Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2104 สู้ศึกระดับจักรพรรดิ!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2104 สู้ศึกระดับจักรพรรดิ!

ตอนที่ 2104 สู้ศึกระดับจักรพรรดิ!

อารามกษิติครรภ์เป็นอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์

ดังนั้นตอนที่เห็นภิกษุชุดดำกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าหาหลินสวิน พวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงล้วนมีท่าทางรอดูความครื้นเครง

ยามเจอกันครั้งแรก ท่าทางที่ไม่เห็นใครในสายตาของหลินสวินทำให้พวกเขาไม่ชอบใจยิ่ง

พวกเขาอยากดูนัก ว่าเจ้าคนที่ไม่เห็นใครในสายตาผู้นี้มีความสามารถแค่ไหนกันเชียว

จากนั้น…

พวกเขาพลันเห็นภาพที่ภิกษุทั้งกลุ่มคุกเข่าลงพื้น

ส่วนหลินสวินยืนอยู่ที่เดิมไม่เคยลงมือใดๆ

ภาพที่แปลกประหลาดนี้ทำเอาพวกเฟ่ยหล่างหลันหลิงต่างนัยน์ตาหดรัด

“ภิกษุเหล่านั้น ที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่พลังปราณระดับราชันอริยะเท่านั้น ไม่มีกึ่งจักรพรรดิแม้แต่คนเดียว ถูกคำพูดประโยคเดียวของเจ้าหมอนั่นกำราบก็เป็นเรื่องปกติ หากเป็นข้าก็ทำได้เช่นกัน”

เฟ่ยหล่างพูดเสียงขรึม

ในกลุ่มของพวกเขา คนที่อ่อนแอที่สุดก็มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าแล้ว อย่างเฟ่ยหล่าง หลันหลิงยิ่งเป็นผู้มีปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ แม้ประหลาดใจในอานุภาพที่ประหนึ่ง ‘คำสั่งศักดิ์สิทธิ์’ ของหลินสวิน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจ

เฒ่าชราผมขาวมองนิ่งๆ ไม่วิพากษ์วิจารณ์

ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิที่อยู่ข้างๆ อดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยกับภิกษุวัยกลางคนรูปร่างผอมซูบข้างๆ ว่า “เจิ้งฉวี เจ้าไปจับคนนอกรีตนั่นไว้”

ภิกษุวัยกลางคนรูปร่างผอมซูบที่ถูกเรียกว่าเจิ้งฉวีพยักหน้า เงาร่างพลันหายไปจากจุดเดิม

……

ภิกษุชุดดำทั้งกลุ่มที่คุกเข่ากับพื้น เลือดออกเจ็ดทวาร ราวกับหนอนที่ถูกกักขัง ไม่สามารถขยับและต่อต้านได้

ภาพนี้ทำให้เหล่า ‘ผู้ศรัทธา’ ที่คุกเข่าอยู่บนมรรคสถานยักษ์ตกใจ ต่างเคลื่อนสายตามองมา สีหน้าตกตะลึง

ราวกับใครก็ไม่กล้าเชื่อ ว่าบนโลกนี้ยังมีคนกล้าก่อเรื่องในอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์!

ไม่ทันไรหลินสวินยืนอยู่เพียงลำพัง ณ ที่นั้นพลันกลายเป็นจุดสนใจของทั้งลานทันที

และตอนนี้เอง ภิกษุวัยกลางคนที่ผอมซูบปรากฏตัวกลางอากาศ

เขาไม่พูดไร้สาระใดๆ ถือคทาขักขระโจมตีใส่หลินสวิน

ตูม!

คทาขักขระนั่นพุ่งโฉบ ม้วนตลบแสงธรรมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมา ควบรวมเป็นเงามายามุนินทร์ที่เคร่งขรึมมากมาย อานุภาพไร้จำกัด กำราบไปทางหลินสวินพร้อมกัน

หลินสวินดีดนิ้วคราหนึ่ง

ปัง!!

ในเสียงระเบิดที่สะเทือนหู คทาขักขระสีดำระเบิดออกทุกกระเบียด ภาพมายามุนินทร์ที่ควบรวมออกมาต่างพังทลายราวกับบุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารี

ส่วนเจิ้งฉวี ผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ที่มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าก็ปากจมูกหลั่งเลือด ร่างโซซัดโซเซ ถูกซัดจนล้มนั่งลงพื้นอย่างแรง สีหน้าซีดเซียว พลังขับเคลื่อนรอบตัวปั่นป่วน

ชั่วขณะหนึ่งเขาถึงขั้นไม่สามารถลุกขึ้นได้!

“หาเรื่องอับอายเอง”

ริมฝีปากของหลินสวินแฝงรอยยิ้มเยาะ

ด้วยพลังปราณในตอนนี้ของเขา สามารถกำราบบุคคลระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งอย่างจักรพรรดิกระบี่นภาประสานได้อย่างง่ายดาย จะเห็นกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าในสายตาได้อย่างไร

ในที่นั้นเงียบกริบ

เห็นภาพนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ศรัทธาเหล่านั้นหรือพวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงที่ดูอยู่ไกลออกไปต่างตกใจ สีหน้าเปลี่ยนไป เพียงดีดนิ้วเท่านั้นก็ทำลายคทาขักขระจนแหลกละเอียด ทำให้เจิ้งฉวีบาดเจ็บสาหัส!

ครั้นมองดูท่าทางเรียบเฉยของหลินสวินอีกครั้ง ก็เกิดการเปรียบเทียบที่ชัดเจนและสะท้านสะเทือนเป็นพิเศษ

“พวกเจ้าเห็นแล้วใช่ไหม เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนที่มกุฎกึ่งจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบได้”

และตอนนี้เองเฒ่าชราชุดขาวจึงพูดขึ้น แววตาราวกับสายฟ้า “หากเป็นพวกเจ้า… จะทำได้ถึงขั้นนี้หรือไม่”

พวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงมองหน้ากัน หากทำเต็มกำลังพวกเขาอาจจะสามารถทำได้ แต่อีกฝ่ายเพียงดีดนิ้วอย่างสบายๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด

นี่ทำให้พวกเขาอยากต่อต้าน… แต่ยังหาเหตุผลที่เพียงพอไม่ได้ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

“สหายยุทธ์รู้นานแล้วหรือว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก”

ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดินั่นสีหน้าอึมครึม ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจและตะลึง แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่ชอบใจคือ เห็นได้ชัดว่าพวกเฒ่าชราผมขาวรู้นานแล้วว่าหลินสวินแข็งแกร่งมาก แต่กลับไม่เคยเตือน แล้วยังมีท่าทางเหมือนรอดูความครึกครื้น

นี่ทำให้ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดินั่นอดสงสัยไม่ได้ ว่าพวกเฒ่าชราผมขาวจะดูเรื่องสนุกของหลินสวินหรือของแดนกษิติครรภ์กันแน่

“สหายยุทธ์เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแค่ดูออกว่าเขาไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าเขามีความสามารถแค่ไหน”

เฒ่าชราผมขาวอธิบายประโยคหนึ่ง จากนั้นยิ้มพูด “แน่นอนว่าหากสหายยุทธ์ต้องการความช่วยเหลือ ข้าย่อมไม่มีทางนิ่งดูดาย”

“ไม่จำเป็น ในอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์เรา หากยังกำราบคนนอกรีตตัวเล็กๆ คนหนึ่งไม่ได้จะไม่น่าอายหรอกหรือ”

ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิสีหน้าเรียบเฉย สายตาเผยประกายน่ากลัว จ้องหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป

ในเวลาเดียวกันหลินสวินเองก็เคลื่อนสายตามองไป ดวงตาดำลึกล้ำราบเรียบ “ไม่ต้องห่วง ต่อไปแดนกษิติครรภ์ไม่เพียงแต่จะอับอายขายหน้า ยิ่งจะถูกลบชื่อออกจากโลกนี้”

ประโยคเดียวทำเอาพวกเฒ่าชราผมขาวอึ้งงัน ช่างปากดีนัก!

ที่นี่เป็นถึงอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์ และใครไม่รู้บ้างว่าแดนกษิติครรภ์ที่เป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด แม้อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เป็นพวกน่ากลัวที่สามารถทำให้ขุมอำนาจใหญ่มากมายต่างหวาดเกรง

ใครจะกล้าประกาศกร้าวว่าจะลบชื่อแดนกษิติครรภ์

“เจ้าคนไม่เจียมตัว ต้องตายชดใช้ความผิดเท่านั้น”

ดวงตาของภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิเผยไอสังหารน่ากลัว เขาสะบัดแขนเสื้อ

ตูม!

ฟ้าดินปั่นป่วน เขตแดนมหามรรคแห่งหนึ่งควบรวมกลายเป็นโลกที่มืดมนเงียบสงัด เข้าปกคลุมยังบริเวณที่หลินสวินยืนอยู่

“ทุกท่านดูเอาเถอะว่าข้าจะหลอมเจ้าหมอนี่อย่างไร”

ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิสีหน้าเรียบเฉย เมื่อความคิดขยับไหว โลกเขตแดนนั่นเกิดอานุภาพไร้ขอบเขต สายฟ้าซัดสาด ลมเมฆแปรเปลี่ยน กฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิท่วมท้นปั่นป่วน กลายเป็นพลังเข่นฆ่ามหามรรคมากมาย

ทันทีที่เห็นภาพนี้ ในหัวพวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงต่างปรากกฏความคิดหนึ่ง

เจ้าหมอนี่จบสิ้นแล้ว!

ระดับจักรพรรดิราวกับปราการสวรรค์ไม่อาจข้ามได้ สูงส่งดุจเทพ ครอบครองพลังที่สะเทือนทั่วหล้า ทันทีที่ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิลงมือ ผลลัพธ์ก็ไม่ต้องสงสัยแล้ว!

แต่ในขณะเดียวกัน…

ตูม!

เสียงกึกก้องประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลายดังขึ้น ทุกคนเพียงรู้สึกว่าจิตใจสั่นสะท้านขึ้นมากะทันหัน จากนั้นก็เห็นว่าโลกเขตแดนที่ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิครอบครอง กลับระเบิดแหลกละเอียดราวกับฟองอากาศ

เงาร่างผ่าเผยร่างหนึ่งพุ่งออกจากละอองแสงที่กลบม้วนทั่วฟ้า ท่วงท่าไร้มลทิน ราวกับเซียนมาเยือนโลก สง่างามโดดเด่น!

“นี่…”

พวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงสูดหายใจหนาวเยือก อึ้งอยู่ตรงนั้น นั่นเป็นถึงอานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิ จะถูกระดับกึ่งจักรพรรดิสะเทือนได้อย่างไร

นี่เหลือเชื่อเกินไป!

ชั่วขณะนี้ในใจเฒ่าชราผมขาวก็สะท้านไหว สีหน้าที่เดิมทีเรียบเฉยในที่สุดก็เปลี่ยนไป เผยสีหน้าตกใจ ในฐานะระดับจักรพรรดิ เขายิ่งรู้ชัดถึงความแข็งแกร่งของระดับจักรพรรดิ

อย่างการลงมือของภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิก่อนหน้านี้ ดูเหมือนธรรมดา แต่อานุภาพมรรคจักรพรรดิสามารถกำราบศัตรูที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิทั้งหมดได้แล้ว!

แต่ตอนนี้มกุฎกึ่งจักรพรรดิอย่างหลินสวิน กลับโจมตีการจู่โจมนี้จนยับเยินราวกับเย้ยฟ้า นี่ทำให้เฒ่าชราผมขาวเองยังยากจะเชื่อ ความรู้ความเข้าใจทั้งหมดแทบจะถูกล้มล้าง!

‘ในมือเจ้าหมอนี่จะต้องมีไพ่ตายที่สุดยอดอย่างแน่นอน ถึงสามารถพลิกผันสถานการณ์ได้’ เฒ่าชราผมขาวคาดเดา

เขาไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีใครสามารถก้าวข้ามปราการสวรรค์ระดับจักรพรรดิ เรื่องเช่นนี้ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

ดังนั้นเขาจึงนึกไปตามสัญชาตญาณ ว่าหลินสวินจะต้องยืมพลังบางอย่างที่ไม่ใช่ของตน

ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิคนนั้นเองก็อึ้งไป จิตใจไหวกระเพื่อม ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึม

“เจ้าคนนอกรีตตัวดี มิน่าถึงกล้ามาก่อเรื่อง ที่แท้ก็มีที่พึ่ง แต่ในสายตาของข้า เจ้าดิ้นรนไปอย่างไรก็เป็นแค่มดตัวหนึ่ง!”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงเขาก็ลงมืออีกครั้งแล้ว

วู้ม!

ประทับกฎเกณฑ์ที่ควบรวมจากแสงธรรมสีดำปรากฏขึ้นกลางอากาศ ประทับกฎเกณฑ์ราวกับดอกบัวเบ่งบาน บนกลีบห่อหุ้มด้วยพลังกฎเกณฑ์มรคคจักรพรรดิอันคลุมเครือน่ากลัว

เมื่อประทับกฎเกณฑ์นี้ฟาดออกไป อารามกษิติครรภ์ทั้งหลังล้วนสั่นไหว กระบวนผนึกลายมรรคนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา เข้าตานทานและสลายคลื่นพลังนี้

ไม่เช่นนั้นทุกอย่างในมรรคสถานนี้ก็จะถูกทำลายสิ้นซากในชั่วพริบตา!

ตูม!

ประทับกฎเกณฑ์พร่างพราวพุ่งทะยานมา มีท่วงท่ากลบฟ้าบังตะวัน อานุภาพไม่อาจคาดเดา น่ากลัวไร้ขอบเขต

หลินสวินไม่เพียงไม่ถอยแต่ยังเดินหน้า

หรือพูดอีกอย่างว่า ชั่วขณะที่ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิลงมือ เขาก็ลงมือไปก่อนแล้ว เงาร่างเคลื่อนย้ายกลางอากาศ แขนขวาต่อดหมัดหนึ่งออกไป

หนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์!

เพียงแต่หมัดนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์ พลังหมัดราวกับเตาหลอมสะท้อนกลางอากาศ ประหนึ่งหุบเหวใหญ่กลืนกินฟ้า กฎเกณฑ์มหามรรคนับไม่ถ้วนซัดสาด ปรากฏความองอาจที่ซัดสะเทือนฟ้าดิน พุ่งทะยานอย่างห้าวหาญ

ตูม…

เสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น พลังหมัดกับประทับกฎเกณฑ์ตัดสลับกัน เหมือนภูเขาไฟที่นิ่งสงบมาหมื่นกาลสองลูกปะทุขึ้น ปลดปล่อยกระแสพลังไร้ขอบเขตม้วนซัดออกมา

ทันใดนั้นกระบวนผนึกลายมรรคที่ปกคลุมอยู่ในอารามกษิติครรภ์ก็ยืนหยัดไม่ไหว ถูกบดขยี้แหลกละเอียดโดยตรง มรรคสถานใหญ่ยักษ์และซุ้มธรรมตระหง่าน… ล้วนพังทลายทั้งหมด

เหล่าผู้มากราบไหว้และกลุ่มเฒ่าชราผมขาวเห็นท่าไม่ดีนานแล้วจึงหนีออกมา ตอนที่เห็นอารามกษิติครรภ์พังทลายจากไกลๆ ยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ตูม!

พลังที่การโจมตีนี้ปลดปล่อยออกมาถึงขั้นแผ่ไปทั่วทั้งเมืองรวมเมฆา ทำให้ทั้งเมือง รวมถึงสิ่งก่อสร้างในเมืองยังสั่นไหวขึ้นมากะทันหัน

ผู้แข็งแกร่งมากมายที่กระจายอยู่ในเมืองล้วนอดหวาดกลัวไม่ได้ ขนพองสยองเกล้า หนีกระเจิดกระเจิงราวกับฝูงสัตว์ที่ตกใจ

“สวรรค์ ถึงกับมีคนกล้ากำเริบสร้างความเสียหายในอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์ด้วยหรือ”

“หนีเร็ว!”

“อานุภาพระดับนี้… เกรงว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิลงมือ!”

“หนี หนีออกนอกเมือง เมืองนี้รักษาไว้ไม่ได้แน่!”

เสียงตะโกนด้วยความลนลานดังก้องขึ้นในพื้นที่แตกต่างกันในเมือง สำหรับผู้แข็งแกร่งที่เข่นฆ่าอยู่ในโลกมืดมานานปี คุ้นเคยกับความวุ่นวายโกลาหลเช่นนี้ยิ่งยวด

พวกเขาอาศัยประสบการณ์เอาตัวรอดมากมาย หนีออกนอกเมืองไปทั้งหมดแทบจะในทันที

กลุ่มเฒ่าชราผมขาวเองก็เช่นกัน

การต่อสู้ของหลินสวินและภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิครั้งนี้ก็เหมือนพายุทำลายล้าง เพียงพริบตาเมืองรวมเมฆาอันกว้างใหญ่ก็จมสู่ความพินาศแล้ว

สิ่งก่อสร้างนับไม่ถ้วนพังทลาย พื้นดินแตกระแหง กลางฟ้าดินล้วนถูกฝุ่นควันปกคลุม ราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ผู้คนมากมายหนีออกนอกเมือง ตอนที่เห็นภาพนี้ต่างตกใจจนเหงื่อท่วมตัว รู้สึกเหมือนรอดชีวิตจากภัยพิบัติ

และมีหลายคนไม่สามารถหนีออกมาได้ สิ้นชีพในเมือง!

มองดูภาพนี้จากไกลๆ สีหน้าของพวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงต่างเปลี่ยนไป ในใจเกิดความหวาดกลัวอย่างไร้ขอบเขต เจ้าหมอนั่น…

เหตุใดจึงแข็งแกร่งเช่นนี้

เฒ่าชราผมขาวสายตาวูบไหววาบประกาย เขาในตอนนี้ก็ไม่สามาถสงบได้เช่นกัน เมืองแห่งหนึ่งกลับถูกทำลายล้างในชั่วพริบตา!

“เจ้านอกรีต กล้ามาสู้กันหรือไม่”

ทันใดนั้นเสียงตวาดเย็นชาและเคร่งขรึมดังก้องฟ้า สะเทือนจนเมฆแปดทิศทรุดทลาย

ก็เห็นเงาร่างของภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิราวกับสุริยันสีดำดวงโต ทะยานอากาศออกมา ส่องสะท้อนใต้ฟ้า ราวกับเทพที่สูงส่ง!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท