้ากากคือราชาเพลงจากเยี่ยนโจวดังที่เขาเคยกล่าวไว้ แถมยังจัดว่าเป็นนักร้องชื่อดังอีกด้วย!
“เอ๋อลั่วอี!”
“เป็นเขาจริงด้วย!”
“แม่เจ้า หลานหลิงอ๋องกำจัดเอ๋อลั่วอี โหดอยู่นะ เอ๋อลั่วอีเป็นราชาเพลงจากเยี่ยนโจว เพียงแต่สองปีมานี้ปล่อยเพลงน้อยมากก็เท่านั้นเอง แถมเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป ฟังไม่ออกเลย!”
“นักรบคือเขาเองเหรอ!?”
“โอ้ว ตอนไม่ถอดหน้ากากยังพอว่า แฟนคลับของนักรบไม่นับว่ามาก แต่แฟนคลับของเอ๋อลั่วอีนี่สิ ตอนนี้แฟนคลับของเอ๋อลั่วอีคงเกลียดหลานหลิงอ๋องเข้ากระดูกดำไปแล้ว หลานหลิงอ๋องล่วงเกินคนเพิ่มอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว!”
“ปล่อยจอยแล้วเรื่องนี้”
“เขาแทบจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกแล้ว”
“ตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกอะไรล่ะ คุณอ่านนิยายแฟนตาซีมากเกินไปแล้ว ฉันกลับชอบหลานหลิงอ๋องมาก อีกทั้งต้องยอมรับว่าเวทีวันนี้ของหลานหลิงอ๋องเทพมาก มีแค่หุ่นยนต์กับเอล์ฟเท่านั้นที่เทียบได้!”
“…”
การแข่งขันแบบทีมสิ้นสุดลง
หลังจากนี้เป็นศึกระหว่างทีมที่สองและทีมที่สี่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหลินเยวียนเป็นการชั่วคราว ทว่าผลกระทบที่ตามมาของศึกครั้งนี้ยังคงหมักบ่มต่อไปตามเวลา…
…………………………………………………
[1] นานิ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ‘อะไร’
[2] ยาเมะเตะ ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายในทำนองว่า ‘อย่านะ’ ‘หยุดเถอะ’