ตอนที่ 2038 พลังต้องห้ามเป็นศัตรูมหามรรค
ไอสังหารไร้ที่เปรียบแผ่ออกมาตามเสียง สิบทิศล้วนสะท้าน
ตูม!
ศิษย์พี่ใหญ่ก้าวย่างในห้วงอากาศ กลิ่นอายต่อสู้ดุจเพลิงผลาญฟุ้งกระจายไปทั่วร่างราวกับนายเหนือหัวแห่งการต่อสู้
แต่ก็ในตอนนี้เอง เสียงขวางโลกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“จักรพรรดิยุทธ์ พวกน่ารังเกียจพวกนี้ให้ตาแก่ตายยากอย่างพวกเราสองคนจัดการเถอะ”
ขณะที่เสียงดังขึ้น จู่ๆ ห้วงอากาศก็ปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง มีเงาร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้น
คนหนึ่งเป็นเฒ่าชราร่างผอมแห้ง ผมหรอมแหรม
อีกคนเป็นชายชราเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน หนวดเคราเผ้าผมเป็นระเบียบเรียบร้อย
หลินสวินอึ้งไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยความงุนงงแทบจะในทันที
เพราะสองคนนั้นก็คือเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูของหอดูดาวหลวงแห่งจักรวรรดิจื่อเย่า!
“พวกเขา… พวกเขามาได้อย่างไร”
เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ทำเอาหลินสวิยังแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
“ตู๋สิงคง! เจ้าดันยังไม่ตายหรือนี่”
เสียงโกรธเกรี้ยวเสียงหนึ่งดังขึ้น สีหน้าเฒ่าดึกดำบรรพ์ในที่นั้นเจือแววยากจะเชื่อ
ตู๋สิงคง!
บุคคลน่ากลัวผู้เฉิดฉายใน ‘ศึกมรรคสิบทิศ’ เมื่อสมัยดึกดำบรรพ์ผู้หนึ่ง เคยเปล่งวาจาละเมิดพลังต้องห้ามอย่าง ‘ฟ้าดินไม่ควรค่าให้กลัวเกรง บรรพจารย์ไม่ควรค่าให้เชื่อฟัง พลังต้องห้ามเป็นศัตรูมหามรรค’
ในศึกมรรคสิบทิศ เขาถูกมองว่าเป็น ‘คนนอกรีต’ ถูกพลังระเบียบต้องห้ามโจมตี แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสิบสามคนยังถูกเขาสังหารไป ถูกกำราบราบคาบ
หลังจากศึกนั้นยามผู้คนบนโลกพูดถึงชื่อ ‘ตู๋สิงคง’ ชื่อนี้ ต่างสั่นสะท้านกันไปหมด!
เพียงแต่ใครจะคิดว่าเจ้าคนร้ายกาจสมัยดึกดำบรรพ์ที่ ‘มองพลังต้องห้ามเป็นศัตรู’ นี้ ดันยังมีชีวิตอยู่ หนำซ้ำยังปรากฏตัวในขณะนี้ด้วย
กลับพบว่าเฒ่าโดดเดี่ยวแหงนหน้าหัวเราะลั่น “ฮ่าๆๆ คิดไม่ถึงว่าผ่านไปหลายปีขนาดนี้ บนโลกนี้จะยังมีคนจำตาแก่อย่างข้าได้”
“ใครจะไปลืมเจ้าเฒ่าอย่างเจ้า”
ราชครูถอนใจเบาๆ เขาเคลื่อนสายตาไปพยักหน้าเจือรอยยิ้มให้หลินสวิน จากนั้นก็มองไปที่เงาร่างจองหองทะลุเมฆานั้นแล้วพูดว่า
“จักรพรรดิยุทธ์ ตั้งแต่จากกันในศึกมรรคสิบทิศ จนตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบสองแสนปีแล้ว คราวนี้เจ้าคงไม่โทษว่าข้าสองคนมาโดยไม่เชิญใช่ไหม”
ศิษย์พี่ใหญ่ก็หัวเราะร่าขึ้นมา “ยังพูดพล่ามเช่นนี้อีก ในเมื่อมาแล้วก็สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าก็พอ”
เห็นได้ชัดว่าเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูรู้จักศิษย์พี่ใหญ่!
ภาพนี้ทำเอาหลินสวินรู้สึกงุนงงไปครู่หนึ่ง จะคิดได้อย่างไรว่าเฒ่าชราที่เร้นตัวอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าอย่างเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครู กลับมีที่มาที่ไปยิ่งใหญ่เช่นนี้
“เจ้าเป็นใครอีก”
เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งเอ่ยเสียงเครียด สายตาดุจสายฟ้ามองดูราชครู
“ที่แท้ พวกเจ้าจำได้แต่เจ้าเฒ่าคนนี้ กลับจำข้าไม่ได้แล้ว…”
ราชครูเอ่ยเบาๆ คล้ายเยาะตัวเองอยู่ “จำไม่ได้ก็ดี ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่ใช่คนที่อยู่บนเส้นทางเดียวกันแต่แรกอยู่แล้ว”
“สนไปไยว่าเจ้าเป็นใคร ในเมื่อมาแล้ววันนี้ก็ทิ้งชีวิตไว้!”
เสียงตะคอกเย็นชาดังขึ้น
“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ลงมือตัดสินเป็นตายก็พอ”
ขณะที่พูดราชครูกับเฒ่าโดดเดี่ยวสบตากันครั้งหนึ่ง ลงมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ตูม!
เงาร่างผอมแห้งดั่งไม้ฟืนของเฒ่าโดดเดี่ยวแปรเปลี่ยนเป็นสูงตระหง่านหาใดเทียบ เบียดแน่นเต็มฟ้า แผ่ไอสังหารคับฟ้าออกมา
เปรียบดั่งเทพสังหารองค์หนึ่งเหยียบย่ำภูผาธารา
“ฆ่า!”
เขาส่งเสียงคำรามกัมปนาทดุจอสนีเทพเก้าชั้นฟ้า ชูหมัดสังหารไปยังระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่อยู่ไกลออกไปคนหนึ่ง
ฟ้าดินพลิกคว่ำ สุริยันจันทราอับแสง
หมัดนี้ถึงกับซัดยอดพลานุภาพประหนึ่ง ‘เบิกฟ้าผ่าดิน’ ออกมา
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ราชครูสะบัดแขนเสื้อโบกเบาๆ ครั้งเดียว ก็เห็นว่าแขนเสื้อนั้นคล้ายเปลี่ยนเป็นมหึมาไร้สิ้นสุดในทันใด มีสุริยันจันทราดาราล่องลอยอยู่ในนั้น มีหมื่นลักษณ์จักรวาลแปรเปลี่ยนอยู่ภายใน
ร่างดุจแดนไร้สิ้นสุด แขนเสื้อซ่อนมหาจักรวาล!
“รนหาที่ตาย!”
“ฆ่าเจ้าสองคนนี้ก่อน!”
“ฆ่า!”
เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นสบตากันครั้งหนึ่ง กลับลอบถอนหายใจโล่งอก เดิมทีในใจพวกเขาก็มีความขัดแย้ง ไม่อยากไปต่อกรกับจักรพรรดิยุทธ์ การปรากฏตัวของเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูตรงใจพวกเขาพอดี
ตูม! โครม!
ศึกดุเดือดปะทุขึ้น ฟ้าดินตกอยู่ในความโกลาหลปั่นป่วน
เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีพลังปราณระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ขณะนี้ครอบครองพลังระเบียบต้องห้าม แต่ละคนพลังต่อสู้ต่างพุ่งสูงขึ้นมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าวิญญาณต้องห้าม อานุภาพที่สำแดงออกมาก็น่ากลัวเกินคาดเดา
อีกทั้งพวกเขาคนมาก มีจำนวนสิบกว่าคน
แต่ที่ทำให้คนคาดไม่ถึงคือ ในศึกชุลมุนนี้ เฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูกลับไม่ถูกกำราบ เพียงอาศัยพลังของพวกเขาสองคนก็สู้ได้อย่างสูสี!
แม้มองดูความเป็นไปแท้จริงในการประลองอันน่ากลัวเช่นนี้ไม่ชัด แต่หลินสวินก็ยังรู้สึกสะท้าน
ทำไมเฒ่าชราสองคนนี้ถึงได้แข็งแกร่งปานนี้
และในเมื่อพวกเขามีอานุภาพน่าตะลึงเช่นนี้ เหตุใดกลับเก็บตัวอยู่ในสถานที่เล็กจ้อยอย่างจักรวรรดิจื่อเย่า
ความกังขาแต่ละอย่างผุดขึ้นในใจหลินสวิน เขาถามรั่วซู่อย่างอดไม่ได้
รั่วซู่คิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า
“พวกเขาสองคนต่างเป็นผู้แข็งแกร่งที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิตั้งแต่แรกเริ่มยุคดึกดำบรรพ์ ตอนนั้นพลังระเบียบต้องห้ามยังไม่อุบัติขึ้นบนทางเดินโบราณฟ้าดารา เส้นทางสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราก็ยังไม่ถูกตัดขาด…”
“เดิมทีด้วยพลังของพวกเขาสองคน สามารถข้ามจักรวาลไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราได้นานแล้ว ส่วนเหตุใดพวกเขาถึงไม่ไป ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“แต่ตามที่ข้ารู้ ตอนศึกมรรคสิบทิศปะทุ สองท่านนี้ต่างเคยเข้าร่วมในศึกนั้น หมายทำลายพลังระเบียบต้องห้ามเหมือนศิษย์พี่ใหญ่”
“ตอนนั้น ‘ผู้ร่วมมรรค’ ที่เหมือนกับพวกเขายังมีมาก ส่วนใหญ่มาจากแดนต้นกำเนิดมหามรรคทั่วหล้าอย่าง ‘ดินแดนรกร้างโบราณ’ ทั้งนั้น”
“แต่สุดท้าย… ก็แพ้หมด…”
รั่วซู่รู้เรื่องในอดีตเมื่อเนิ่นนานเหล่านี้ แต่รายละเอียดและเบื้องหลังจริงๆ กลับไม่แน่ชัดนัก
“ศิษย์น้อง เจ้าเพียงแต่ต้องจำไว้เรื่องหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งที่แจ้งมรรคตั้งแต่ก่อนระเบียบต้องห้ามปรากฏ แข็งแกร่งยิ่งกว่าบุคคลระดับบรรพจารย์รุ่นหลังเหล่านี้มาก”
“สาเหตุง่ายดายนัก สิ่งที่พลังระเบียบต้องห้ามปิดผนึกไม่ได้มีเพียงเส้นทางสู่ฟากฝั่งฟ้าดารา แต่ยังผนึกความเป็นไปได้ที่ระดับบรรพจารย์จะก้าวหน้าไปอีกขั้นบนมรรคาด้วย”
พอฟังถึงตรงนี้หลินสวินก็เข้าใจได้ในพริบตา เพราะท้องฟ้าเหนือดินแดนรกร้างโบราณก็ถูกพลังต้องห้ามใหญ่ทั้งสามผนึกไว้ราวกับกรงขัง กีดกันความเป็นไปได้ที่ผู้ฝึกปราณจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น!
และสำหรับผู้ฝึกปราณที่อยู่บนทางเดินฟ้าดาราแล้ว การอุบัติขึ้นของพลังระเบียบต้องห้ามก็เป็นดั่งพันธนาการ ปิดตายความหวังที่ระดับบรรพจารย์จะเสาะแสวงมรรคที่สูงยิ่งขึ้นไป!
“ศิษย์พี่ พูดเช่นนี้ผู้อาวุโสสองท่านนี้ต่างร้ายกาจกว่าพวกเราผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหรือ”
หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้
“ทำไม ไม่พอใจล่ะสิ”
รั่วซู่ยิ้มเอ่ย “พวกเขากับศิษย์พี่ใหญ่ถือเป็นยักษ์ใหญ่เหนือโลกในยุคเดียวกัน ต่อหน้าพวกเขา ข้ากับศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นก็เป็นเพียงผู้น้อยรุ่นหลัง”
“แต่พวกเราคีรีดวงกมล นอกจากศิษย์พี่ใหญ่แล้วยังมีคนผู้หนึ่งที่เก่งกาจกว่าพวกเขา”
“ใครหรือ”
“ศิษย์พี่รอง”
ดวงตารั่วซู่ฉายแววประหลาด
ศิษย์พี่รอง!
หลินสวินกำลังจะซักต่อ ในที่นั้นก็มีเสียงตวาดลั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น สะท้านจนฟ้าดินปั่นป่วน สรรพชีวิตหวีดร้อง
“เจ้าหมาแก่ไร้นาม มาถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังไม่คิดจะปรากฏตัวอีกหรือ”
ก็เห็นว่ากลางห้วงอากาศ ศิษย์พี่ใหญ่ผู้จองหองหยิ่งพยศเงยหน้าขึ้นมองไปยังวังวนเวิ้งฟ้า ตัวเขาเหมือนไฟดวงหนึ่งแผดเผาห้วงอากาศ
“มหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นเดียวก็ทำให้เจ้านึกว่ามีพลังมาเอาชนะข้าได้แล้วหรือ”
เสียงจอมจักรพรรดิไร้นามดังขึ้นอีกครั้ง “หากเป็นเช่นนี้ ก็พิสูจน์ได้เพียงว่าเจ้ายังโง่เง่าไม่รู้ความเช่นตอนนั้น ไม่เข้าใจสักนิดว่าอย่างไรถึงเรียกว่าต้องห้าม!”
ประโยคเดียวแต่นัยที่เผยออกมากลับทำให้พวกรั่วซู่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
เขาปู้โจวที่หลินสวินได้มา เดิมถูกพวกเขามองเป็นไม้ตายก้นกรุ แต่คล้ายว่า… จอมจักรพรรดิไร้นามจะไม่ได้หวั่นกลัวเรื่องพวกนี้!
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นผลลัพธ์ก็ร้ายแรงแล้ว!
“หมาแก่ไร้นาม ที่แท้เจ้าก็อวดเบ่งเป็นแล้ว พลังระเบียบต้องห้ามแข็งแกร่งปานไหน ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้กลับไม่อาจปกคลุมแดนปริศนาของโลกใหญ่หงเหมิงได้ สาเหตุของเรื่องนี้เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ ถึงจะถูก”
ศิษย์พี่ใหญ่พูดถึงตรงนี้ สายตามองไปที่หลินสวิน “ศิษย์น้อง ให้ข้ายืมใช้เขาปู้โจวที”
“ได้!”
หลินสวินรอชั่วขณะนี้มานานมากแล้ว ตอบรับอย่างไม่ลังเลสักนิด เขาปู้โจวที่เปลี่ยนเป็นขนาดเท่ากำปั้นอยู่ก่อนแล้วลอยสูงไปในอากาศ ถูกศิษย์พี่ใหญ่คว้าไว้ด้วยมือเดียว
ขณะนี้พลานุภาพที่ศิษย์พี่ใหญ่สั่งสมไว้นานแล้วเดือดพล่านโดยสมบูรณ์ ประหนึ่งภูเขาไฟหมื่นกาล
“หมาไร้นาม คิดจะหลบอยู่ในวังวนนั่นไม่ปรากฏตัวจริงๆ หรือ เช่นนั้นข้าก็จะไประเบิดหัวเจ้าทิ้ง!”
เขาทะยานสูงขึ้นไปในห้วงอากาศ ถลาไปยังส่วนลึกของวังวนเวิ้งฟ้านั้น
ชั่วพริบตาก็หายลับไป
และที่ตามมาติดๆ คือเสียงดังสนั่นหวั่นไหวและความปั่นป่วนสะท้านฟ้าดินระลอกหนึ่ง เกิดขึ้นลึกไปในวังวนที่ลอยอยู่บนส่วนลึกของเวิ้งฟ้านั้น มีเสียงเข่นฆ่าดุเดือดดังขึ้นรางๆ
เห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่ใหญ่กับจอมจักรพรรดิไร้นามประมือกันแล้ว
แต่น่าเสียดายที่มีวังวนนี้กั้นขวาง ทำให้ทุกคนไม่อาจเห็นสถานการณ์การต่อสู้ได้ชัดเจน
ต่อให้เป็นเช่นนี้ จิตใจของพวกรั่วซู่ยังถูกดึงดูดอยู่ดี
สีหน้าของแต่ละคนต่างเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ก่อนศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิในสมัยบรรพกาล ศิษย์พี่ใหญ่เคยประกาศศึกกับจอมจักรพรรดิไร้นามด้วยตัวคนเดียว หมายจะทำลายพันธนาการต้องห้ามทั่วหล้าแห่งนี้ แต่สุดท้ายกลับทำตามที่ปรารถนาไม่ได้
ตอนนี้ หลังจากเงียบหายและเก็บตัวมาเกือบแสนปี ศิษย์พี่ใหญ่จะทำสำเร็จหรือไม่
ไม่มีใครรู้
เขาปู้โจวสามารถต่อสู้และต้านทานพลังระเบียบต้องห้ามได้จริง แต่ใครจะรู้ว่าจอมจักรพรรดิไร้นามผู้นั้นน่ากลัวปานไหนกันแน่
รั่วซู่เอ่ยเสียงเบาว่า “แม้เป็นเพียงความหวังที่จะได้ชัยชนะบางส่วน ทุกอย่างที่พวกเราจ่ายไปนี้ก็คุ้มค่าแล้ว”
พวกหลินสวิน หลี่เสวียนเวย จวินหวนต่างพยักหน้า
ตูม!
ในฟ้าดินไกลออกไป การต่อสู้ระหว่างเฒ่าโดดเดี่ยว ราชครู กับเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้นยิ่งดุเดือดขึ้น สู้กันจนฟ้าดินพลิกคว่ำ ไอขุ่นมัวเต็มไปหมด
ทั้งโลกใหญ่หงเหมิงต่างปกคลุมไปด้วยบรรยากาศน่าสะพรึงราวกับภัยพิบัติสิ้นโลก สรรพชีวิตมากมายกำลังประหวั่นพรั่นพรึงในขณะนี้
ผู้แข็งแกร่งที่จับตามองแต่ละภาพเหล่านั้นต่างรู้ดีว่า ในการประชันหมากครั้งใหญ่ทั่วฟ้าคราวนี้ แม้มีตัวแปรที่คาดไม่ถึงมากมายปรากฏตัวขึ้น แต่ดำเนินมาจนตอนนี้ก็ถึงขั้นตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว!
“หืม?”
จู่ๆ เนตรกระจ่างของรั่วซู่ก็หดรัด
ก็เห็นว่าไม่ไกลไปจากวังวนเวิ้งฟ้านั้น ชายหนุ่มชุดผ้าป่าน เท้าเปลือยเปล่า รูปลักษณ์โดดเด่นคนหนึ่งยืนอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
การห้ำหั่นและต่อสู้ของพวกเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูเหมือนดึงดูดความสนใจของเขาไม่ได้สักนิด
ดวงตาทั้งสองของเขาใสกระจ่างลุ่มลึก จดจ้องส่วนลึกของวังวนเวิ้งฟ้า ไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลี ยืนเด่นเพียงลำพัง
ครู่ใหญ่เขาถึงถอนใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง “ถ้ามหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นจะดีขนาดไหนนะ…”
——