Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2010 ทำไมข้าถึงสู้เจ้าไม่ได้

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2010 ทำไมข้าถึงสู้เจ้าไม่ได้

ตอนที่ 2010 ทำไมข้าถึงสู้เจ้าไม่ได้

พื้นที่สามจั้งคือระยะห่างที่อันตรายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ถ้าอยากขวางหลินสวินก็จำเป็นต้องยืนอยู่หน้าประตูทลาย ขวางหนทางข้างหน้าของหลินสวินไว้

แต่การต่อสู้ในพื้นที่สามจั้งนี้แทบจะเหมือนการห้ำหั่นระยะประชิด พื้นที่ที่เคลื่อนไหวได้ล้วนถูกบีบให้เล็กลงถึงขีดสุด!

หมีอู๋หยาในตอนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ก่อนหน้านี้เขาดูราบเรียบไม่พิเศษ ผ่องแผ้วดั่งวารี แม้จะมีอานุภาพยิ่งใหญ่ที่มองไม่เห็น แต่กลับไม่มีท่าทีข่มขู่ผู้คนหรือเผยคมประกายใดๆ

แต่ตอนนี้เขาเหมือนภูเขาไฟที่เงียบสงบมาหลายปีปะทุขึ้น ชายเสื้อพลิ้วไหว ผมยาวแผ่สยาย ทั่วร่างพรั่งไปด้วยแสงมรรคที่พลุ่งพล่าน อานุภาพสะเทือนเก้าสวรรค์

เขาก็ต่อสู้เต็มขีดจำกัดเช่นเดียวกัน!

ขณะเดียวกันพวกจิ่งเทียนหนาน หลิงหงจวงก็ร้อนรนแล้ว พื้นที่สามจั้ง หากขวางการสังหารของหลินสวินไม่อยู่อีก เช่นนั้นศุภโชคใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับมหาสมบัติแรกกำเนิดนี้คงไร้วาสนากับพวกเขาแล้ว

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

…เสียงคำรามดังก้องอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม ราวกับเทพดึกดำบรรพ์กรำศึก เต็มไปด้วยกลิ่นอายทลายฟ้ามลายดิน

แม้ว่าการโจมตีของหลินสวินจะถูกขวาง แต่เมื่อต่อสู้ยืดเยื้อ ทุกคนล้วนรู้สึกว่าแรงกดดันที่หนักหน่วงกำลังยกระดับอย่างต่อเนื่อง

สาเหตุอยู่ที่อานุภาพของหลินสวินในตอนนี้ถึงกับพุ่งทะยานชนิดมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ประหนึ่งไม่มีขีดสุด!

น่ากลัวเกินไปแล้ว

ถึงอย่างไรต่อสู้มาถึงตอนนี้ แม้แต่พวกหลิงหงจวงยังรู้สึกว่าใช้พลังกายไปมาก แต่หลินสวินที่บาดเจ็บหนักอยู่ก่อน ทั้งต่อสู้มานานกว่า อานุภาพกลับกำลังแข็งแกร่งขึ้น จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร

ตูม!

ท่ามกลางละอองแสงที่ระเบิดกระจาย ผู้แข็งแกร่งที่เดิมทีก็ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งกำลังจะถอยตัวหลบหนี แต่กลับถูกหลินสวินคว้าจับช่องโหว่อย่างคาดไม่ถึง ถูกฆ่าตายคาที่ทั้งอย่างนั้น

เมื่อเห็นว่าหลินสวินกำลังจะฉวยโอกาสนี้พุ่งตัวไปทางประตูทลาย เงาร่างหนึ่งพลันพุ่งออกมากะทันหัน โจมตีไปทางหลินสวิน

คนผู้นี้สวมชุดดำทั้งตัว หน้าตาหนักแน่น เป็นอู้เสวียนผู้สืบทอดแห่งแดนกษิติครรภ์นั่นเอง!

แต่นัยน์ตาเขาในยามนี้กลับฉายแววคลุ้มคลั่งถึงขีดสุด

เผชิญหน้ากับการโจมตีของหลินสวิน เขากลับไม่หลบไม่หนี ใช้ร่างปะทะพุ่งเข้าใส่หลินสวิน

น้ำเลือดสาดกระจายจากร่างของเขา แต่เขากลับเหมือนไม่รู้ตัว

พวกหลิงหงจวง จิ่งเทียนหนาน หมีอู๋หยาต่างนัยน์ตาหดรัด เจ้าหมอนี่… คิดจะลากหลินสวินให้ตายไปด้วยกันหรือ

นี่ต้องมีความแค้นใหญ่หลวงเพียงใด

ต้องรู้ว่าหากตายไปแล้วก็จะไม่อาจแย่งชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดได้อีก แต่เห็นชัดว่าอู้เสวียนในตอนนี้ไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้แล้ว!

“เจ้านอกรีต รับความตายไปซะ!”

ร่างของอู้เสวียนล้วนพังทลาย แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งรื่นรมย์ ตรงหน้าเขามีลูกประคำกระดูกดำสนิทเส้นหนึ่งปรากฏ

ในลูกประคำมีแสงธรรมสีดำมากมายพวยพุ่ง แผ่กลิ่นอายเยียบเย็นประหลาดที่สามารถทำให้เทพผีใจสั่นระรัว

เมื่ออู้เสวียนสะบัดมือ ลูกประคำดำสนิทเส้นนั้นพลันระเบิดออกกลางอากาศ

ตูม!

พลังที่น่าหวาดกลัวไร้สิ้นสุดหมุนวนเหมือนพายุคลั่ง แผ่ขยายไปทั่วพื้นที่สามจั้งทันที เวลานี้ทั้งเขาปู้โจวพลันสั่นสะเทือนไปพักหนึ่ง ฟ้าดินมืดสลัว สุริยันจันทราหม่นแสง

พวกหมีอู๋หยาชิงถอยไปก่อนนานแล้ว แต่ละคนเผยสีหน้าตกใจ พลังน่าสะพรึงยิ่งนัก ลูกประคำกระดูกสีดำเส้นนั้น เกรงว่าคงเป็นสมบัติลับต้องห้ามที่ซ่อนอยู่ในแดนกษิติครรภ์!

‘มุกดับวิญญาณกษิติครรภ์!’

เสวียนจิ่วอิ้นกังวลใจอย่างยิ่ง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน

มุกนี้หลอมจากกะโหลกศีรษะของบุคคลระดับจักรพรรดิที่ร่วงหล่น แปลกประหลาดและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

อย่างลูกประคำเส้นนี้ที่อู้เสวียนเผยออกมา มีมากถึงสิบแปดเม็ด นี่ก็หมายความว่าใช้กะโหลกศีรษะของระดับจักรพรรดิที่ร่วงหล่นสิบแปดคนมาหลอมเป็นสมบัตินี้เส้นเดียว!

‘กายใจล้วนจมสู่ความมืด มองตนเป็นดั่งโพธิสัตว์ แต่ทุกเรื่องที่ทำ… กลับหาความเมตตาไม่เจอ…’

นัยน์ตาของหลิงเคอจื่อฉายแววรังเกียจอย่างบอกไม่ถูก

เป็นผู้บำเพ็ญธรรมเหมือนกัน แต่แดนกษิติครรภ์ที่เป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของโลกมืด กลับเป็นพวกนอกคอกที่ขุมอำนาจสำนักพุทธอื่นขับไล่ไสส่งที่สุด

พูดแล้วเหมือนเนิ่นนานแต่ความจริงนั้นรวดเร็วยิ่งนัก เมื่อมุกดับวิญญาณกษิติครรภ์ที่หลอมจากกะโหลกศีรษะของระดับจักรพรรดิเส้นนั้นระเบิดออก แสงธรรมสีดำโหมกระหน่ำก็กระจายออกมา ปกคลุมร่างของหลินสวินที่เดิมทีอยู่ใกล้เพียงคืบทันที

ทุกคนต่างใจสะท้าน หัวใจสั่นไหว

หลินสวินแข็งแกร่งระดับใด ประหนึ่งไร้ศัตรู ต่อสู้กับเหล่าผู้กล้ามาถึงตอนนี้ ไม่เคยมีใครซัดเขาจนพ่ายยับเยินได้!

แต่ตอนนี้กลับถูกพลังของสมบัติลับต้องห้ามที่อู้เสวียนเรียกออกมาฝังกลบ… ทำให้คนรู้สึกว่ากะทันหันเกินไป

“ข้าไม่ลงนรก ผู้ใดเล่าจะตกนรก”

อู้เสวียนที่บาดเจ็บเจียนตายเผยรอยยิ้มปรีดา

แต่ครู่ต่อมารอยยิ้มของเขากลับค้างอยู่บนหน้า พลันเห็นแสงธรรมสีดำที่วิวัฒน์จากมุกดับวิญญาณกษิติครรภ์นั่น ถึงกับถูกปราณกระบี่ที่ดุดันหาใดเปรียบสายหนึ่งกรีดขาด

ฟุ่บ!

ไม่รอให้อู้เสวียนตอบสนอง ปราณกระบี่นี้ก็ฟันหัวของเขาขาดในพริบตา

กระทั่งใกล้ตายสีหน้าของเขายังคงรอยยิ้มนั้นไว้ เพียงแต่ภายการขับเน้นของน้ำเลือด กลับเห็นได้ว่าแปลกประหลาดน่ากลัวหาใดเปรียบ

แสงธรรมสีดำทั่วฟ้าหายไป เงาร่างของหลินสวินปรากฏ บาดเจ็บอาบเลือด นัยน์ตาดำเฉยชา อานุภาพในการต่อสู้ราวกับเพลิงลุกโชนไปทั้งตัว

และในมือเขากลับถือขวดหยกมันแพะขนาดไม่กี่ชุ่นขวดหนึ่งไว้

ขวดมหามรรคไร้ขอบเขต!

การโจมตีของอู้เสวียนก่อนหน้านี้ ถูกพลังที่ผนึกไว้ในขวดมหามรรคไร้ขอบเขตซัดพินาศไปนั่นเอง!

“ไม่ตาย…”

จิ่งเทียนหนานเผยสีหน้ายากจะเชื่อ

พวกหลิงหงจวงก็รู้สึกผิดคาดหาใดเปรียบ หรือว่า… เจ้าหมอนี่จะไม่อาจเอาชนะได้จริงๆ

ตูม!

หลินสวินเริ่มเข่นฆ่าอีกครั้ง ไม่หยุดพัก ไม่ลังเล และไม่เคยพูดมากสักประโยค เย็นชาอำมหิตจนเหมือนไม่มีความรู้สึก

ความจริงแล้วหลินสวินที่ดื่มด่ำอยู่ในจิตต่อสู้ สภาวะจิตและความรู้สึกนั้นไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ นานแล้ว

ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย มีแค่คำว่าต่อสู้!

นี่ก็คือวิชาอริยะยุทธ์

เป็นสิ่งที่ศิษย์พี่ใหญ่เหลือไว้ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ถูกมองเป็นหนึ่งในเก้าวิชาพิทักษ์สำนักแห่งคีรีดวงกมล

อานุภาพและวิชาต่อสู้ทั้งหมดที่หลินสวินสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ล้วนใช้ออกมาภายใต้มรดกวิชาอริยะยุทธ์ ปลดปล่อยเต็มกำลังอย่างเป็นประวัติการณ์

ในการต่อสู้นี้ อานุภาพทั้งตัวเขาก็บรรลุถึงขั้นที่ไม่เคยมีมาก่อน!

ศิษย์พี่ใหญ่ในปีนั้นเคยอาละวาดกวาดล้าง สังหารจนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินสะท้านสะเทือน สู้จนทวยเทพทั่วหล้ามืดสลัวหม่นแสง ความองอาจหยิ่งผยองนั้นราวกับราชันศึก

และหลินสวินในตอนนี้ก็กรำศึกอยู่หน้าประตูทลาย สังหารผู้กล้า ฆ่าปีศาจ ปลิดชีพศัตรูที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกัน เลือดนองตลอดทาง เหยียบย่ำซากศพ มีมาดสง่างามแห่งยุคเช่นกัน!

ภายใต้การโจมตีนี้ ผู้แข็งแกร่งที่ล้อมโจมตีหลินสวินล้วนได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย บ้างตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันควัน ถอยตัวหลบหนี ไม่กล้าเข้ามายุ่งอีก

บ้างยังคงกัดฟันห้ำหั่นสุดกำลัง อย่างจิ่งเทียนหนานที่ถูกฟันแขนขาด ตอนนี้แม้จะฟื้นฟูกลับมาแต่ก็บาดเจ็บสาหัส

แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้!

อานุภาพที่ดุดันและอำมหิตนั้น ทำให้หลายคนต่างไหวหวั่นไม่หยุด

แต่สุดท้ายจิ่งเทียนหนานก็ยังสู้หลินสวินไม่ได้ ถูกหลินสวินกดข่มจนจมูกปากกบเลือด ร่างกายล้วนเต็มไปด้วยรอยแยกเปิด เลือดเนื้อปะปน

ปึง!

เมื่อเสียงหนักทึบดังขึ้น ทั้งตัวจิ่งเทียนหนานถูกซัดกระเด็น เขาล้มคว่ำไปกับพื้น ส่งเสียงคำรามด้วยความเดือดดาลและไม่ยินยอม “ล้วนเป็นยอดมรรคาเหมือนกัน ทำไมข้าถึงสู้เจ้าไม่ได้!!?”

เสียงสะท้านทั่วบริเวณ

ทำให้ทุกคนอดปวดใจไม่ได้ ความแข็งแกร่งของหลินสวินผิดปกติเกินไปจริงๆ ทุกครั้งล้วนล้มล้างความเข้าใจและการรับรู้ของผู้คน ไม่อาจคาดคะเน ทั้งไม่อาจหยั่งถึง

เสวียนจิ่วอิ้นอดยิ้มไม่ได้ บนโลกนี้จะมีคำว่าทำไมมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าจิ่งเทียนหนานนี่ถูกอัดจนจิตใจเสียการควบคุมแล้ว ถึงกับเอ่ยคำถามที่อ่อนต่อโลกเช่นนี้ออกมาได้

หลินสวินที่อยู่ในสภาพลุกโชนดุจเพลิงผลาญไม่ใส่ใจจิ่งเทียนหนานอย่างสิ้นเชิง เขายังคงฆ่าฟัน เข้าใกล้ประตูทลาย

และตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่ยังปะทะกับหลินสวินซึ่งหน้า ก็เหลือแค่หมีอู๋หยา หลิงหงจวง รวมถึงผู้แข็งแกร่งคนอื่นอีกสามคนเท่านั้น

คนที่เหลือไม่ถูกฆ่าก็จิตต่อสู้พังทลาย ยอมแพ้ไปนานแล้ว!

………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท